นี่ถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่าเฉียวเหลียงกับหลินหย่วนเติบโตมาพร้อมกับลู่หลี เขาคงจะสงสัยว่าสองคนนั้นสมรู้ร่วมคิดกันกำจัดลู่หลี เพื่อยึดเอาหลงเซี่ยวกรุปมาเป็นของตัวเองแน่ๆ
เฉียวเหลียงชะงัก แล้วสั่งคนของเขา “ไปตรวจดูอีกที เราต้องหาลู่หลีให้เจอให้ได้!”
ถังซีมองหน้าฉู่หลิง เมื่อเห็นเขาวางสายเธอก็ถามว่า “มีอะไรเหรอ”
“พวกเขากำลังไปสำรวจดู ผมคิดว่าน่าจะรู้ผลในไม่ช้า” ฉู่หลิงโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว ขยี้หัวคิ้วขณะมองหน้าถังซี “ขอบคุณมากนะ ข้อมูลของคุณช่วยเราได้มาก”
ถังซีขยับริมฝีปาก พยายามจะยิ้ม แต่รู้สึกว่าเธอยิ้มไม่ออก เธอส่ายศีรษะมองหน้าฉู่หลิง “กรุณาบอกให้ฉันรู้ทันทีที่คุณได้ข่าวอะไรก็ตามจากพวกเขา ฉันมีอะไรบางอย่างต้องไปทำ ฉันต้องไปก่อน”
ฉู่หลิงเฝ้ามองเธอจากไปและไม่พูดอะไร เขามองหน้าอาหก บอกให้ดูแลถังซีให้ดี แล้วหันกลับไปทำงานต่อ
ถังซีออกจากเดอะควีนตรงไปสนามบิน เธอสวมหน้ากากผิวหนังของถังซีระหว่างทาง
เมื่อเห็นเธอสวมหน้ากากผิวหนังของถังซี อาหกก็กล่าวว่า “คุณท่านถังและคุณแม่ของคุณกลับไปเมืองหลวงแล้ว ความคิดเห็นของสาธารณชนไม่เอื้อประโยชน์ให้ทางคุณ คนอื่นๆ ในตระกูลถังต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ ครับ”
ถังซีพยักหน้า “ฉันรู้” มีริ้วรอยความเหนื่อยล้าอยู่ในดวงตาเธอ
ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว และเธอยังต้องรับมือกับเรื่องอื่นๆ ต่อไปโดยไม่ได้พักผ่อน ด้วยร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกเวียนศีรษะ
แต่เธอไม่มีเวลาพัก เธอทำได้เพียงบอกตัวเองให้ฮึดสู้ไว้ อย่าหมดแรง
ถังซีขยี้หัวคิ้วไปมา หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาผู้ช่วยหวังซึ่งรับสายในไม่ช้า เมื่อได้ยินเสียงจากทางอีกด้านหนึ่งถังซีก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
“เรากำลังถูกนักข่าวรุมค่ะ มีบางอย่างผิดปกติกับโครงการหนึ่งของเรา คือ…” ผู้ช่วยหวังรีบรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้เธอทราบ
เมื่อได้ยินการรายงานทั้งหมด ถังซีก็กล่าวอย่างใจเย็น “พักเรื่องนี้ไว้ก่อน ตอนนี้เรื่องที่ฉันขอให้คุณตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง ได้หลักฐานบ้างหรือยัง”
ผู้ช่วยหวังชะงัก แล้วตอบทันทีว่า “โอ ใช่ค่ะ ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง! ท่านประธานคะ ฉันได้หลักฐานแล้วว่าพวกเขาแอบสมรู้ร่วมคิดกันอย่างลับๆ ทันทีที่เราเปิดเผยหลักฐานนี้ต่อสาธารณะ ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ จะไม่อยู่ข้างพวกเขา และเราจะสามารถขับไล่พวกเขาออกจากบริษัทได้อีกด้วยค่ะ!”
