วันตีพิมพ์ โดย Ink Stone_Fantasy
วิคเตอร์นั่งพลิกดูบัญชีการค้าอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านเหล่าแห่งหนึ่งในเมืองเนเวอร์วินเทอร์
ภายในห้องส่วนตัวนี้แตกต่างจากโถงชั้นล่างที่มีเสียงดังเอะอะวุ่นวาย มันเป็นห้องสุดหรูที่บนพื้นปูด้วยพรมขนแกะ ใต้ตั่งมีอิฐร้อนปูอยู่ด้านใต้ ตั้งแต่เดินเข้าห้องจนมานอนอยู่บนตั่ง ใต้เท้าเขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นแม้แต่นิดเดียว
ทางร้านเหล้าได้ติดตั้งโต๊ะที่สามารถปรับระดับได้เอาไว้ข้างตั่ง โดยมันสามารถใช้เป็นโต๊ะเตี้ยในเวลาที่ต้องการได้ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่หนาวเย็น การนั่งทำงานอยู่บนตั่งถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ในเวลานี้ ด้านซ้ายมือของเขามีเนื้ออกไก่ย่างจนเหลืองหั่นเป็นชิ้นๆ วางเอาไว้ ด้านขวามือเป็นเครื่องดื่มยุ่งเหยิงสีม่วงเข้ม ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องรสชาติของมัน เพียงแค่อาหารมื้อนี้ก็มีค่าสิบกว่าเหรียญทองแล้ว
ในฐานะที่เป็นพ่อค้าอัญมณี แล้วก็เป็นบุตรคนที่สี่ของตระกูลโลธา ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในสายตาคนอื่นนี้ สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ใช้เงินเพื่อซื้อความสุขของตัวเองกลายเป็นความเคยชินของเขาไปเสียแล้ว เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องคุ้มหรือไม่คุ้มเลย
นับตั้งแต่ที่ได้มาเยี่ยมชมรถไฟเมื่อสองเดือนก่อน เขาก็เช่าห้องที่ชั้นสามของโรงแรมนี้เพื่อเป็นฐานทำการค้าของตัวเอง
แน่นอนว่าด้วยความร่ำรวยของเขาแล้ว ต่อให้เขาซื้อตึกซักสองสามก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่วิคเตอร์กลับชื่นชอบความรู้สึกที่ได้อยู่ข้างบนเงียบๆ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความวุ่นวายที่ชั้นล่างแบบนี้ ถ้าเทียบกับคฤหาสน์ใหญ่ๆ ที่พวกขุนนางชื่นชอบแล้ว เขาอยากจะมาพักอยู่ที่โรงแรมแบบนี้มากกว่า
นี่ก็เพื่อความสะดวกในการคุยการค้ากับพ่อค้าคนอื่นๆ
ถ้าหากมีอะไรที่จะสะท้อนความรุ่งเรืองทางการค้าของเมืองๆ หนึ่งได้ สิ่งนั้นย่อมต้องเป็นร้านเหล้าที่อยู่ใจกลางเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังพลิกอ่านหน้าสุดท้ายเสร็จ วิคเตอร์ก็ปิดสมุดหนังแกะในมือลง ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มที่เปล่งประกายขึ้นมา ท่ามกลางแสงเทียนที่สาดส่อง ของเหลวภายในแก้วสะท้อนสีม่วงแดงออกมาราวกับอัญมณี
บนบัญชีในช่วงนี้มีปัญหานิดหน่อย
นั่นก็คือเขาไม่ได้รับอัญมณีดิบจากดินแดนตะวันตกมาเป็นเวลานานแล้ว
สงครามแย่งชิงบัลลังก์ทำให้สถานการณ์ภายในเกรย์คาสเซิลเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมื่อถูกทำลายลงเพราะไฟสงคราม ขุนนางไม่มีศักดินาเหมือนอย่างเมื่อก่อน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ของใช้ฟุ่มเฟือยราคาตกลงแล้วตกลงอีก ถ้าอยากจะรักษากำไรเอาไว้ให้ได้เหมือนเดิม ก็มีแต่ต้องเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น แต่ถ้าไม่มีอัญมณีดิบ แล้วช่างอัญมณีที่เป็นลูกน้องของเขาจะทำอัญมณีออกมาได้อย่างไร
ป้อมปราการลองซองเคยเป็นแหล่งอัญมณีดิบขนาดใหญ่สำหรับเขา แต่หลังจากที่โรแลนด์ วิมเบิลดันประกาศสร้างเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แหล่งอัญมณีดิบก็ยิ่งขาดแคลนลงไปอีก เขาเคยไปที่เขตลองซองมาหลายครั้ง แต่ก็พบว่าเขตเหมืองของที่นั่นได้ถูกราชายึดเอาไปหมดแล้ว ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะปกติพวกผู้ปกครองก็ชอบสะสมความมั่งคั่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แปลกก็คือหลังจากที่พวกอัญมณีดิบที่ถูกขุดออกมาถูกส่งไปยังเขตชายแดน พวกมันก็เหมือนกับพากันหายไปจนหมด
