หลังจากอาหกบอกว่าฉู่หลิงกำลังค้นหาสัญญาณจากอุปกรณ์ติดตามที่ฝังอยู่ในร่างกายลู่หลี ถังซีก็ขอให้อาหกพาเธอไปหาฉู่หลิงทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นอาหกขับรถไปทางบริษัทเธอ ถังซีก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ และรอคอยอยู่ในรถอย่างอดทน ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

 

 

ถังซีมองดูชื่อผู้โทรแล้วรับสาย “พี่เหยา มีอะไรเหรอคะ”

 

 

น้ำเสียงเย็นๆ แต่อ่อนโยนของเซียวเหยาดังขึ้น “เธออยู่ที่ไหน”

 

 

ถังซีตอบว่า “ฉันกำลังไปที่บริษัทของฉัน”

 

 

เซียวเหยาชะงักนิดหนึ่ง แล้วถามว่า “โหรวโหรว เพื่อนของเธอ ลู่หลี หายตัวไปใช่ไหม”

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว จากนั้นก็เม้มริมฝีปาก “พี่รู้ได้ยังไงคะ พี่เหยา”

 

 

“พี่กำลังจะไปปฏิบัติภารกิจช่วยชีวิตเขา และจับคนทรยศในองค์กรของพี่ บอกเฉียวเหลียงด้วยว่ามีคนทรยศไม่เฉพาะในองค์กรของพี่ แต่รวมถึงองค์กรของเขาด้วย คนพวกนั้นเป็นสายลับ แต่แฝงตัวและได้รับความไว้วางใจจากเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเขาทำงานได้อย่างสบายมาก” น้ำเสียงเซียวเหยาเคร่งขรึม “และสายลับพวกนี้เป็นอันตรายมาก”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ถังซีก็ขมวดคิ้วถามว่า “พี่เหยา หมายความว่าพี่กำลังจะไปปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงอันตรายใช่ไหม”

 

 

ทำไมเซียวเหยาถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!

 

 

เซียวเหยาไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ถังซีใส่ใจมากที่สุดคือความปลอดภัยของเขา เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และกล่าวเบาๆ ว่า “นี่คืองานของพี่ พี่เลือกภารกิจไม่ได้”

 

 

ถังซียังคงขมวดคิ้ว “ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ”

 

 

เซียวเหยากล่าวว่า “พี่อยู่ที่สนามบิน โหรวโหรว มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเอ็มไพร์กรุป คุณปู่เธอเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว พวกเขาติดต่อเธอไม่ได้ อย่าลืมโทรหาพวกเขาด้วย”

 

 

ถังซีตอบว่า “ได้ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะพี่เหยา”

 

 

เซียวเหยาทำเสียงตอบรับในลำคอแล้ววางสาย จากนั้นก็เปิดดูรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ มองดูหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งแล้วยิ้ม กดโทรออกที่หมายเลขนั้น และทางปลายสายก็รับสายในไม่ช้า เซียวเหยาถามว่า “หว่านอีอยู่แถวนั้นไหมครับ”

 

 

คนที่รับสายคือผู้ดูแลเฮ่อหว่านอี เมื่อได้ยินว่าเป็นเซียวเหยาเธอก็ตอบอย่างสุภาพ “พี่หว่านอีกำลังถ่ายโฆษณาโทรทัศน์อยู่ค่ะ ฉันจะบอกให้เธอโทรกลับนะคะ”

 

 

เซียวเหยาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ตกลงครับ ขอบคุณ”

 

 

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเฮ่อหว่านอีก็โทรกลับมาหาเซียวเหยา ตอนนั้นเซียวเหยานั่งอยู่ในห้องโดยสารบนเครื่องบินแล้ว กำลังประชุมกับทหารของเขา เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาก็พักการประชุมและรับสาย น้ำเสียงกระตือรือร้นของเฮ่อหว่านอีดังขึ้น “ฉันกำลังถ่ายโฆษณาทีวีอยู่ค่ะเมื่อกี้ ผู้ช่วยฉันเป็นคนรับสาย”

 

 

เมื่อได้ยินเสียงน้ำเสียงบ่งบอกความดีใจของเธอ เซียวเหยาก็ขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย บอกว่า “ผมรู้”

 

 

เฮ่อหว่านอีจิบน้ำแล้วถามเขาว่า “มีอะไรเหรอคะ”

 

 

เซียวเหยายิ้ม “ผมแค่อยากบอกคุณว่าผมกำลังออกไปปฏิบัติภารกิจ”

 

 

เฮ่อหว่านอีรู้สึกวาบไหวในหัวใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองยังไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์กันอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ นี่เขาเริ่มรายงานตัวกับเธอแล้วหรือ เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็ยิ้มออกมา เธอยื่นแก้วน้ำให้ผู้ดูแลแล้วมองออกไปยังเครื่องบินที่บินอยู่นอกหน้าต่าง พร้อมกับยิ้ม “แล้วคุณอยู่ไหนคะตอนนี้”

 

 

