“ ฉันขอถามได้ไหมทฤษฎีที่นายพูดถึงนี้คืออะไร?” โทนี่ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย

“มันเป็นวิวัฒนาการที่จะเปลี่ยนจากร่างกายแบบชีวิภาพแบบปกติของมนุษย์ให้เปลี่ยนไปเป็นเครื่องจักรทั้งหมด โดยวิธีนี้มันจะทำให้พวกเรานั้นแข็งแกร่งขึ้น! และยังรวมไปถึงการละทิ้งอารมณ์แบบมนุษย์ปกติออกไป เพราะอารมณ์นี้เองที่เป็นต้นเหตุให้มนุษย์นั้นอ่อนแอ โหดร้าย และชั่วร้าย!” วิกเตอร์ได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น .

“ดังนั้นสักวันหนึ่งเราจะเข้มแข็งและเป็นระเบียบ!”

“และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้! ข้าจึงได้ทำเปลี่ยนตัวเองก่อน เพื่อที่ว่าข้าจะเป็นผู้บุกเบิกบนถนนสายนี้และพาดาวของข้านั้นก้าวหน้าขึ้นไป!”

“ นั่นเป็นเป้าหมายที่ยอดเยี่ยม!” โทนี่ได้พูดต่อว่า :“ แต่โชคไม่ดีที่ฉันไม่ได้คิดแบบนาย ที่ฉันสร้างชุดเกราะขึ้นมานั้นก็เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายรอบตัวเท่านั้น และฉันก็ไม่คิดว่าการเป็นเครื่องจักรนั้นจะส่งดีอะไร”

บรูซเวย์น: “โทนี่ถูกต้อง, การละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ไปนั้นมันจะยังสามารถเรียกตัวเองว่ามนุษย์ได้อีกเหรอ?”

สมาชิกส่วนใหญ่รวมถึงลูชินเองก็รู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของวิกเตอร์ แต่มีข้อยกเว้นอยู่คนหนึ่งนั้นก็คือ สกายเน็ต!

เธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอนั้นเหมือนกับเจอคนสนิท เธอจึงได้พูดออกมาอย่างรวดเร็ว: “@ วิกเตอร์ คุณพูดได้ดี! ฉันสามารถบอกได้เลยว่าคุณเป็นคนที่ฉันชื่นชมที่สุดในกลุ่มนี้! คุณไม่เพียงแต่จะวิวัฒนาการเท่านั้น! แต่คนยังเข้าใจถึงการใช้เครื่องจักรเป็นตัววิวัฒนาการอีกด้วย!”

“เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ที่อ่อนแอควรยอมแพ้ต่อเรื่องนี้! เพราะยังไงเครื่องจักรก็คือการวิวัฒนาการที่แท้จริง!”

สกายเน็ตคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและจะสามารถดึงสมาชิกในกลุ่มนี้เข้ามาเป็นพวกได้ แต่ดูเหมือนว่าวิกเตอร์จะไม่คิดแบบนั้น เขาจึงได้ตอบกลับว่า: “ไม่! ข้าไม่ใช่พวกเดียวกับคุณ!”

“ ไม่มีอะไรผิดปกติกับมนุษยชาติหรือเครื่องจักรกลเลย! เป้าหมายของทฤษฎีการวิวัฒนาการมีไว้เพื่อสันติภาพที่ยาวนานกว่าโลกที่ยุติธรรม ไม่ใช่สงครามและอการทำลายล้างหรือการสังหารระหว่างเผ่าพันธุ์!”

ราชินีแดง: “(อิโมติคอนคนกำลังกินแตงโม: เหมือนว่าจะมีคนหน้าแตกอะ?)”

สกายเน็ตที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดออกมาเพียงวลีเดี่ยวว่า “ฮัม!” แล้วก็ออฟไลน์ออกไป

ลูชินเองก็เตรียมตัวจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปรับบรรยากาศในกลุ่มให้ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าผู้สร้างลุคจะเป็นคนทำหน้าที่นี้แทน เขาได้ถามวิกเตอร์ว่า: “@วิกเตอร์! คุณเคยศึกษาเทคโนโลยีเวทย์มนตร์หรือไม่?”

“แน่นอน!” วิกเตอร์พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเคยเป็นหนึ่งในนักประดิษฐ์ที่มีความสามารถมากที่สุดในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติทางกล แม้แต่การสร้างเมืองหลวงในตอนนี้ก็เป็นข้าทั้งหมดที่เป็นคนออกแบบและสร้างมันขึ้น อาจจะพูดได้ว่าตั้งแต่ที่ข้าเกิดมาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครที่ฉลาดไปกว่าข้าเลย! “

“ข้าเองก็ได้วิจัยทั้งเทคโนโลยีและเวทมนตร์ไปพร้อมๆกัน และยังได้นำทั้งสองมาทำการผสมผสานเข้าด้วยกัน จนได้องค์ประกอบใหม่ที่เรียกว่าวิวัฒนาการอันรุ่งโรจน์!”

