ตอนที่ 281 เราจะหนุนหลังเจ้าเอง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลันชะงักไปเล็กน้อย เมื่อครู่นางปลุกกระแสความเกลียดชังขึ้นมาแล้ว หากยังให้จีเฉวียนมาใกล้ชิดขนาดนี้อีก ท่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ล่ะมั้ง? แต่พอคิดอีกที อย่างไรเสียก็เหิมเกริมไปแล้ว ก็เลยตามเลยไปก็แล้วกัน

 

 

ตอนนี้นางเป็นบัวขาวดอกใหญ่ดอกหนึ่ง บัวขาวก็ต้องเสแสร้งเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

 

 

ดังนั้นนางจึงค่อยๆ ลงจากหลังของราชาหมาป่าทีละนิดๆ ด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด

 

 

พอถูกจีเฉวียนพยุงและกอดเอาไว้ในอ้อมพระพาหา นางก็ยื่นมือขึ้นไปโอบรอบพระศอเอาไว้ ส่งเสียงเย้ายวนว่า “ฝ่าบาท ข้างบนนี้สูงมากเลย น่ากลั้วน่ากลัว”

 

 

ผู้คนทั้งหลาย “???” พี่สาว เมื่อครู่ตอนที่ท่านทำท่ายโสโอหังอยู่บนนั้น ไม่ใช่แบบนี้นิ

 

 

พอหันมามองดูฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เขากลับไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ หากแต่บีบปลายจมูกของนางเบาๆ “ต่อให้สูงกว่านี้ เราก็จะรับเจ้าเอาไว้เอง”

 

 

ผู้คนทั้งหลายแทบจะกระอักเลือดออกมา

 

 

ขอโทษทีเถอะนะ….พวกเขามาที่นี่เพื่อตามหาสมบัติ ไม่ใช่มาดูทั้งสองพลอดรักกันเข้าใจไหม?

 

 

ขอถามหน่อย ทำตัวให้เป็นคนปกติบ้างเป็นไหม รักษากริยาหน่อย?

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้ยินเขาตรัสเช่นนี้ก็ชักจะขนลุกตัวชาขึ้นมาเหมือนกัน…..

 

 

ส่วนหยวนเฟยกับตู๋กูเจวี๋ยเห็นบ่อยจนคุ้นชินแล้ว จึงมีแต่ตู๋กูจุนที่ทำสีหน้าตกตะลึง

 

 

เขาพึ่งจะจากไปได้นานเท่าไหร่กัน? น้องเล็กก็ถูกเจ้าฮ่องเต้สุนัขจีเฉวียนนั่นงาบไปแล้วหรือ?

 

 

นางลืมไปแล้วหรือไง ว่าก่อนหน้านี้ก็ยังปรึกษาเรื่องก่อกบฏกับเขาอยู่เลยไม่ใช่รึ?

 

 

อู๋เจินรีบสั่งให้บรรดาลูกศิษย์ของตนเองก้มหน้าลงไป ฉากรักที่วาบหวามเช่นนี้ดูมากเกินไป จะมีผลต่อการฝึกฝนจิตใจของพวกลูกศิษย์ทั้งหลาย

 

 

ดูสิ เลี่ยนตายชัก!

 

 

ตู๋กูซิงหลันถึงกับหน้าแดงก่ำ พอลงจากอ้อมอกของจีเฉวียน ถึงได้กลับเป็นปกติ “บ่าวช่างใช้ไม่ได้จริงๆ ไม่อาจดูแลฝ่าบาทให้ดี และไม่ได้ดูแลพระสนมหยวนเฟย ถึงได้ปล่อยให้ของเล่นเหล่านี้บังอาจลามปามขึ้นมาเล่นบนหัวพวกเราได้”

 

 

หืม บ่าว!

 

 

ผู้คนพากันจับประเด็นสำคัญ ดูท่าแม่นางน้อยผู้นี้คงจะเป็นนางกำนัลในวังของแคว้นต้าโจว ดูท่านางจะเป็นนางกำนัลประจำตัว ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ ดังนั้นเมื่อครู่ถึงได้กล้าทำตัวยโสโอหังขนาดนั้น?

 

 

เพียงแต่ว่า…ทำไมนางถึงมีคุณสมบัติออกมาพูดจาได้กัน? หรือว่านางยังเก่งกล้าสามารถกว่าเหยียนเฉียวหลัวอีก สามารถถอนพิษไม้หนามได้หรือไร?

 

 

ฟังจากคำพูดที่นางตอบโต้กับเหยียนเฉียวหลัว คำว่า ‘ของเล่น’ ดูท่านางไม่ได้เห็นเหยียนเฉียวหลัวอยู่ในสายตาเลยเสียด้วยซ้ำ

 

 

กลุ่มของผู้อาวุโสหยู่ซั่งต่างพากันมีโทสะแล้ว แต่ละถ้อยคำของนังเด็กอ้วนนั้นเหมือนกับว่าตบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

“องค์ชาย เช่นนี้แล้วพวกเรายังจะต้องทนต่อไปอีกหรือ?” ผู้อาวุโสหยู่ซั่งทนต่อไปไม่ไหว จึงหันไปถามบุรุษชุดม่วง

 

 

องค์ชายเพียงมองดูตู๋กูซิงหลันอย่างเงียบๆ ค่อยกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า เหยียนเฉียวหลัวถูกรังแกเกี่ยวอันใดกับเราด้วย?”

