บทที่ 483 รีบไสหัวไป

The king of War

เช้าตรู่วันถัดมา ณ สำนักงานใหญ่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ไมบัคสีดำคันหนึ่งค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตูบริษัท หลายคนพากันมองมาด้วยสายตาแปลกใจ

เพราะตำแหน่งไมบัคจอด อยู่ตรงทางเข้าบริษัทพอดี

ตำแหน่งนี้ นอกจากผู้บริหารระดับสูงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าจอดรถในตำแหน่งนี้

อีกอย่างก็ไม่มีใครกล้าแหกกฎข้อนี้ด้วย ถึงอย่างไรเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอวี๋เหวิน ใครจะกล้าก่อเรื่องที่นี่?

เวลานี้ กำลังจะได้เวลาเข้าทำงานแล้ว พนักงานจำนวนมากที่มาทำงานล้วนสังเกตเห็นรถคันนี้

และในเวลานี้ เงาร่างของชายหนุ่มสองคนก็ค่อยๆ เดินออกจากรถ

หนึ่งในนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สัดส่วนเหมือนในอุดมคติ เขาสวมชุดลำลองสีดำเรียบง่ายสบายๆ

แต่บนใบหน้าของเขากลับไม่มีความเศร้าหรือความสุขอยู่เลย เพียงแต่ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองอาคารสำนักงานใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ในสายตามีความรู้สึกปลงอนิจจังและความทรงจำบางอย่าง

ชายอีกคน รูปร่างกำยำ สวมชุดลำลองแบบเดียวกัน เส้นเลือดดำปูดโปนอยู่บนท่อนแขนทั้งสองข้างราวกับมังกรตัวเล็กๆ ทั้งตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

ในเวลานี้ ชายร่างกำยำยืนอยู่รอบข้างอย่างสงบ คอยปกป้องเจ้านายของตนอย่างเงียบๆ ราวกับองครักษ์ที่ซื่อสัตย์ที่สุด

ชายหนุ่มสองคนนี้ คือหยางเฉินและหม่าชาว

“คุณครับ ที่นี่ไม่อนุญาตให้จอดรถ กรุณาเอารถของท่านไปจอดในที่จอดรถด้วยครับ”

ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบสองคนได้เดินเข้ามา น้ำเสียงของพวกเขาฟังดูเคารพยำเกรงมาก แต่สายตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง พวกเขาไม่เห็นหยางเฉินและหม่าชาวอยู่ในสายตาเลย

หม่าชาวเลิกคิ้วขึ้น เข้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้าหยางเฉินทันที เขาชี้ไปที่ออดี้A8 คันสีดำที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดด้วยความโมโห “ในเมื่อที่นี่ไม่สามารถจอดรถได้ แล้วทำไมรถของพวกเขาถึงจอดได้?”

สีหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสายตาเต็มไปด้วยความดุร้าย ถือกระบองยางท่อนหนึ่งอยู่ในมืออย่างอวดเบ่ง แล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “คุณรู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนั้น? เขาเป็นรองประธานบริษัท พวกคุณคิดว่าเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาจอดรถที่นี่?”

“อย่าคิดว่าพวกคุณขับไมบัคแล้วสามารถทำอะไรก็ได้ในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนะ”

“ผมจะบอกคุณว่า ผู้หนุนหลังเยี่ยนเฉินกรุ๊ปคือตระกูลอวี๋เหวิน แม้แต่ภายในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็มีทายาทสายตรงของตระกูลอวี๋เหวินอยู่มากมาย”

“ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ! ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราหยาบคายกับพวกคุณ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนมีท่าทีหยิ่งผยองมาก สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ไม่ได้มองหยางเฉินและหม่าชาวสูงขึ้น เพียงเพราะพวกเขานั่งไมบัคมา

“เกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนสวมแว่นตากรอบทองได้เดินเข้ามา หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม

ชายวัยกลางคนผู้นี้ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือรองประธานบริษัทที่เพิ่งลงจากรถออดี้ a8 คันนั้น

“สวัสดีครับประธานซ่ง!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน พอเห็นชายวัยกลางคนก็รีบทักทายด้วยความเคารพ

แล้วหนึ่งในนั้นก็อธิบายว่า “ประธานซ่ง เจ้าหนุ่มสองคนนี้เอารถมาจอดที่นี่ พวกเราบอกให้พวกเขาขับรถออกไป พวกเขาก็ไม่ยอม ยังประกาศศักดาว่าจะจอดรถที่นี่ด้วย”

