“อืม…” ก่อนที่เฉียวเหลียงจะพูดจบ เจ้าหน้าที่หญิงที่พูดคุยกับเฉียวเหลียงก่อนหน้านี้ก็เข้ามา ส่งโทรศัพท์ของเธอให้เขาดู “คริส ดูนี่ว่าฉันเจออะไร” 

 

 

เฉียวเหลียงมองดูหน้าจอโทรศัพท์ แล้วหันหลังพร้อมกับกล่าวขณะเดินออกไป “ระเบิดที่นี่ให้สิ้นซาก!” 

 

 

หญิงสาวคนนั้นรีบเดินตามเฉียวเหลียงไป แต่จู่ๆ เฉียวเหลียงก็หันกลับมามองเธอ หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ถามว่า “อลิซ ที่นี่เป็นฐานทดลองอะไร” 

 

 

“วิจัยร่างมนุษย์ เท่าที่ฉันรู้พวกเขาเริ่มการวิจัยนี้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนามากพอ พวกเขาจึงใช้ตัวยาพิเศษชนิดหนึ่งในการเปลี่ยนองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ ว่ากันว่าตัวยานั้นมีอยู่เพียงขวดเดียว และเป็นที่สนใจของแก๊งอันธพาลต่างๆ มากมาย แก๊งพวกนั้นเริ่มตามล่านักวิจัย นักวิจัยก็เลยฉีดยานั้นเข้าไปในร่างกายของผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถูกฆ่า หลังจากนั้นผู้ชายที่ถูกฉีดยาก็หายตัวไป ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย คนพวกนั้นจึงไม่รู้ว่าการวิจัยของพวกเขาประสบความสำเร็จหรือไม่ ห้องทดลองนี้อาจเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อสิบปีที่แล้ว” อลิซกล่าวขณะเดินออกไปพร้อมกับเขา 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ตัวยานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ได้จริงเหรอ” 

 

 

อลิซส่ายศีรษะ “ไม่เสมอไป ฉันคิดว่าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะกลายเป็นซูเปอร์แมนหลังจากได้รับยานั้นเข้าไป ในขณะที่บางคนอาจอ่อนแอลง หรืออาจมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ คนที่อ่อนแออาจแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือของยา… แต่… ไม่มีใครพบคนที่เป็นตัวทดลองคนนั้นอีกเลย บางทีเขาอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้” 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว นานพอสมควรกว่าเขาจะหันกลับมามองอลิซ “ทำไมพวกเขาถึงฉีดยานี้เข้าไปในร่างกายของคนแปลกหน้าก่อนจะหนีไป พวกเขาจะได้อะไรจากการกระทำนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เลย ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“คริส รัฐบาลอาจต้องการอาวุธสังหารที่สมบูรณ์แบบ แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความสำเร็จจากการทดลอง นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพวกเขา” อลิซมองหน้าเฉียวเหลียง จากนั้นก็หันไปมองบรรดานักวิจัยที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ และมนุษย์ที่ถูกบรรจุไว้ในหลอดทดลองขนาดใหญ่ แล้วกล่าวอย่างเคร่งเครียด “คนพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ในสายตาของนักวิจัย เป็นเพียงแค่วัตถุทดลอง พวกเขาสนใจเพียงการค้นคว้าและไม่สนใจสิ่งอื่นใด” 

 

 

เฉียวเหลียงกวาดตามองดูคนที่อยู่ในหลอดทดลอง ทันใดนั้นเขาก็หยุดอยู่ที่หน้าหลอดทดลองหลอดหนึ่ง เขาก้าวเข้าไปใกล้ จ้องมองดูใบหน้าแปลกๆ ในนั้น ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็ถมึงทึงขึ้นทันที เขาเตะหลอดทดลองนั้นอย่างแรงจนแตกกระจาย ผู้ชายที่อยู่ในนั้นไหลออกมาพร้อมกับของเหลวในหลอดทดลอง เฉียวเหลียงรีบรับตัวชายผู้กำลังจะตายไว้ในอ้อมแขน แตะที่ใบหน้าเขา คลำชีพจรเขา หลังจากแน่ใจว่าชีพจรเขายังอยู่ เฉียวเหลียงก็เริ่มกดลงที่หน้าอกเขา… 

 

 

ห้านาทีต่อมา ภายใต้สายตาประหลาดใจของคนอื่นๆ ในที่สุดเฉียวเหลียงก็หยุดการปั๊มหัวใจ เขาลุกขึ้นยืน ก้มลงมองชายคนนั้น เหงื่อหยดจากศีรษะเขา จากนั้นเขาก็ย่อตัวลงนั่งแล้วฉีกหน้ากากผิวหนังออกจากใบหน้าชายคนนั้น คนอื่นๆ ต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา อลิซตะโกนลั่น “พระเจ้าช่วย! เขาคือวิลสัน!” 