 

 

หยู่ซั่งได้แต่สูดลมหายใจเข้าไปอย่างเหน็บหนาว แต่ก็ไม่กล่าต่อต้านเขา

 

 

“อย่างนางแม้แต่คุณสมบัติจะเป็นตัวหมาก ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ แล้วยังจะมาคาดหวังให้เราช่วย?” องค์ชายน้อยเยาะเย้ย

 

 

แค่ประโยคนั้นประโยคเดียวก็ทำให้หัวใจของหยู่ซั่งชาวาบ…..ใช่แล้ว ขนาดพวกนางก็ยังไม่มีคุณสมบัติเข้าตาของเขา ………แล้วเหยียนเฉียวหลัวล่ะมีอะไร

 

 

นางหันกลับไปมองดูเหยียนเฉียวหลัวที่น่าสงสาร ด้วยสายตาที่เยือกเย็นกว่าเดิม

 

 

เมื่อครู่เหยียนเฉียวหลัวยังได้รับการยกย่องจากฝูงชน ตอนนี้พอร่วงลงมา กลับโดดเดี่ยวอยู่เพียงผู้เดียว ถูกคนรังแกก็ไม่มีแม้แต่อาจารย์ของตนเองออกมาพูดหรือให้ความช่วยเหลือ ในหัวใจของนางเหลือแต่ความเหน็บหนาว

 

 

นางมองไปยังจีเฉวียน เพราะเมื่อครู่กระดูกซี่โครงหักไปท่อนหนึ่ง นางจึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น มองขึ้นมาด้วยสายตาอึมครึม “ฝ่าบาท มิว่าจะอย่างไร มีแต่ข้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือหยวนเฟยได้ สตรีผู้นั้นคิดจะครอบครองท่านเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ถึงได้ตั้งใจถ่วงเวลา ไม่ให้หยวนเฟยได้รับความช่วยเหลือ”

 

 

พอโดนสาดน้ำครำ ตู๋กูซิงหลันก็ยกมือขึ้นมา “ปากอย่างเจ้าไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมาได้ทั้งนั้นสินะ”

 

 

“เจ้าหุบปาก” เหยียนเฉียวหลัวตัดบทเสียงเย็น ในมือของนางมีขวดยาอยู่ใบหนึ่ง นางหันไปหาจีเฉวียน “นี่คือยาขวดสุดท้ายแล้ว ฝ่าบาท ข้าไม่ต้องการให้ท่านกระโดดทะเลสาบแล้ว นางกำนัลผู้นี้จงรักภักดีมากมิใช่หรือ? ขอเพียงนางยินยอมกระโดดทะเลสาบแทนท่าน ข้าก็จะมอบยาขวดนี้ให้กับหยวนเฟยในทันที”

 

 

“พระองค์อย่าได้ทรงลืมนะเพคะ หยวนเฟยเป็นถึงองค์หญิงของหนานเจียง ชีวิตของนางสูงค่ากว่านางกำนัลมากนัก”

 

 

นางคิดว่าตนเองโยนปัญหาหนักใส่จีเฉวียนได้แล้ว

 

 

คนหนึ่งมีฐานะสูงส่งเป็นถึงพระสนม อีกคนหนึ่งคือคนโปรดคนใหม่ เขาจะเลือกใคร?

 

 

เฮอะ เฮอะ …..คิดว่าจีเฉวียนเป็นคนที่มีความรักลึกซึ้งหรือ?

 

 

นางกล้าพนันเลยว่า เขาจะตัดสินใจส่งนังตัวสำรองนั่นออกไปโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลสักนิด!

 

 

นางจะคอยดูซิว่า อีกประเดี๋ยวนังคนอุบาทว์นั่นยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่?

 

 

ด้านหยวนเฟย “…..” นางรู้สึกว่าตนเองกระโดดลงทะเลสาบไปเลยดีกว่า

 

 

พวกเขาดูอย่างไรถึงได้เห็นว่าไทเฮาน้อยเป็นนางกำนัลกัน?

 

 

แค่เพราะว่านางสวมใส่ชุดนางกำนัลนะหรือ? นางกำนัลที่ไหนจะเกิดมาสวยงามและมีสง่าราศีเท่านี้?

 

 

ตาบอดหรือไง?

 

 

“อ๋ายย่าห์ ฝ่าบาทดูสิเพคะ…..ของเล่นชิ้นนี้มีพิษสงมาจริงๆ! รู้จักยุแยงให้แตกกันด้วย” ตู๋กูซิงหลันมองดูด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปเกาะท่อนแขนจีเฉวียน “นี่นางกำลังดูถูกฝ่าบาท หรือว่ากำลังดูถูกบ่าวกัน?”