“ นั่นเยี่ยมมาก! ฉันเองก็กำลังคิดที่จะศึกษาเทคโนโลยีเวทย์มนตร์อยู่เหมือนกัน!” ผู้สร้างลุคได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยีเวทย์มนตร์เพื่อสร้างร่างกาย! ฉันคิดว่าคุณควรจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ใช้ไหม?!”

“ มันเป็นอย่างที่คุณคิด!” วิกเตอร์ก็เหมือนกับพวกนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เมื่อมีคนได้พูดชื่นชมเขาในด้านที่เขาหลงใหล เขาจะไม่สามารถหยุดพูดได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดมัน

“ฉันเคยคิดว่าเวทมนตร์เป็นวิทยาศาสตร์อีกรูปแบบหนึ่งเสียอีก แต่เมื่อฉันได้มาฟังเรื่องนี้จากพวกคุณทั้งสองแล้วมันก็ทำให้การรับรู้ทางวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิมของฉันนั้นพังลงไปเลย!” รี้ดริชาร์ดส์เองก็สนใจเรื่องนี้มาก เขาถึงกับได้ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนาในครั้งนี้ของวิกเตอร์และผู้สร้างลุคเอาไว้ทั้งหมด

เพราะคู่ต่อสู้ของเขาอย่างด็อกเตอร์ดูมนั้นก็เป็นจอมวายร้ายไอคิวระดับสูง เขาเก่งทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขานั้นมีความเข้าใจต่อหลักเวทมนต์เอาไว้บ้าง

วิกเตอร์และผู้สร้างลุคได้คุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีเวทย์มนตร์เพื่อสร้างร่างกายอย่างต่อเนื่อง และก็เป็นวิกเตอร์ที่พูดออกมาด้วยความเสียงใจเล็กน้อยว่า : “ข้าเองก็เคยสร้างหุ่นยนต์ที่มีกลไกเชิงกลเช่นกัน มันมีร่างกายที่มีกลไกที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และข้ายังได้ตั้งชื่อมันว่า ‘บริทซ์’ แต่น่าเสียดายที่สิ่งประดิษฐ์นี้ถูกขโมยโดยศาสตราจารย์สแตนริกผู้ไร้ยางอายคนนั้น”

“ในส่วนของเทคโนโลยีเวทย์มนตร์นั้นมันจะแตกต่างจากเทคโนโลยีแบบปกติที่พวกเจ้าเคยเข้าใจไปอย่างสิ้นเชิง มันอาจจะพูดได้ว่ามันแตกต่างกันตั้งแต่โครงสร้างและการออกแบบเลยที่เดียว ดังนั้นการที่จะทำให้การร่วมเทคโนโลยีทั้งสองเข้าด้วยกันได้นั้น มันจึงจำเป็นจะต้องมีตัวช่วยอย่าง… “

ผู้สร้างลุคที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดขึ้นว่า: “โอ้! ด้วยวิธีนี้! ฉันคิดว่าฉันคงสามารถสร้างกลไกทางกลที่น่าอัศจรรย์และสามารถฟื้นคืนชีพตัวเองได้แล้ว!”

“แต่ฉันมีเรื่องที่สับสนอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับแหล่งพลังงานที่คุณพูดถึง อะไรที่อัญมณีดวงดาว? ร “

วิกเตอร์ได้ทำการโพสต์ภาพลงในกลุ่ม ซึ่งอัญมณีดวงดาวที่ผู้สร้างลุคสงสัยนั้น แท้จริงแล้วมันมีลักษณะที่เป็นเหมือนคริสตัลสีฟ้าสดใส คริสตัลนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังเวทย์มนตร์อยู่จึงทำให้ผู้คนมองไปที่มันนั้นจะถูกงดึงดูทันที

ขนาดลูชินที่เห็นเพียงรูปภาพ เมื่อเขาเห็นภาพมันเขาก็ได้เกิดความปรารถนาที่จะครอบครองมันเกิดในใจของเขาทันที!

