ตอนที่ 203

Rise of The Undead Legion

Chapter 203 : ไม่ได้ดูดตีนเว้ยยย

เดฟ ทั้งเหนื่อยและรำคาญ xp นั้นน้อยและต้องใช้เวลานานกว่าจะได้มาอีกในการฆ่ามอนเตอร์เพียงคนเดียว เดฟ เริ่มรู้ว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ได้เป็นอันเดต ด้วยการที่มีอันเดตคอยช่วย เขาก็สามารถจัดการกับมอนเตอร์เลเวลสูงได้ด้วยการใช้ข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนซึ่งทำให้การฆ่านั้นมีประสิทธิภาพ ตอนนี้เขาต้องฆ่ามอนเตอร์ด้วยตัวเองและเขาก็ไม่อาจจะทำผิดพลาดได้ มันน่าเจ็บปวดจริงๆ

” เหี้ยเอ้ย ค่าแรงกลับมามีปัญหาอีกแล้ว ” -เดฟ บ่นออกมา ในฐานะมนุษย์แล้วค่าแรงของเขาตอนนี้มีจำกัด เขาไม่อาจจะโจมตีได้รัวๆอีกต่อไป เขาต้องคอยดูค่าแรงและตัดสินว่าจะโจมตี,ป้องกันและแม้แต่ลดการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด

เดฟ พักในระหว่างที่สู้คอยดื่มยาราวกับมันเป็นน้ำอัดลม – ” และฉันต้องมากินยาที่เสียเงินซื้อนี่อีก ” – เดฟ บ่นออกมา

เขาลุกขึ้นยืนและเริ่มมองหามอนเตอร์ เขายังต้องการที่ระบายอารมณ์และความโกรธก็เพิ่มขึ้นมาอีกรอบ

***

ผู้เล่นสองคนเดินทางออกมานอก Moria แล้วมองไปที่ประตู ฮันเตอร์และนักฆ่ามองไปยังอัศวินใส่เกราะขาวที่วิ่งเข้าไปในป่า อัศวินนั้นสบถออกมาเหมือนกับคนบ้าใส่พวกผู้เล่นเลเวลต่ำรอบตัวตอนที่พวกนั้นเข้ามาใกล้

” Deviim ! มีประกาศฆ่าอยู่กับไอ้นั่น ไปเอาค่าหัวกันเถอะ ” – ฮันเตอร์พูดขึ้น

” ฉันไม่เห็นเลเวลของเขา Sadow แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่คนเดียว ตามเขาไปจนกว่าเราจะเจอจุดดีๆในการโจมตีเขา ” – นักฆ่าจับไปที่มีดของตัวเอง

ผู้เล่นทั้งสองแอบตามอัศวินคนนั้นไป ตอนที่ไปถึงเขตนอกของป่าพวกเขาก็ได้พบกับ Red Pelt Tiger แล้วดึงความโกรธจากมอนเตอร์มา ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าที่สองคนนั้นจะฆ่ามอนเตอร์ได้

“เหี้ย เขาคลายสายตาไปแล้ว ฉันไม่เห็นประกาศฆ่าในป่าเลย นายเห็นเขามั้ย ?” – นักฆ่าถาม

” รอสักเดี๋ยว ” – ฮันเตอร์นั่งยองๆแล้วมองไปที่ดินดูตามรอยเท้าและกิ่งไม้ที่หัก

” ฉันได้เบาะแสแล้ว ไปกันเถอะ เขาไปทางนี้ ” – ฮันเตอร์ชี้ก่อนจะวิ่งออกไป

นักฆ่าตามไปติดๆ พวกเขาหยุดเป็นระยะเพื่อยืนยันเส้นทาง

” หือ ” – ฮันเตอร์ได้หยุดลง

” มีอะไร ? “

” ดูนี่สิ มีการต่อสู้ที่นี่ มีรอยดาบที่พื้น เยอะเลยด้วย เขาไม่ได้กังวลเรื่องความคงทนตอนที่เขาสู้รึเขาเป็นบ้ากันแน่ ” – ฮันเตอร์หยิบเศษไม้เน่าขึ้นมาแล้วตรวจสอบดู

” มันยังมี Ether Devouring Tree เหลืออยู่แต่ทำไมถึงได้มีเศษไม้เยอะแบบนี้ ? ” – ฮันเตอร์พึมพำออกมาแล้วไล่ตรวจสอบพื้นที่ราวกับนักสืบที่พยายามทำความเข้าใจคดีสำคัญ

” เฮ้ พ่อนักสืบ ไปได้แล้ว “

” หุบปากไปเลย ฉันพยายามดูว่าเขาไปทางไหน ทางนี้ ตามฉันมา “

ตอนที่สองคนนั้นตามอัศวินทัน พวกเขาก็พบกับ Ether Devouring Tree อีกตัว

อัศวิน ได้ใช้กำปั้น/ไฟของเขาเผาต้นไม้ไปกว่าครึ่งก่อนจะฆ่ามันในพริบตา

นักฆ่าได้ตรวจสอบอัศวินคนนั้นทันที

***

Death Stroke

เลเวล : 310

อาชีพ : ???