 

 

จีเฉวียนเห็นนางทำตัวแปลกๆ เช่นนี้ก็ต้องแย้มสรวลออกมา

 

 

อ้ายย่าห์…..ก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่รู้มาก่อน ว่าดาวดวงน้อยดวงนี้มิว่าจะทำอะไร ก็ถูกอกถูกใจเขาไปเสียหมด?

 

 

อืม จะมองซ้าย หรือมองขวาดูอย่างไรก็น่ารัก

 

 

ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ถลึงตากลับไป จากนั้นก็ปล่อยมือจากจีเฉวียน เดินไปหาหยวนเฟยด้วยสีหน้ากังวลใจ “พระสนมหยวนเฟยเพคะ ท่านอย่าได้ไปเชื่อถือคำพูดไร้สาระจากของเล่นชิ้นนี้ นางตั้งใจจะแยกท่านออกจากฝ่าบาท”

 

 

หยวนเฟยรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาแล้วจริงๆ เดิมทีไทเฮาน้อยจะมาจับข้อมือของนาง แต่ทำไมตอนนี้นางรู้สึกว่าหลังคอเย็นวาบอย่างไรก็ไม่รู้ พอเหลือบตาไปมองฮ่องเต้ก็เห็นว่าสายพระเนตรของพระองค์จดจ้องมาที่นางอย่างแน่วแน่

 

 

สายพระเนตรนั้นเหมือนกับจะบอกว่า หากนางกล้าแตะต้องไทเฮาน้อย เขาก็จะให้นางได้งอกเงยอยู่บนภูเขาเทียนซานตลอดไป

 

 

หยวนเฟยรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาในทันที นางผงกศีรษะ “คนของแคว้นต้าโจวอย่างพวกเรา ไหนเลยจะถูกยุแยงให้แตกแยกได้ง่ายๆ”

 

 

ว่าแล้วนางส่งสายตาให้ไทเฮาน้อย กระซิบเสียงเบาที่ข้างหูนางว่า “ไทเฮาเพคะ อย่างข้าถือว่าพอจะยังมีทางช่วยได้หรือไม่?”

 

 

ตู๋กูซิงหลันเกือบจะหลุดขำออกมาเพราะนางอยู่แล้ว จึงตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆ ที่ได้ยินกันสองคนว่า “ต่อไปภายหน้าหากเจ้ามาเล่นกับข้าที่ตำหนักเฟิ่งหมิงกงบ่อยๆ ข้าก็จะช่วยเจ้า”

 

 

นางมารน้อยหยวนเฟยผู้นี้ ทั้งน่ารักทั้งน่าสนใจ หากไม่มาเล่นกับตนบ่อยๆ ก็น่าเสียดายไปแล้ว

 

 

เพียงแต่ว่าอุปนิสัยของนางออกจะถือดีและดื้อรั้น ไม่ใช่ประเภทที่เรียกหาก็มาง่ายๆ

 

 

“ได้ ได้ ได้ ข้าจะไป ไปตำหนักของท่านทุกๆ วัน อยู่ให้ท่านเรียกหาได้ตลอด ขอไทเฮาช่วยชีวิตด้วยเถอะเพคะ” หยวนเฟยยอมแล้ว

 

 

อย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่รักอิสระ และตามแต่ใจตนเองอยู่แล้ว ได้คลุกคลีกับไทเฮา ก็น่าจะมีโอกาสได้โบยบินมากกว่าเดิม

 

 

ตู๋กูซิงหลันแม้จะเป็นคนประหลาดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายอะไร มีฝีมือสูงส่ง หากได้สนิทสนมกับนางก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

 

 

แถมตอนนี้มือของนางใกล้จะถูกไม้หนามนั้นกลืนกินเข้าไปอยู่แล้ว นางมีแต่ความร้อนใจ

 

 

เหยียนเฉียวหลัวเห็นสองคนกระซิบกระซาบไม่หยุด ก็กล่าวขึ้นมาว่า “หยวนเฟย เจ้าอย่าได้ไปเชื่อถือนาง นางอยากให้เจ้ารีบๆ ตายไปซะ จะได้ครอบครองฝ่าบาทเพียงผู้เดียว”

 

 

บังเอิญจริงๆ ผู้อื่นเห็นแล้วก็คิดไปในทางเดียวกัน

 

 

พอเหยียนเฉียวหลัวพูดจบ ก็เห็นตู๋กูซิงหลันยื่นมือออกไปคว้ายอดหนามบนข้อมือของหยวนเฟยขึ้นมาทันที

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

ดอกบัวขาว: ชาวจีนมีคำกระแนะกระแหนผู้หญิงที่ชอบทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าแต่ลับหลังวางแผนแทงผู้อื่น ว่าเป็นดอกบัวขาว เช่น โอ้ย! แม่นางเอกนอกจอ แม่ดอกบัวขาว ทั้งดีทั้งสวยทั้งมีเมตตา หล่อนใช้วิธีนี้สินะถึงได้จีบผู้ชายสำเร็จ

 

 

ตอนต่อไป : “หลงจนโงหัวไม่ขึ้น” (ชอบชื่อตอนนี้)