บทที่ 644 ความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 644 ความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า
“เดี๋ยวพ่อของเจ้าก็จะครบรอบวันเกิดหกสิบปีแล้วไม่ใช่หรือ? ไม่ต้องกลับไปเตรียมการเหรอไง?” กู้ชูหน่วนมองไปทางเซียวหยู่เซวียนอย่างฉับพลัน

เซียวหยู่เซวียนตีหัวตัวเอง “เอ้อ ดูความจำข้าสิทำไมถึงลืมไปได้นะ ยัยขี้เหร่ ข้ากลับไปก่อนรอบหนึ่ง อีกสามวันจะเป็นครบรอบวันเกิดหกสิบปีของท่านพ่อของข้า ถึงเวลาเจ้าต้องมาร่วมด้วยอย่าลืมล่ะ”

“ได้ ข้าจะไปแน่นอน”

กู้ชูหน่วนยิ้มนิดหน่อย บนใบหน้ามีหนักใจอยู่เล็กน้อย มองเงาหลังที่จากไปของเซียวหยู่เซวียน นางเรียกเขาไว้เขาทันที

“เสี่ยวเซวียนเซวียน…..”

“ทำไมเหรอ?”

“พ่อของเจ้าอายุมากแล้ว เขาทั้งดูแลปกป้องบ้านเมือง ทั้งเลี้ยงดูอุ้มชูพวกเจ้าไม่ง่ายเลย เจ้ามีเวลาว่างก็อยู่เป็นเพื่อนเขามากๆหน่อย อย่ายั่วโมโหเขาบ่อยๆ”

ปากของเซียวหยู่เซวียนเปิดขึ้น เหมือนคิดจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็กลืนลงไปแล้ว และเพียงแค่ยิ้มให้กู้ชูหน่วนวางใจเท่านั้น

“วางใจเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าดื้อรั้นไม่รู้เรื่อง หลังจากนี้จะกตัญญูต่อเขาเป็นอย่างดี”

เขามีความสงสัยมากมายอยู่เต็มอก สองวันนี้พวกเขาผิดปกติเกินไปแล้ว

แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อ เชื่อผู้หญิงที่เขาชอบ เชื่อว่ายัยขี้เหร่จะไม่ทำร้ายท่านพ่อของเขา

หลังจากที่เซียวหยู่เซวียนจากไป รอยยิ้มตรงมุมปากของกู้ชูหน่วนก็หมองลง กลายเป็นความเศร้าอันหนักอึ้งเข้ามาแทนที่จะปัดอย่างไรก็ไม่ออก

“พี่หน่วน พี่เป็นอะไร? ทำไมจู่ๆก็เศร้าขึ้นมาขนาดนี้ล่ะ? ท่านตัดใจจากเซียวหยู่เซวียนไม่ลงใช่หรือไม่? ต้องการให้ข้าไปเรียกเขากลับมารึเปล่า”

“น้องฉีหลัว เจ้าช่วยพี่อย่างหนึ่งได้หรือไม่?”

“ได้แน่นอน พี่หน่วนพูดมาเลย”

“ปิดปากของเจ้าซะ อย่ามาพูดจาจ้อกแจ้กจอแจต่อหน้าข้าอีก และอย่างวิ่งวนไปเวียนมาต่อหน้าข้า ข้าอยากอยู่เงียบๆ”

“ได้….ก็ได้….งั้นนานแค่ไหนล่ะ?”

“หนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนละกัน” กู้ชูหน่วนอยากพูดว่าสามวันสามคืน แต่นางรู้ว่าสามารถทนได้หนึ่งวันหนึ่งคืนก็แทบตายแล้ว

“ก็ได้ งั้นข้าไปเล่นกับคนอื่นก่อน รอจนถึงพรุ่งนี้เวลานี้ข้าค่อยกลับมาหาพี่ใหม่”

ฮัวฉีหลัวเดินก้าวหนึ่งหันกลับมาสามครั้ง อยากรอให้กู้ชูหน่วนเรียกนางไว้ แต่กู้ชูหน่วนเพียงแค่นั่งพิงอยู่นอกประตูเงียบๆ มือสองข้างกอดหัวเข่าของตัวเอง ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร และไม่รู้ว่ากำลังเศร้าอะไรอยู่

เวลาผ่านไปช้าๆ กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว นั่งจนขาของนางชาไปหมดแล้ว

ตอนนี้จึงได้ค้ำยันลุกขึ้นด้วยขาอันเหน็บชาทั้งคู่ ไปสำรวจดูที่ห้องของเลว่อิ่ง

ในนั้นฮ่องเต้ฉู่กำลังสนทนากับเลว่อิ่ง แม้ว่าจะเป็นการสนทนาที่เรียกได้ว่ามีเพียงฮ่องเต้ฉู่พูดเองเออเองเพียงคนเดียวเท่านั้น

ฮองเฮาฉู่ก็ลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ทำอาหารบำรุงและกับข้าวมากมาย เรียกให้เลว่อิ่งมากิน

นี่เป็นภาพที่มีความสุขภาพหนึ่ง

เหมือนครอบครัวสามคน

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง นางก็คงไม่เชื่อด้วยซ้ำว่า คู่สามีภรรยาสูงอายุที่อยู่เบื้องหน้านี้จะเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาผู้ที่มีอำนาจสูงที่สุดของแคว้นฉู่

“แม่นางกู้ เจ้าอยู่ด้านนอกทำไมไม่เข้ามา รีบเข้ามาชิม ข้าทำอาหารเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่”

หลังจากถูกเห็นเข้า กู้ชูหน่วนก็เดินเข้ามาอย่างเปิดเผย

“หอมจังเพคะ ท่านทำเองหมดเลยเหรอเพคะ?”

กู้ชูหน่วนมองดูคร่าวๆ บนโต๊ะมีอาหารอยู่ประมาณเจ็ดแปดอย่าง ไก่เป็ดปลาเนื้อและผักใบเขียวล้วนมีทั้งหมด ดูแล้วมีทั้งสีสันและความหอมครบครัน คิดว่ารสชาติก็คงไม่แย่ไปไหน

ฮองเฮาฉู่ยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าไม่ได้ทำอาหารมาหลายปีแล้ว ฝีมือตกไปเล็กน้อย ทำให้แม่นางกู้เห็นความน่าอายแล้ว”

ฮ่องเต้ฉู่หัวเราะอย่างเบิกบาน “จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ อาหารเหล่านี้ยังเป็นรสชาติเดิมเหมือนเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยนสักนิด แม่นางฉีหลัวล่ะ ข้าจะให้คนไปเรียกนางมาลองชิมฝีมือของหยุนเอ๋อร์ด้วยกัน”

กู้ชูหน่วนรีบกล่าว “ไม่ต้องแล้วเพคะ นางกินแล้ว ตอนนี้นอนไปแล้วเพคะ”

ล้อเล่นน่า ไม่ง่ายที่จะสะบัดนางออกไปได้ เกาะติดเข้ามาอีก นางคงต้องถูกตามตื๊อตายแน่”

“แม่นางฉีหลัวเข้านอนเร็วจริงๆ เช่นนั้นพวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”

ฮ่องเต้ฉู่พูดพลาง ก็คีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้เลว่อิ่ง ปากก็พูดว่า “ดูเจ้าผอมซะ ต้องกินเนื้อให้มากๆหน่อยบำรุงร่างกายให้ดีๆหน่อย” “เนื้อเหล่านี้จะบำรุงกว่าโจ๊กปลาได้อย่างไร”