ถูกต้อง เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นร้านอัญมณีในเมืองเนเวอร์วินเทอร์เลยแม้แต่ร้านเดียว
ถ้าไม่ขายอัญมณีดิบเพื่อเอากำไร ก็ต้องลงทุนเอาอัญมณีดิบมาทำเป็นอัญมณีแล้วขายเอากำไร วิธีจัดการกับอัญมณีของพวกผู้ปกครองมีอยู่แค่สองวิธีนี้เท่านั้น วิธีแรกเขาสามารถกินส่วนต่างได้ ส่วนวิธีที่สองเขาสามารถร่วมลงทุนทำการค้าด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางค้าขายหรือกระบวนการแปรรูปเป็นอัญมณี เขาก็ล้วนแต่มีความสามารถที่อีกฝ่ายไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้
แต่ราชากลับไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว
เหมือนกับว่าโรแลนด์ วิมเบิลดันนั้นไม่ได้คิดที่จะใช้อัญมณีเพื่อหาเงินอย่างไรอย่างนั้น
นี่ทำให้วิคเตอร์รู้สึกค่อนข้างทุกข์ใจ
เขาเคยเอาเครื่องประดับที่ทำเสร็จแล้วไปขายที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ แต่ผลที่ออกมาก็ทำให้เขาทุกข์ใจเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านที่ไหนก็ไม่มีทางใช้เครื่องประดับที่ราคาแห่งหลายสิบเหรียญทองแบบนี้ได้ แต่ไหนแต่ไรมาพวกมันเป็นของใช้สำหรับพวกตระกูลขุนนางที่ร่ำรวยเท่านั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูโดดเด่นภายในงานเลี้ยง แต่ที่ี่นี่กลับไม่มีขุนนางเหมือนอย่างที่ผ่านมา!
ถูกต้อง เมืองใหญ่ที่มีขนาดใหญ่โตนี้กลับไม่มีความสนใจเครื่องประดับอันล้ำค่า นี่คือเรื่องที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน
เขามาที่เนเวอร์วินเทอร์หลายครั้ง ทว่าเขามีแต่ซื้อของจากที่นี่ แต่กลับขายของได้น้อยมาก บัญชีบนสมุดหนังแกะเริ่มเผยให้เห็นถึงการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือสัญญาณที่ไม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
การปรากฏตัวขึ้นของรถไฟทำให้วิคเตอร์รู้ว่าอนาคตได้มาถึงแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้กระจายออกไปทั่วๆ และเพื่อที่จะขยายการค้าออกไปได้ดียิ่งขึ้น เขาก็ย่อมต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ใกล้กับอนาคต การย้ายศูนย์กลางธุรกิจจากเมืองหลวงเก่ามายังเมืองหลวงใหม่จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่ปัญหาคือถ้าเกิดในอนาคตไม่มีอาชีพของเขาอยู่จะทำยังไง?
เขามีเงินอยู่เยอะแยะมากมาย ต่อให้ไม่ทำอะไรเลยเขาก็ยังอยู่อย่างสุขสบายไปได้ตลอดชีวิต แต่เขาจำเป็นต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในด้านธุรกิจ ทำให้ตระกูลที่โลภมากและพวกพ่อค้าของแบล็คมันนี่เหล่านั้นพูดไม่ออก
เขาไม่อยากทำให้พ่อของเขาผิดหวัง
ในตอนที่วิคเตอร์กำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงถึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้ จู่ๆ เสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่างก็ดังขึ้นจากเดิมหลายเท่า แม้แต่ผนังห้องก็ยังสั่นสะเทือนขึ้นมา
ตอนนี้ยังไม่มืดเลย ตามหลักแล้วยังไม่ถึงเวลาที่ชาวบ้านจะพากันมากินเหล้า หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เขาดึงกระดิ่งเรียกสาวใช้ขึ้นมา
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ” หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา “นายท่านมีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ?”
