ความลับของแม่มด โดย Ink Stone_Fantasy
ตอนที่ฮันนี่ถูกเรียกเข้ามาในปราสาท เธอดูมีความสุขอย่างมาก ทันทีที่เข้ามาในห้องเธอก็ไปเดินวนเวียนดูโต๊ะไม้แดงของโรแลนด์ เหมือนกับว่าจะดูมันทุกซอกทุกมุมอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมเหรอ?” โรแลนด์ถามอย่างแปลกใจขึ้นมา “โต๊ะนี้มันมีอะไรพิเศษเหรอ?”
“พระองค์เก็บของมีค่าเอาไว้ในนี้หรือเปล่าเพคะ?” ฮันนี่ถึงกับเดินเข้ามาดมๆ โต๊ะ “หรือว่ามันมีความสามารถอย่างอื่นอีก อย่างเช่นปล่อยความร้อนออกมาตอนกลางคืนได้?”
“จะเป็นไปได้ยังไง…” เขาหลุดขำออกมา “นี่มันก็แค่โต๊ะไม้ธรรมดาเท่านั้น ในนั้นมีแต่เอกสารกับจดหมายเท่านั้นแหละ”
“เอ๋ ยังงั้นหรอกเหรอเพคะ?” ฮันนี่ทำหน้าสงสัยขึ้นมา “อย่างนั้นทำไมทุกคืนพี่ไนติงเกลถึงต้องมานั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะตั้งนานด้วยล่ะเพคะ?”
“อะ อะไรนะ?” โรแลนด์กับเวนดี้ตะลึงขึ้นมาทันที ส่วนไนติงเกลก็กระเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ยาว
“ตอนที่หม่อมฉันฝึกเจ้าเกรย์แฮร์ มันบอกหม่อมฉันแบบนี้นี่เพคะ ถึงแม้มันจะทำได้เพียงใช้ท่าทางแสดงออกมาเท่านั้นก็ตาม” ฮันนี่พูดอย่างจริงจังว่า “พี่ไนติงเกลมักจะมานั่งที่ของฝ่าบาทตอนที่ไม่มีใครอยู่ แล้วก็ใช้หน้าแนบลงไปกับโต๊ะ…อื้อๆๆ…”
ฮันนี่ยังไม่ทันพูดจบ ไนติงเกลก็หายตัวเข้ามาแล้วใช้มือปิดปากของเธอเอาไว้ “ข้า ข้าก็แค่ง่วงนอน ก็เลยนอนฟุบไปที่โต๊ะเท่านั้น! อีกอย่าง นก นกมันจะไปรู้ได้ยังไงว่าข้าทำอะไรอยู่? เจ้าเข้าใจมันผิดแล้ว!”
เวนดี้เอามือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ
“อะแฮ่มๆ..” โรแลนด์กระแอมขึ้นมา “เจ้าเกรย์แฮร์น่าจะดูผิดหรือเปล่า? เพราะตอนกลางคืนไฟมันดับหมดแล้ว…”
ฮันนี่ส่งเสียงอู้อี้ออกมาไม่ชัด “แต่เจ้าเกรย์แฮร์มันเป็นนกฮูก”
ภายในห้องทำงานเงียบไปทันที
“เอาเป็นว่า เจ้าก็คิดซะว่ามันดูผิดแล้วกัน” โรแลนด์กระแอม ก่อนจะโบกมือไปทางไนติงเกลที่กำลังหน้าแดงอยู่ อีกฝ่ายกระทืบเท้า ก่อนจะหายไปในหมอกมายาทันที
ดูเหมือนนางคงจะไม่โผล่หน้าออกมาสักพักล่ะมั้ง
“เหรอเพคะ? หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” ฮันนี่ไม่ได้ถามอะไรต่อ “ถ้าโต๊ะมันสามารถส่งความร้อนออกมาได้ หม่อมฉันก็อยากจะได้โต๊ะแบบนั้นซักตัวเพคะ”
“ทำไมล่ะ?” โรแลนด์เลิกคิ้วขึ้นมา “ในปราสาทกับตึกแม่มดต่างก็มีเครื่องทำความร้อนไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ที่สวนมันไม่มี ถ้าไม่มีพี่ลีฟอยู่ ที่ตรงนี่ก็จะค่อนข้างหนาวเพคะ ช่วงนี้พวกเกรย์แฮร์มันไม่ยอมขยับเลยเพคะ หม่อมฉันกลัวพวกมันจะเป็นหวัด หม่อมฉันก็เลยเอาแคร่มาวางใต้ต้นมะกอกแล้วก็นอนกอดพวกมันเอาไว้ ถ้ามีโต๊ะที่สามารถให้ความร้อนได้ พวกมันก็คงจะสบายขึ้นเพคะ”
