ตอนที่ 961 - น้ำหญ้าผีร้าย

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ครืน!
  เกิดรอยแยกมากมายปรากฏบนท้องฟ้าแสงจากกระบี่สาดส่องทั้งนภาไปทั่วระยะร้อยลี้รอบตัวซือหยู ทุกสิ่งที่ขวางทางแสงกระบี่ถูกตัดขาด เมฆาดับมอดสลายกลายเป็นหมอก แม้แต่ธาตุในอากาศก็ฉีกขาดออกจากกัน เกิดรอยแยกมิติดำสนิทหลายรอย พลังกระบี่นี้มาถึงจุดสุดยอดที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
  แม้แต่รองเจ้าดินแดนเสี่ยวกับจินมู่เองก็ถูกแสงกระบี่นี้โอบล้อมเอาไว้ทั้งสองรู้สึกเหมือนตกอยู่ในวายุที่เกิดจากพลังกระบี่ ราวกับว่ามันมีพลังที่จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้น ๆ รองเจ้าดินแดนเสี่ยวหรี่ตา
  “จิตวิญญาณกระบี่นั่นมันอะไรกัน!นี่คือชั้นที่สองของขอบเขตกระบี่ดวงใจเต๋าไร้รอย นางอายุยังน้อยแต่กลับมีพื้นฐานกระบี่ระดับนี้ มันยอดเยี่ยมยิ่งนัก นางไม่ต่างกับเจี๋ยนอู๋เชิงเลย”
  แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารศิษย์ตำหนักนอกแห่งตำหนักโลหิตมีหนุ่มสาวมากพรสวรรค์มากเกินไป พลังกระบี่ที่โอบล้อมพวกเขานั้นแทงทุกอย่างได้ และรองเจ้าดินแดนเสี่ยวก็ไม่กล้าประมาท เขารีบเรียกพลังออกมาเป็นเกราะป้องกันกาย
  จินมู่ขมวดคิ้วและพบว่าตัวเองต้องหยุดขยับมือแสงสีเขียวเอ่อล้นออกจากตัว มันคือพลังแห่งชีวิต เมื่อแสงกระบี่มาถึง เกราะพลังของรองเจ้าดินแดนเสี่ยวถูกฉีกขาดไปมากกว่าครึ่ง พลังกระบี่ต้องทะลวงมาต่ออีกแค่คืบเดียวเท่านั้นจึงจะแทงถึงกระดูก
  แสงสีเขียวในร่างจินมู่สั่นสะเทือนเขาสะท้อนพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งออกไปได้
  ซือหยูกลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้งเมื่อจินมู่ถูกบังคับให้หยุดควบคุมเขาทรายดาราทางช้างเผือกส่องแสงที่แขนขวา เขาซัดลงไปที่ท้องของตัวเอง ไม่กี่ลมหายใจมันก็ดูดซับหยดหยกออกมาจนหมด
  จินมู่ที่กำลังจะควบคุมร่างกายของซือหยูอีกครั้งต้องหยุดลงและมองซือหยูด้วยความตกใจ
  ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งแปลกปลอมที่เป็นพิษนั้นทำร้ายซือหยูได้ยากมาก แต่ครั้งนี้เป็นเพราะว่าเขาประมาทเกินไปและไม่ได้ใช้ทรายดาราทางช้างเผือกทันทีที่ถูกควบคุมกาย
  หลังจากซือหยูเป็นอิสระเขารีบใช้คลื่นห้าชีพจรในทันที ชั้นม่านเกราะหลากสีปกคลุมร่างป้องกันแสงกระบี่ที่เข้ามาเอาไว้ แต่มันป้องกันเขาได้เพียงครู่เดียวก่อนที่พลังกระบี่จะทะลวงผ่านชั้นเกราะ ซือหยูใช้จังหวะที่พลังกระบี่อ่อนแอลงถอยหนี เขาตะโกนเสียงดัง
  “ทำไมเจ้ายังไม่หยุดอีก?ข้าโดนมันควบคุมตัวอยู่ไม่เห็นเรอะ!”