พริบตาที่ประตูเปิดออก เสียงเอะอะพลันดังขึ้นมาทันที เขาเหมือนจะได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนขายอะไรบางอย่าง
วิคเตอร์ชี้ออกไปนอกประตู “ข้างล่างเกิดอะไรขึ้น?”
“ขออภัยเจ้าค่ะ นายท่าน พวกเขารบกวนท่านหรือเจ้าคะ?” สาวใช้ยิ้มอย่างขอโทษ “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีเจ้าค่ะ เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ขายหนังสือพิมพ์ ทุกคนกำลังแย่งกันซื้อมันอยู่เจ้าค่ะ”
“หนังสือ…พิมพ์?” เขาพูดทวนพร้อมทำหน้าแปลกๆ
“ใช่เจ้าค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝ่าบาททรงประกาศออกมาว่าจะใช้มันแทนป้ายประกาศที่อยู่ตรงลานเมือง ทุกคนต่างก็รอมาตั้งนานเพราะอยากจะดูว่าเจ้าหนังสือพิมพ์มันคือะไรกันแน่”
เอ่อ มีของเล่นใหม่ออกมาอีกแล้วเหรอ? สมแล้วที่เป็นเมืองหลวง วิคเตอร์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “มันราคาเท่าไร?”
“ได้ยินว่าฉบับละ 10 เหรียญทองแดงเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นช่วยข้าซื้อมา 1 …ไม่สิ ซื้อมา 10 ฉบับเลย!” เขาพูดทันที
“เจ้าค่ะ” สาวใช้วิ่งลงมาจากชั้นบน จากนั้นไม่นานเธอก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา “นาย นายท่าน…หนังสือพิมพ์ที่ส่งมาขายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” วิคเตอร์กะพริบตาอย่างแปลกใจ ถ้าบอกว่ามันเป็นสินค้าชนิดหนึ่งล่ะก็ อย่างนั้นมันจะขายดีเกินไปหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรสำหรับเขา ก็แค่ใช้เงินแก้ปัญหาเท่านั้นเอง “อย่างนั้นก็ไปซื้อจากคนที่มี เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!”
เขาโยนเงิน 1 เหรียญทองไปให้สาวใช้ “ขอเพียงซื้อมาได้ เงินส่วนที่เหลือคือของเจ้าทั้งหมด!”
“เจ้าค่ะ! นายท่าน!” สาวใช้ยิ้มดีใจ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หนังสือพิมพ์สีเทาขาว 6 ฉบับก็ถูกส่งมาถึงมือเขา
“ราคาข้างล่างเพิ่มขึ้นไปถึง 20 เหรียญเงิน ข้าพยายามเต็มที่แล้วเจ้าค่ะ…” สาวใช้พูดอึกๆ อักๆ
มีคนซื้อหนังสือพิมพ์ตุนเอาไว้จำนวนมากแล้วรอดูราคามันขึ้นอย่างนั้นเหรอ? ส่วนสีหน้าของอีกฝ่ายก็ได้บอกความความคิดที่อยู่ภายในใจออกมาจนหมด ถึงแม้จะทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่เธอกลับไม่ยอมคืนเงินที่เหลือออกมา ทว่าวิคเตอร์กลับไม่ได้สนใจอะไร “เจ้าชื่ออะไร?”
“ทิงเกิล เจ้าค่ะ”
“เงินนั่นเจ้าเก็บเอาไว้เถอะ” เขาโบกหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ “นอกจากนี้ เจ้ามาดูนี่ด้วยกันกับข้าได้ไหม?”
ในเมื่อมีอาหารและเหล้าเลิศรสแล้ว อย่างนั้นสิ่งที่ขาดอยู่ก็คงรู้ๆ กันอยู่ว่าคืออะไร หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ และเหงื่อที่ผุดออกมาจากปลายจมูกของอีกฝ่ายนั้นทำให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของหญิงสาววัยแรกแย้ม เขาเคยเจอหญิงสาวชั้นสูงมาเยอะแล้ว แต่หญิงสาวที่ดูเซ่อซ่าแบบนี้กลับเหมือนมีอะไรที่แตกต่างออกไป ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นชาวเมืองเนเวอร์วินเทอร์ด้วย ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจ เขาจะได้ถามเธอได้
“ท่านวิคเตอร์….” หญิงสาวก้มหน้าลง พวงแก้มแดงเรื่อขึ้นมาด้วยความเขินอาย ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้าออกมา “ข้ายินดีเจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะพร้อมเอามือตบไปที่ตั่ง “อย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามากที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า”