ฉายา : ฉันรู้ทุกอย่าง

***

” ใช่ เลเวลเขาไม่ได้สูงมากนัก เขาเลเวลสูงกว่าฉันแค่ 5 เลเวล ” – นักฆ่ากระซิบ

” เขาเพิ่งสู้เสร็จ เลือดเขาคงเหลือน้อยและสกิลก็คงคูลดาวน์อยู่ นายไปก่อน ใช้หายตัวไปสตันท์เขา จากนั้นฉันจะสตันท์ต่อและเราจะได้จัดการเขาง่ายๆ ! “

นักฆ่าเริ่มหายตัวไปและมุ่งหน้าไปหาอัศวิน เสียงเท้าของเขาเบาและเขาก็ได้ซ่อนตัวไปกับเงาต้นไม้

หลังของอัศวินนั้นค่อมลง หมัดของเขากำแน่นก่อนจะคลายออกแล้วพึมพำกับตัวเอง

นักฆ่าโผล่มาจากเงาแล้วเข้าไปด้านหลังอัศวิน เขาแทงมีดเข้าไปที่หลังส่วนล่างของอัศวิน

ดาเมจที่น่าสงสารลอยขึ้นมา

[-1,200]

และเขาก็ได้รับแจ้งเตือน

***

คุณได้สตันท์ศัตรูได้สำเร็จเป็นเวลา 2 วินาที

***

” นี่มัน…? ” – เขาคิดว่าดาเมจจะสูงกว่านี้ นักฆ่ารวบรวมสติแล้วใช้มีดแทงเข้าใส่ช่องว่าเกราะของอัศวิน

[-8,881]

ฮันเตอร์ได้ยิง {Binding Arrow} จากนั้นก็ยิงธนูเข้าใส่อัศวินรัวๆ นักฆ่าอ้อมกลับมาด้านหน้าแล้วโจมตีใส่ช่องว่างเกราะของอัศวินเพื่อทำให้เกิดสตันท์

อัศวินไม่ได้ขยับ เขาแค่มองดูนักฆ่าที่โดดไปรอบๆราวกับลิงที่พยายามใช้พิษกับทำให้เขาเลือดออก

” หือ ตอนนี้ฉันเลือดออกกับติดพิษได้แล้ว เรื่องมันดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ” – อัศวินพึมพำ

นักฆ่าได้หยุดไป เขาได้ทำการโจมตีใส่อัศวินหลายครั้งซึ่งน่าจะทำให้เลือดของอัศวินลดลงอย่างมากแต่ร่างของอัศวินไม่ได้แสดงท่าทีว่าเลือดน้อยเลย

‘ไอ้นี่มีเลือดเท่าไหร่กัน ? ‘

เวลาในการสตันท์หมดลงแต่ดีบัฟหลายอันยังคงทำงานอยู่ อัศวินยืดตัวขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมา เขายกมือขึ้นพร้อมกับกำปั้นที่มีเปลวไฟสีขาวปะทุออกมา

” ฉันดีใจนะที่พวกแกตัดสินใจออกมาเล่นแบบนี้ ฉันต้องการที่ระบายอารมณ์อยู่พอดี มอนเตอร์มันไม่พอ ฉันจะแสดงให้แกดูว่าโลกแห่งความเจ็บปวดมันเป็นยังไง ! ! “

ไม่นานก็มีเสียงร้องดังก้องไปทั่วทั้งป่า

” ….ม่ายยยยยย ! “

***

ในมิติที่นรกได้มีเงาหนึ่งได้บิดเบี้ยวก่อนจะกลายเป็นตัวตนขึ้นมา

” ถุย ! ที่นี่มันรูหนูชัดๆ “

อากาศที่นั่นเต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถัน สิ่งที่ให้แสงนั้นมาจากพื้นดินสีแดงไม่ได้มาจากท้องฟ้า

นอกจากแสงจากพื้นดินรอบๆแล้วก็ยังมีบึงลาวาตื้นๆอยู่ ไฟนั้นกำลังเผาไม้เนื้อของคนและสัตว์อสูร