 

 

ผู้ชายที่ติดตามเฉียวเหลียงมาตัวแข็ง เฉียวเหลียงอุ้มลู่หลีซึ่งกำลังจะตายขึ้นมาทันที และกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ฆ่านักวิจัยพวกนี้ให้หมด อย่าให้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!” 

 

 

เขาไม่ต้องการเทคโนโลยีแบบนี้ และจะไม่ปล่อยให้คนอื่นถูกกระทำอีก! 

 

 

เฉียวเหลียงนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาไม่สังเกตเห็นว่าผู้ชายในหลอดทดลองคนนี้ดูคุ้นๆ สำหรับเขา สถานที่แห่งนี้คงถูกระเบิดตามคำสั่ง จากนั้นทุกคนที่นี่รวมทั้งลู่หลีก็จะตายอยู่ในนี้! 

 

 

บัดซบที่สุด! 

 

 

เฉียวเหลียงเดินอุ้มลู่หลีออกมา ผู้ชายที่เดินตามเขามองเฉียวเหลียงและกล่าวว่า “ให้ฉันอุ้มเขาได้ไหม” 

 

 

เฉียวเหลียงจ้องมองชายคนนั้นอย่างเย็นชา ใช้ศอกผลักเขาแล้วเดินต่อไป ชายคนนั้นมองตามหลังเขา หลับตาลงอย่างเศร้าใจ เฉียวเหลียงกำลังตำหนิเธอ 

 

 

เฉียวเหลียงผู้ไม่เคยตำหนิเธอเลย กลับเกลียดชังเธอแล้วตอนนี้ 

 

 

ใช่ เธอสมควรถูกตำหนิ เธอมันบัดซบที่เชื่อมั่นอย่างโง่ๆ! บัดซบที่ซื่อสัตย์กับงานโง่ๆ! หน่วยงานที่เธอรับใช้เกือบฆ่าผู้ชายที่เธอรักที่สุด! 

 

 

เฉียวเหลียงอุ้มลู่หลีขึ้นมาข้างบน และตะโกนสั่ง “ให้สารอาหารแก่เขา! เย็บบาดแผลให้เขา! และมือและเท้าของเขา…”  

 

 

เมื่อพบว่าเอ็นร้อยหวายของลู่หลีถูกตัด เฉียวเหลียงก็กำมือแน่น พูดไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะคำรามลั่น “แจ้งฐานหมายเลขสาม เตรียมการผ่าตัดให้ลู่หลี ตามลั่วเฟิงมาเดี๋ยวนี้!” 

 

 

ลู่หลีได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป นอกจากลั่วเฟิงแล้วไม่มีใครช่วยเขาได้ เขาอาจต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนรถเข็น และอาจจับปากกาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! 

 

 

เฉียวเหลียงสาบานว่าจะต้องล้างแค้นให้ลู่หลี! 

 

 

อลิซพยักหน้า “ฉันติดต่อลั่วเฟิงแล้ว บังเอิญเขากำลังเดินทางมาเม็กซิโก เขาจะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่ อีกไม่นานคงมาถึง” 

 

 

ทันทีที่พวกเขาออกไปพ้นจากบริเวณ โรงงานร้างก็สั่นสะเทือน ถูกระเบิดแหลกเป็นจุณทันที 

 

 

ขณะที่ถังซีได้รับโทรศัพท์จากเฉียวเหลียง เธอมาถึงเมืองหลวงพอดี เมื่อได้ยินน้ำเสียงเศร้าเสียใจของเฉียวเหลียง เธอรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบเคล้นด้วยมือยักษ์ ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไร เธอทำได้เพียงเอ่ยเบาๆ ว่า “เขาจะไม่เป็นอะไร” 

 

 

เฉียวเหลียงตกอยู่ในความเงียบ ถังซีเม้มริมฝีปาก แล้วเรียกเขา “อาเหลียง…” 

 

 

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนที่เฉียวเหลียงจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “ซีซี ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณ” เขาหยุดไปนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป “และขอบคุณมากนะ” 

 

 

ถ้าเธอไม่ได้บอกเขาว่าลู่หลียังอยู่ในเม็กซิโก เขาอาจข้ามไปสหรัฐอเมริกา อีกเพียงแค่วันเดียวลู่หลีก็อาจขาดอากาศหายใจตายอยู่ในหลอดทดลอง 

 

 

ถังซีสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวว่า “คุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก แล้วอีกอย่าง… คุณค้นพบห้องทดลองนั้นก็เพราะฉู่หลิง และคุณเองที่เป็นคนพบลู่หลี” 

 

 

เฉียวเหลียงนั่งอยู่ที่ทางเดิน จ้องมองไปยังแสงไฟในห้องผ่าตัด อธิษฐานขอให้ลู่หลีไม่เป็นอะไร เขากล่าวเสียงแหบแห้ง “ถ้าผมไม่พบลู่หลี… ผมต้องสั่งระเบิดโรงงานหลังนั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ลู่หลีก็จะตายใช่ไหม” 

 

 

ถังซีรู้สึกเจ็บปวดที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกระซิบว่า “แต่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่”