เซียวเหยามองดูนาฬิกาข้อมือ “ผมอยู่บนเครื่องบิน กำลังจะขึ้นแล้ว ผมต้องวางสายแล้วนะ”

 

 

“จริงเหรอ” เฮ่อหว่านอีกล่าวอย่างน่าสงสาร “ฉันก็อยู่ที่สนามบินเหมือนกันค่ะ กำลังถ่ายโฆษณาทีวีอยู่ ฉันถึงไม่ได้รับสายเมื่อกี้! แล้วฉันจะได้เจอคุณไหม”

 

 

เซียวเหยายิ้ม “เอาไว้เจอกันตอนผมกลับมานะ เครื่องบินกำลังจะขึ้นแล้ว ผมต้องวางสายแล้วล่ะ”

 

 

เฮ่อหว่านอีไม่อยากวางสายเลย ท่าทางเธอไม่เต็มใจอย่างยิ่งเมื่อเซียวเหยาวางสาย เธอมองดูเครื่องบินที่กำลังบินขึ้น พยายามเดาว่าเซียวเหยาอยู่ในลำไหน

 

 

 

 

เมื่อถังซีไปถึงเดอะควีนนั้น ฉู่หลิงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขากำลังค้นหาลู่หลี ถังซีเม้มริมฝีปาก เดินเข้าไปหาเขา ฉู่หลิงหันมาสบตาเธอ “คุณทำเสื้อผ้าพวกนั้นเสร็จหรือยัง”

 

 

ถังซีมองหน้าเขาและถามว่า “ยังไม่พบร่องรอยเลยเหรอ”

 

 

ฉู่หลิงขยี้หัวคิ้วไปมาและส่ายศีรษะ “ยัง ผมรู้สึกแย่มากๆ คุณรู้ไหม โอกาสเหลือน้อยมากที่จะหาคนที่หายไปพบ ถ้าเขาหายไปนานกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง”

 

 

ถังซีหน้าเครียด ฉู่หลิงผ่อนลมหายใจ “ตอนนี้เราทำได้แค่อธิษฐานต่อพระเจ้า ภาวนาขอให้เขาโชคดี” จากนั้นเขาก็สวมแว่นตา จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว ยื่นเอกสารให้ฉู่หลิง “ตามหาว่าชายคนนี้อยู่ที่ไหน”

 

 

ฉู่หลิงรับเอกสารมาอ่านแล้วเลิกคิ้ว “ทำไม…”

 

 

ถังซีพยักหน้า “พี่ใหญ่ของฉันบอกว่าผู้ชายคนนี้ทรยศเขา และดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย คุณอาจหาลู่หลีพบเมื่อคุณหาผู้ชายคนนี้พบ”

 

 

ฉู่หลิงยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงทันที และเริ่มตรวจสอบพิกัดของชายคนนั้น พร้อมกับถามถังซี “พี่ใหญ่ของคุณจะไปเม็กซิโกด้วยเหรอ”

 

 

ถังซีพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้เขาคงอยู่บนเครื่องบินแล้ว”

 

 

ฉู่หลิงขมวดคิ้ว “อันตรายมากนะที่จะไปที่นั่นตอนนี้ ผมคิดว่าพวกเขาควรอยู่ให้ห่างจากเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้จะดีกว่า ถึงยังไงสุดท้ายพวกอันธพาลเม็กซิกันก็จะได้รับการลงโทษอย่างที่สมควรจะได้รับ ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดสำหรับพวกเขา ที่จะเข้าไปยุ่งในตอนนี้”

 

 

“พี่ใหญ่ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ในเรื่องนี้” ถังซีมองหน้าฉู่หลิงและเปลี่ยนประเด็น “คุณเจอหรือยัง ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน”

 

 

“เจอแล้ว เขาอยู่ในป่าที่เม็กซิโกตะวันออก… บรรลัยแล้ว!” ทันใดนั้นฉู่หลิงก็สบถออกมา แล้วโทรหาเฉียวเหลียงทันที “เราหลงกลคนพวกนั้น! พวกเขาอยู่ในโรงงานร้างห่างจากฐานหมายเลขสาม ยี่สิบกิโลเมตร”

 

 

“แต่เราเพิ่งค้นหาที่นั่น ไม่มีใครอยู่เลย”

 

 

ฉู่หลิงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงดัง “ผมรู้จักโรงงานหลังนั้นดี มีชั้นใต้ดินสามชั้นในโรงงานนั้น คุณค้นหาหมดหรือยัง”

 

 

เสียงคำรามของเฉียวเหลียงดังลั่น “อะไรนะ มีชั้นใต้ดินสามชั้นในโรงงานหลังนั้น! ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้”

 

 

ฉู่หลิงชะงักและคำรามกลับ “ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะโง่ขนาดนี้! ทำไมคุณไม่สำรวจหาห้องใต้ดินให้ละเอียด แต่ระวังตัวกันด้วยนะ เพราะว่า… ชั้นใต้ดินเป็นห้องทดลองร้าง ถ้าลู่หลีถูกขังไว้ที่นั่นละก็บรรลัยแน่!”