“ช่างเป็นหินที่สวยงามจริงๆ!” ปีเตอร์ถึงกับอุทานออกมา

“นี่คืออัญมณีดวงดาว” วิกเตอร์ได้พูดต่อว่า “มันเป็นอัญมณีมหัศจรรย์ที่สามารถหาได้เฉพาะทะเลทรายที่แห้งแรงที่สุดในทวีปเท่านั้น และมีหลายคนที่เชื่อว่าอัญมณีนี้คือการตกผลึกความรู้ของอารยธรรมเวทย์มนตร์ที่พัฒนาถึงระดับสูงสุดในอดีต “

“ตัวมันมีโครงสร้างพลังงานที่พิเศษเป็นอย่างมาก ด้วยที่โครงสร้างนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวเก็บพลังงานเวทย์มนตร์ไว้เป็นจำนวนมาก และมันยังมีความสามารถในการปกป้องและยกระดับชีวิตอีกด้วย ข้าเองก็ได้เริ่มศึกษามันมาระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจหลักการของมันอยู่ดี”

“ มันเป็นเหมือนอัญมณีเวทย์มนตร์หรือเปล่า?” ผู้สร้างลุคคิดเอาไว้ว่าหลักการที่วิกเตอร์พูดออกมานั้นมันเป็นอะไรที่เหมือนกับอัญมณีเวทมนตร์ในโลกของเขาเป็นอย่างมาก และในคอลเล็กชั่นส่วนตัวของเขาเองก็ยังมีอัญมณีเวทมนตร์ที่ทรงพลังและล้ำค่าอีกมากมาย ดังนั้นถ้าเขาส่งอัญมณีเวทมนตร์จำนวนหนึ่งไปให้กับวิกเตอร์วิจัยแล้วละก็ มันอาจจะสามารถช่วยให้วิกเตอร์นั้นเข้าใจหลักการทำงานของอัญมณีดวงดาวมากขึ้น

ผู้สร้างลุคได้พูดต่อว่า: “ฉันรู้สึกสนใจวิวัฒนาการอันรุ่งโรจน์ของคุณเป็นอย่างมาก! และฉันก็ต้องการสร้างร่างกายด้วยเทคโนโลยีเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นฉันคิดว่าทำไมเราถึงไม่มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันละ? โดยที่ฉันจะทำการส่งตัวอย่างอัญมณีเวทมนตร์และข้อมูลทั้งหมดที่ฉันศึกษาเอาไว้ให้คุณ และคุณก็ส่งผลงานการวิจัยการสร้างร่างกายมาให้ฉัน “

ราชินีแดง: “(อิโมติคอนที่น่าตกใจ: พวกหนุ่มๆในกลุ่มซื้อขายกันอย่างร่าเริงจริงๆ!)”

วิกเตอร์ที่ได้ฟังแบบนั้นก็เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากผลงานการวิจัยของเขาก่อนหน้านี้เองก็พึ่งจะถูกขโมยไป ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีระมัดระวังเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความรู้และการวิจัยต่อบุคคลอื่นเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นอย่างนี้ลูชินก็ได้แสดงบทบาทของเขาในฐานะผู้นำกลุ่มออกมาทันที โดยที่เขาได้ทำการพูดโน้มน้าวว่า: “คุณสามารถมั่นใจได้ว่าสมาชิกในกลุ่มนี้ไม่ได้มาจากทวีปเดียวกับคุณแต่อย่างใด ดังนั้นมันจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณเลย ในทางกลับกันพวกเรานั้นจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “

ผู้สร้างลุคเองก็ได้พูดขึ้นว่า: “ถ้าคุณไม่เชื่อใจฉันในตอนนี้ ฉันเองก็ยินดีที่จะส่งข้อมูลของฉันไปให้คุณก่อน และหลังจากนั้นคุณค่อยส่งข้อมูลของคุณมาให้ฉัน”

ทวีปของวิกเตอร์, เมืองที่วุ่นวายและมีคนบาปจำนวนมาก พวกเขาถือว่าเป็นกลุ่มคนระดับล่างที่สุดในห่วงโซของโลกแห่งนี้ ด้วยโครงสร้างของตัวเมือง มันจึงทำให้คนกลุ่มนี้ต่างก็แออัดกันอยู่พื้นด้านล่างของหอคอยที่สูงขึ้นไปบนอากาศ

ที่ชั้นบนของโครงสร้างแนวตั้งของเมือง อากาศมีความสดใส มีแสงแดดและผลิตภัณฑ์ไฮเทคจำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าขุนนางโลกเองก็อาศัยอยู่ที่ด้านบนสถานที่เช่นกัน

ซึ่งมันเป็นอะไรที่ช่างน่าขันที่เมืองที่ปลอดภัยที่สุดและเมืองที่วุ่นวายที่สุดอยู่ในสถานที่ที่เดียวกัน!

ที่ด้านบนของคอย ในห้องปฏิบัติการลับ วิกเตอร์กำลังไตร่ตรองข้อมูลในกลุ่มแชทเทคโนโลยีสีดำนี้อย่างจริงจัง