เธอถึงได้ดูสนใจโต๊ะทำงานแบบนั้นน่ะเหรอ? โรแลนด์สังเกตเห็นบนผมม้วนๆ ของฮันนี่ยังมีขนนกติดอยู่สองสามอัน ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับรังรกที่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย เขาพบว่าตัวเองนั้นมองข้ามเรื่องที่อยู่ของพวกนกส่งจดหมายไปจริงๆ เขาคิดว่าพวกมันมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ แต่กลับไม่ได้คิดถึงว่าการใช้พวกมันให้ฝ่าพายุหิมะในเดือนแห่งปีศาจออกไปส่งจดหมายนั้นเป็นการทำผิดธรรมชาติของพวกมัน
“ถึงแม้โต๊ะจะให้ความร้อนไม่ได้ แต่ว่าข้าให้คนไปก่อเตาไฟในสวนให้ได้” เขายิ้มๆ พร้อมทำมือให้ดู “น่าจะใหญ่ประมาณโต๊ะนี้แหละ เจ้าจะได้ให้สัตว์ของเจ้ามานั่งล้อมวงด้วยกันได้”
“จริงหรือเพคะ?” ฮันนี่ตาเป็นประกาย “ขอบพระทัยเพคะ!”
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ แต่ว่าเจ้าคุยกับพวกมันได้จริงๆ เหรอ?”
ฮันนี่ส่ายหน้าอย่างเขินๆ “ความจริงแล้วมันก็เป็นเหมือนที่พี่ไนติงเกลบอกนั่นแหละเพคะ สัตว์ส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงใช้ท่าทางง่ายๆ ในการบอกว่าพวกมันเห็นอะไรมา การเดาผิดนั้นเป็นเรื่องปกติ นั่นจึงไม่อาจถือเป็นการพูดคุยจริงๆ ได้เพคะ”
อย่างนี้นี่เอง โรแลนด์คิดในใจ ถึงแม้พลังเวทมนตร์จะทำให้นกที่ได้รับการฝึกมาเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของฮันนี่ แต่พลังเวทมนตร์กลับไม่สามารถทำให้พวกมันมีสติปัญญาใกล้เคียงมนุษย์ได้ “แล้วถ้าแค่ให้พวกมันไปเจอเรื่องที่น่าสนใจ แล้วกลับมาบอกทิศทางกับเจ้าล่ะ?”
“เรื่องที่น่าสนใจเหรอเพค?”
ฮันนี่ทำหน้าเหมือนครุ่นคิด ในขณะที่โรแลนด์กำลังคิดอยู่ว่าจะอธิบายความหมายของคำว่า ‘ข่าว’ ให้ฮันนี่เข้าใจอย่างไรดี จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เวนดี้กับครูบุ๊คมักจะมากินเหล้าด้วยกัน พอพวกนางดื่มจนเมาแล้ว พวกนางก็จะไปนั่งร้องเพลงอยู่ตรงระเบียง นี่ืถือเป็นเรื่องน่าสนใจไหมเพคะ?”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” โรแลนด์รู้สึกแปลกใจอย่างมาก เวนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของสโมสรแม่มด เธอทั้งอ่อนโยนและมีเมตตา ไม่ว่าเวลาไหนก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงสายลมอันเย็นสบาย ส่วนบุ๊คนั้นก็เป็นหัวหน้ากองการศึกษา แล้วก็เป็นครูในชั้นเรียนระดับต้นของพวกแม่มด ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีความอดทนอย่างมาก ในตัวเต็มไปด้วยความงดงามของความรู้ ปกติเธอจะไม่ค่อยยิ้ม แต่เธอกลับเป็นห่วงเป็นใยแม่มดในสโมสรแม่มดอย่างมาก เขานึกภาพทั้งสองคนตอนเมาไม่ออกจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อฟังจากคำพูดของฮันนี่แล้ว เหมือนนี่จะไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียวด้วย? “ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเสียงเพลงเลยล่ะ?”
“พวกนางมักจะนัดกันตอนที่พระองค์ทรงออกไปนอกเมืองเพคะ เพราะว่าถ้าพี่ไนติงเกลไม่อยู่ พวกนางก็จะสามารถดื่มเครื่องดื่มของพี่ไนติงเกลได้สะดวก” ฮันนี่พูด “นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ร้องเพลงเท่านั้นนะเพคะ กรีนเทลบอกหม่อมฉันว่า บางครั้งพวกนางยังพูดถึงพระองค์….อื้อๆๆ….”