สิ่งมีชีวิตนับแสนตัวยืนต่อแถวกันโดยมีโซ่ล่ามเอาไว้โดนบังคับให้เข้าไปในเปลวไฟเพื่อโดนเผาทั้งเป็นแต่ไม่มีทางรู้ได้ถึงความตายที่แท้จริง

พวกนั้นโผล่มาในอีกด้านของบึงแล้วเข้าไปยังบ่อไฟต่อไป ลมที่พัดผ่านมาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของเหยื่อให้เงานั้นได้ยิน

” ซาดิสต์เหมือนเคย ไอ้โรคจิต ! ” – เงานั้นฮึดฮัดออกมา

ร่างในเงานั้นเหมือนจะก้าวออกมาข้างหน้าแล้วกระโดดขึ้น เขาก้าวออกไปอีกครั้งแล้วเดินทางไปได้ไกลกว่าเดิม เงานั้นข้ามบ่อลาวามาได้กว่าครึ่งจากการทำเช่นนี้ ไฟและเสียงกรีดร้องนั้นเต็มไปทั่วทุกที่

ในที่สุดเงานั้นก็มาถึงที่ตีนเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาในรูปร่างของเปลวไฟสีดำที่สั่นไหว

เงานั้นก้าวออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาขึ้นไปด้านบนและไปถึงประตูวัง

” ฮัลโหลลล มีใครอยู่มั้ย ? “

ในตอนที่เขาพูดจบก็ได้มีเมฆดำเริ่มรวมตัวกันกลายเป็นมือขนาดใหญ่และจับไปที่เงานั่น

เงานั้นสะบัดมือแล้วจับเอามือควันนั้นไว้ก่อนที่ควันจะสลายไป

” หึ ถ้าแกอยากเล่นอย่างน้อยก็โผล่หน้ามาหน่อยสิ “

” แกมาทำอะไรที่ดินแดนของแอสโมเดียส ไอ้นักทรมาน ? ” – เสียงแปลกๆดังขึ้นมา น้ำเสียงนั้นขึ้นๆลงๆไม่เป็นจังหวะและมันทำให้เสียงร้องอื่นๆในนั้นต้องสั่นสะเทือน

ควันสีดำได้ลอยกลับไปอีกครั้งก่อนจะมีไฟสีแดงลุกไหม้แล้วรวมตัวกันเป็นร่างที่มีหลายแขนซึ่งมีตัวเป็นหมูกับหัวและคอที่เป็นมังกร

แต่ที่โผล่มาจากกลางหลังของหมูนั้นเป็นมนุษย์ตัวอ้วนที่มีสามหัว หัวตรงกลางนั้นมีเขา หัวอีกข้างเป็นวัวและอีกข้างเป็นแกะ

” หะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว กลับไปซ่อนแบบเดิมน่ะดีแล้ว ไอ้น่าเกลียด ” – เงานั้นพูดขึ้น

” บอกฉันมาว่าแกมาทำไม ฉันจะได้ไปจัดการกับนรกของฉันต่อ ลูกแกทำอาณาเขตของฉันต้องปั่นป่วน แม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ด้วยจนถึงตอนนี้แต่เขาก็แหกกฎ จับเขาไว้ซะ ไม่งั้นฉันจะทำเองและถ้าฉันต้องทำ งั้นฉันจะกลับมาที่นี่และแกคงไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น “

” แกกล้าขู่ฉันรึไง ! “

” พล่ามไปตามต้องการเถอะแต่แกทำมันให้ทันละกัน ไอ้หัวโต แกก็รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ลูกของแกแหกกฎ ดังนั้นอำนาจอยู่ในมือฉัน “

เงานั้นยังคงเงียบ

” ยังไงซะฉันก็ชอบกับสิ่งที่แกทำกับที่นั่น….ไม่สิ มันน่าสนใจ “

เงานั้นม้วนตัวก่อนจะหายไปจากนรกชั้นล่างแล้วโผล่มาในมิติคั่นกลางระหว่างเวลาและความเป็นจริง เงานั้นหยุดคิดสักพักก่อนจะเผยรูปร่างที่ใส่เสื้อหนังออกมา มือขนาดใหญ่สูงเกือบเท่าไหล่คนโดยที่ปลายมือนั้นมีรูปร่างแปลกๆ ร่างนั้นสั่นไหวและรวบรวมเงารอบตัวกลับมาราวกับผ้าห่ม

” ไปอีกแค่สองที่ จากนั้นงานเลี้ยงก็จะเริ่มต้นขึ้น ” – เงานั้นหัวเราะก่อนที่จะหายตัวไป