  ซือหยูมองจินมู่และรองเจ้าดินแดนเสี่ยวด้วยหางตาเขาหรี่ตาเมื่อมองจินมู่ ซือหยูรู้สึกอยู่แล้วว่าเขานั้นแปลกเพราะซือหยูไม่เห็นภายในร่างเมื่อมองด้วยเนตรวิญญาณ เขาเห็นแต่ความว่างเปล่า เขาจะต้องมีวิชาควบคุมที่แปลกประหลาดอยู่ ถ้าปิงหวูชิงไม่เข้ามาขวาง ซือหยูคงจะถูกควบคุมอยู่ จากนั้นเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
  แม้ว่าปิงหวูชิงจะโกรธซือหยูนางก็มิอาจมองข้ามรองเจ้าดินแดนเสี่ยวกับจินมู่ได้
  “พวกเจ้ายังไม่กลับไปอีกรึ?พวกเจ้าทำอะไรที่นี่? ทำไมถึงดูมีพิรุธนัก?”
  ปิงหวูชิงพูดอย่างดุดันขณะที่มองทั้งสองอย่างเยือกเย็น
  ปิงหวูชิงเชื่อซือหยูขึ้นมาบ้างและใจเย็นลงซือหยูดูแปลกไปจริง ๆ ก่อนที่เขาจะลวนลามนาง และเมื่อคิดว่าเขาหนีมาที่นี่ก็ดูท่าว่าเขาจะถูกควบคุมอยู่จริง เมื่อคิดดังนี้ ปิงหวูชิงจ้องซือหยูอย่างดุร้าย ความรู้สึกชาในอกยังคงอยู่ ใบหน้ายังคงแดง นางยังแค้นเขาอยู่!
  เรื่องราวมาถึงจุดสำคัญรองเจ้าดินแดนเสี่ยวไม่พยายามปิดบังอะไรอีก เขาถอนหายใจแรง
  “ก็ไม่มีอะไรพวกข้าก็แค่อยากจะคุยกับอาจารย์ซือ แม่นางปิง เจ้ากลับไปได้แล้ว”
  “ฮื่ม!อวดดีนัก!”
  ปิงหวูชิงรู้ว่านางคิดถูกนางย้ายเป้าหมายความโกรธแค้นมายังทั้งสอง
  “เจ้าต้องพ่ายแพ้ไปเช่นนั้นแล้วอยากจะฆ่าเขาสินะ?แล้วถ้าข้าไม่อยากจะกลับไปเล่า?”
  จินมู่กอดอก
  “เจ้าจะเสียเวลาพูดกับนางอยู่ทำไม?เราก็แค่จัดการพวกมันที่นี่ เจ้าจัดการปิงหวูชิง ข้าจะจัดการไอ้บัดซบนั่นเอง” ไอลีนโนเวล
  รองเจ้าดินแดนเสี่ยวพยักหน้า
  “ก็ได้ข้าจะทดสอบความสามารถแม่หนูนี่สักหน่อย”
  เขาพุ่งตรงไปยังปิงหวูชิงราวกับศรคมกริบ
  “เจ้ามาหาข้าเองก็ดีแล้ว!”
  ปิงหวูชิงไม่พอใจจนหัวเราะออกมานางแกว่งกระบี่
  “กระบี่ไร้รอย!”
  ถ้ารองเจ้าดินแดนเสี่ยวกลายเป็นหนึ่งในรองเจ้าดินแดนมีดสวรรค์ทั้งสิบได้เขาก็ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เขาแนบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าหากัน มีคลื่นพลังปะทุออกมา มันเหมือนกับแสงกระบี่
  “คลื่นกระบี่ซัดคืน!”
  คว้าง!
  เมื่อพลังกระบี่ทั้งสองปะทะกันพลังทั้งสองต่างต่อต้านดับพลังของกันและกัน
  ซือหยูที่สังเกตการต่อสู้ของทั้งสองหันมามองจินมู่เขาบินไกลออกไป
  จินมู่มองปิงหวูชิง
  “ฝากเจ้าจัดการนางด้วย”
  เขาจ้องมองซือหยูและไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
  ซือหยูต้องหนีระยะออกมาจากปิงหวูชิงเพราะไม่ยากจะโดนลูกหลงอีกทั้งเขายังต้องเลี่ยงสายตาผู้คนเพื่อที่จะได้ใช้วิชาทั้งหมดได้อย่างอิสระ
  ทั้งสองบินไปยังส่วนลึกของป่าขังภูติซือหยูเริ่มลดความเร็วและหยุดอยู่ที่ป่าทึบ เขาหันกลับไปมองจินมู่ที่ตามมาติด ๆ
  จินมู่ลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆจ้องซือหยูเขาเลิกคิ้ว
  “เจ้าหยุดรอข้าเรอะ?”
  เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าซือหยูไม่ได้คิดหนีและรอเขาให้มาที่นี่จินมู่ได้แต่มองรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าสงสัยเกินไป!
  “ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่”
  ซือหยูมองจินมู่
  “เจ้าดูเหมือนชาวเผ่าไม้แต่เจ้าก็ไม่มีวิญญาณ เจ้าดูเหมือนกับหุ่นเชิดที่มีสติปัญญาสูงกว่าหลายเท่ามากกว่า”
  จินมู่เบิกตากว้างเมื่อความลับถูกเปิดเผยเขาพูดด้วยเสียงลึกล้ำ
  “เจ้ารู้อะไรอีกบ้าง?”
  “ข้าจะถามเรื่องที่เหลือกับเจ้าเอง…”
  ซือหยูพูดก
  จินมู่หน้าหมอง
  “ข้าตัดสินใจถูกนักที่คิดฆ่าเจ้าความตายของเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้ข้าสบายใจ”
  ไม่ว่าซือหยูจะรู้ความจริงมากเพียงใดไม่ว่าเขาจะทำให้แก่นไม้ตอบรับได้มากแค่ไหน หากซือหยูรู้ความลับของเขา มันก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่เขาจะฆ่าซือหยูทิ้ง!
  “แต่เจ้าต้องมีพลังมากพอนะ”
  ซือหยูหรี่ตา
  “ข้าก็ไม่ใช่แค่รู้ภาษาไม้หรอกหึหึ”
  จินมู่เยาะเย้ยเขาเริ่มขยับมือทั้งสองข้าง
  พรึ่บ!
  จู่ๆ กิ่งไม้ที่แข็งแกร่งสองกิ่งได้ยืดออกมาจากต้นไม้ใหญ่ด้านล่างซือหยู มันเข้ารัดเท้าของเขาเอาไว้ กิ่งไม้นั้นเหมือนกับกิ่งไม้ที่ป่าปีศาจร้าง แต่ซือหยูยืนอยู่บนต้นไม้ธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีจิตวิญญาณที่มีปัญญาอยู่เลย มันกลายเป็นต้นไม้ปีศาจระดับสูงได้ยังไง?
  เมื่อเขามองดูดีๆ ก็พบว่ากิ่งไม้นั้นไม่ได้เป็นของต้นไม้ มันแค่ทะลุผ่านต้นไม้ออกมาจนถึงตัวเขา ดูเหมือนว่ากิ่งไม้เหล่านี้พุ่งมาจากส่วนลึกในพื้นดิน ซึ่งแท้จริงแล้วมันก็คือขาของจินมู่นั่นเอง
  ของเหลวสีเขียวหยดมาจากขาจินมู่แต่ละหยดได้หยั่งลงเป็นรากลึกในพื้นดิน รากนี้แข็งแรงอย่างมาก ซือหยูสลัดตัวออกมาจากมันไม่ได้ มันมีพละกำลังเทียบเท่ากับจ้าวเทวะ
  “ฮื่ม!ฮื่ม! อย่าเสียแรงอยู่เลย พวกมันเกิดจากน้ำหญ้าผีร้ายของเผ่าพันธุ์ข้า มันแข็งแกร่งกว่าสมบัติวิญญาณชั้นสูง”
  จินมู่พูดอย่างเยือกเย็นเขาก้าวไปด้านหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
  “ไม่ว่าเจ้าจะทำให้แก่นไม้ของพวกข้าตอบสนองได้อย่างไรหรือเจ้ามองผ่านข้ามาได้อย่างไร ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว!”
  ฟึ่บ!
  จินมู่ยกมือขึ้นสูงมือเริ่มยาวขึ้นและแคบลง มันกลายเป็นหนามแหลมพุ่งเข้าใส่ตัวซือหยู เขาคิดจะฆ่าซือหยูในคราเดียว