ถังซียิ้มเมื่อได้ยินว่าผู้ช่วยหวังหาหลักฐานได้แล้ว เธอรวบรวมพละกำลังที่มีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เราจะทำผิดพลาดไม่ได้เลยนะในนาทีนี้ ทิ้งงานอื่นไว้ก่อน ขับรถมาที่สนามบิน ฉันจะไปถึงสนามบินที่เมืองหลวงในอีกประมาณสามชั่วโมง มารับฉันด้วย”
ถังซีกล่าวแล้ววางสาย อาหกมองเธอผ่านกระจกมองหลัง ทันใดนั้นถังซีก็หันมาสบตาเขาและถามว่า “อาหกตอนนี้ในองค์กรคุณมีนักฆ่าบ้างไหม”
อาหกตกใจกับคำพูดของเธอ เขามองถังซีอย่างตื่นตระหนก “ฮึ อะไรนะครับ คุณ… คุณถัง คุณอยากฆ่าคนเหรอครับ”
ถังซีมองหน้าเขาและถามว่า “ถ้าฉันอยากทำ คุณจะช่วยฉันได้ไหม”
อาหกคิดว่าเขาควรแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนี้ดีกว่า…
เมื่อเห็นอาหกไม่ยอมตอบ ถังซีก็เม้มริมฝีปากด้วยความผิดหวัง หันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แล้วค่อยๆ หลับไป
…
ที่เม็กซิโก
เฉียวเหลียงและคนของเขายังคงค้นหาลู่หลีต่อไป หลินหย่วนอยากมาที่นี่เพื่อค้นหาลู่หลีด้วยตัวเอง แต่เฉียวเหลียงปฏิเสธ บอกว่าเขาต้องอยู่ที่หลงเซี่ยวและเฝ้าระวังสำนักงานใหญ่
ในเวลานี้เฉียวเหลียงและเหล่าเจ้าหน้าที่เดินกันอยู่ในป่าด้วยความระมัดระวัง เจ้าหน้าที่หญิงที่อยู่ข้างหลังเขากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คริส มีกับระเบิดมากมายในป่านี้ โปรดระวังด้วย”
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้น พวกเขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมากในทุกๆ ฝีก้าวที่เดินไป
เฉียวเหลียงมองหน้าเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้น ขมวดคิ้วถามว่า “คุณไม่ได้อยู่ที่ดูไบเหรอ”
“เจสซ์ส่งฉันมาที่นี่ค่ะ” เจ้าหน้าที่หญิงกล่าว
เฉียวเหลียงมองดูเธอและส่งเสียงคำรามเบาๆ “วันหนึ่งเขาจะต้องเสียใจ”
เจ้าหน้าที่หญิงยิ้ม “ฉันจะไปสำรวจทางข้างหน้า”
เฉียวเหลียงมองตามหลังเธอ และยังคงเดินไปข้างหน้า จากนั้นผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาและกล่าวเสียงเบา “แน่ใจหรือว่าเขาอยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินเสียงชายคนนั้นเฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้ว ชายคนนั้นกล่าวขึ้นอีกว่า “ฉันนั่งรอฟังข่าวอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก ฉันจะวางใจได้ก็ต่อเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัย”
เฉียวเหลียงก็ลดเสียงลงเช่นกัน “ถ้าคนอื่นล่วงรู้ตัวตนของคุณ คุณจะถูกยิงตายทันที”
“ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าคุณไม่บอกพวกเขา” ชายคนนั้นกล่าวแล้วเดินไปข้างหน้า
เฉียวเหลียงทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามเขาไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงโรงงานแห่งนั้น เฉียวเหลียงสั่งให้คนอื่นๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเงียบที่สุด โรงงานว่างเปล่าเหมือนเมื่อวาน ทุกอย่างในนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น เฉียวเหลียงส่งสัญญาณให้พวกเขาค้นหาทางเข้าห้องใต้ดิน
ไม่นานก็มีคนพบทางเข้าที่ใต้เครื่องจักร พวกเขาเข้าไปในห้องใต้ดินทีละคน ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน จริงๆ แล้วชั้นใต้ดินเป็นฐานทดลองร่างกายมนุษย์! แม้แต่เฉียวเหลียงก็ยังกำมือแน่น
“แยกกันออกค้นหาลู่หลี เราต้องหาเขาให้พบ!” เฉียวเหลียงสั่ง “ปิดกั้นทางออกทั้งหมด ไม่อนุญาตให้นักวิจัยคนไหนออกไปจากที่นี่!”
คนสารเลวพวกนี้จะนำหายนะมาสู่โลก เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากที่นี่!
ขณะพวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ และหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดทุกกล้องอย่างระมัดระวัง ไม่มีนักวิจัยคนไหนเห็นพวกเขา ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงชั้นใต้ดินชั้นที่สาม การทดลองที่ทำกันที่ชั้นนี้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
เฉียวเหลียงส่งเสียงคำราม หันไปมองผู้ชายข้างๆ และกล่าวอย่างเย็นชา “คนพวกนี้ชั่วช้าจริงๆ ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นเลย”
ชายคนนั้นกำมือแน่นและกล่าวว่า “ไปค้นหาลู่หลีกันก่อน ฉันจินตนาการไม่ถูกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถ้าเขาอยู่ที่นี่”“
เฉียวเหลียงเหลือบมองเขา และเดินไปข้างหน้า
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่หลงเซี่ยวก็ควบคุมคนที่นี่ไว้ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังหาลู่หลีไม่พบ เฉียวเหลียงคว้าคอเสื้อคนเหล่านั้น ถามอย่างเยือกเย็นว่า “พวกมันอยู่ที่ไหน”
“พวกเขา… พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาออกไปตั้งนานแล้ว!” นักวิจัยที่ถูกเฉียวเหลียงคว้าคอเสื้อ กล่าวเสียงสั่นเครือ