ครั้งนี้กลายเป็นเวนดี้ที่มาปิดปากเธอ “หม่อมฉันเพียงแต่รู้สึกดีใจที่…ที่ฝ่าบาททรงประสบความสำเร็จเท่านั้นเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็เป็นคนบอกเองว่านกไม่สามารถพูดได้ แล้วพวกมันจะเข้าใจได้ยังไงล่ะเพคะว่าพวกหม่อมฉันพูดอะไรอยู่?”
“แต่กรีนเทลมันเป็นนกแก้วนะ…” ฮันนี่พยายามเปล่งคำพูดจนแก้มป่อง
เมื่อเห็นภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง โรแลนด์จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ ถือเป็นเรื่องน่าสนใจที่แปลกจริงๆ เจ้าผ่านแล้ว”
“ผ่านเหรอเพคะ?” เธองุนงง
“เดี๋ยวๆ เพคะ ฝ่าบาท จู่ๆ หม่อมฉันก็คิดว่าฮันนี่ไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งศูนย์กลางในกองประชาสัมพันธ์เพคะ…” เวนดี้พูดพร้อมกระแอมขึ้นมา
“วางใจได้ สุดท้ายร่างข่าวเหล่านั้นก็ต้องทำการตรวจสอบก่อนที่จะตีพิมพ์ออกไปอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเนื้อหาบนหนังสือพิมพ์หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องที่ให้ราษฎรอ่าน ไม่ค่อยเกี่ยวกับแม่มดเท่าไรหรอก” โรแลนด์ตัดสินใจ “อีกฝ่ายคนปกติเข้ามาในปราสาทไม่ได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้หรอก เพราะว่ามีแต่สัตว์ของนางเท่านั้นแหละที่จะทำให้เราได้ข่าวจากที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอถามหน่อยได้ไหมเพคะว่าพวกพระองค์กำลังคุยอะไรกันอยู่?” ฮันนี่ยกมือถาม
“ได้สิ” โรแลนด์หัวเราะออกมาเบาๆ “นี่เป็นงานที่น่าสนใจอย่างมาก มาหาข้ามา เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”
ตอนนี้มีศูนย์กลางข่าวสารแล้ว เทคโนโลยีการพิมพ์ก็มีแล้ว อย่างนั้นเรื่องต่อไปที่ต้องทำก็คือจ้างคน สร้างระบบสัมภาษณ์และระบบเขียนข่าวขึ้นมา งานส่วนนี้ให้บารอฟเป็นคนรับผิดชอบดูจะเหมาะสมที่สุด ส่วนตำแหน่งหัวหน้ากอง เขาตัดสินใจว่าตัวเขาจะรับผิดชอบเองไปก่อน
เมื่อคิดถึงระดับการยอมรับของผู้คน ตัวหนังสือพิมพ์จะจำหน่ายแค่เฉพาะในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปก่อน โดยจะจำหน่ายอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ในเนื้อหานอกจากจะมีเรื่องใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ต่างๆ แล้ว มันยังจะมีบางส่วนที่เป็นข่าวเกี่ยวกับประชาชนและชีวิตความเป็นอยู่ด้วย พวกกับการที่มีสำนักงานเมืองคอยทำงานอยู่เบื้องหลัง โรแลนด์เชื่อว่าไม่นานมันจะต้องกลายเป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดอย่างแน่นอน มันสามารถแก้ไขจุดอ่อนในด้านการประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ได้ ขณะเดียวกันยังทำให้ประชาชนมีประเด็นมากมายให้พูดคุยกันในร้านเหล้า จนมันทะลักออกมาที่ตลาด
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่เรื่องที่ทำการบันทึกลงไปอย่างเป็นทางการเท่านั้น ทว่าสิ่งที่โรแลนด์รู้สึกสนใจมากกว่านั้นก็คือคำพูดครึ่งหลังที่ฮันนี่ถูกห้ามไม่ให้พูดออกมา
แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะเค้นเอาให้ได้ตอนนี้ ถ้าตัวเองเป็นหัวหน้ากองล่ะก็ หลังจากนี้ตัวเองค่อยเรียกฮันนี่มาคุยเป็นการส่วนตัว แล้วถามเรื่องน่าสนใจที่เป็นความลับเหล่านั้นก็ได้ อย่างเช่นเรื่องที่เวนดี้กับบุ๊คคุยอะไรกันหลังจากเมา?
นี่มันทำให้เขารู้สึกอยากจะรู้จริงๆ