หยางเฉินผู้นิ่งเฉยมาโดยตลอดก็เลิกคิ้วขึ้นทันที

เขาเองไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยกับคนตัวเล็กๆ ทั้งสอง แต่อีกฝ่ายกลับสร้างเรื่องโกหก

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นบริษัทที่แม่ทิ้งไว้ให้เขา เขาจึงไม่อยากก่อเรื่องที่นี่อยู่แล้ว เดิมทีคิดจะให้หม่าชาวขับรถออกไปก่อน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนี้กลับพูดเช่นนี้

ประธานซ่งเลิกคิ้วขึ้นทันที ชำเลืองมองหยางเฉินและหม่าชาวอย่างเย็นชา ก่อนจะออกคำสั่ง “ในเมื่อกล้ามาก่อเรื่องที่หน้าประตูเยี่ยนเฉินกรุ๊ป งั้นก็ขับไล่ออกไป!”

“ครับ ประธานซ่ง!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองรีบตอบอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าแผนการของพวกเขาประสบความสำเร็จ

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปหาหยางเฉินและหม่าชาวพร้อมกับกระบองยางในมือ พูดยิ้มเยาะว่า “หนุ่มน้อย พวกคุณจะไสหัวไปจากที่นี่เอง? หรือจะให้พวกเราตีพวกคุณสักยก แล้วขับไล่พวกคุณออกไป?”

สายตาของหยางเฉินเย็นเฉียบในทันใด เพียงแค่มองออกไป ก็ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองชะงักงัน อดตัวสั่นไม่ได้ ในสายตายังมีแววตื่นตระหนกอีกด้วย

สายตาของชายหนุ่มผู้นี้น่ากลัวเกินไป สายตาทั้งสอง ราวกับไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองเกิดความคิดขึ้นในทันที หยุดก้าวเดินโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป พวกคุณทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันแบบนี้เหรอ?”

หยางเฉินยืนเอามือไพล่หลัง แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นสิ่งเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ตนบนโลกใบนี้

เขามาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลายปี คิดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวเล็กๆ จะไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาแบบนี้

แค่คิดก็รู้ว่า ภายในบริษัท ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่านั้นจะมีคุณธรรมและพฤติกรรมเช่นไร?

“หนุ่มน้อย ที่นี่คือเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ผมแนะนำว่าอย่าคุณอย่ามาสร้างปัญหาดีกว่า มิฉะนั้น คุณอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้ยังไง”

ประธานซ่งพูดพลางหรี่ตาลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตกใจกับหยางเฉิน แต่ในฐานะรองประธานบริษัท เขามีอำนาจอยู่ในมือมากมาย แล้วจะกลัวชายหนุ่มเพียงคนเดียวได้อย่างไร?

“คนอย่างคุณก็สามารถเป็นรองประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้ด้วยเหรอ? ผมแนะนำให้คุณคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูด ไม่เช่นนั้น คุณจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว”

หยางเฉินพูดโต้แย้ง

เดิมทีเขาไม่ได้วางแผนที่จะมาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเร็วขนาดนี้ แต่ครั้งนี้มาเพราะเรื่องของอ้ายหลิน ในเมื่อเขามาที่เมืองเยี่ยนตูแล้ว ก็ย่อมต้องกลับมาเยี่ยมเยียนที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสักหน่อย

แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปภายในบริษัท ก็ได้พบกับพวกคนไร้วิสัยทัศน์เช่นนี้ ในใจเขามีเพียงความรู้สึกเสียใจ เสียใจแทนเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

เป็นเวลาสิบแปดปีแล้วที่เขาและแม่ถูกไล่ออกจากเมืองเยี่ยนตู ในช่วงสิบแปดปีที่ผ่านมา เกรงว่าบริษัทนี้อาจจะถูกกัดเซาะโดยทายาทสายตรงของตระกูลอวี๋เหวินจนพรุนแล้ว

ดูท่าทาง จำเป็นต้องกวาดล้างทำความสะอาดเสียหน่อยแล้ว

เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ ประธานซ่งก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ผมอยากจะดูนักว่า ไอ้เด็กเวรปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนเดียวจะทำอะไรผมได้?”

ประธานซ่งเป็นคนเย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด ในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป นอกจากผู้จัดการทั่วไปแล้ว เขาก็ไม่เคยเกรงกลัวใครเลย

หยางเฉินเพียงแค่มองดูเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ก่อนจะยิ้มเยาะพูดว่า “คุณไม่ต้องกังวล อีกไม่นานคุณจะต้องคุกเข่าแทบเท้าขอร้องผม”

พูดจบ เขาก็สั่งหม่าชาวว่า “ขับรถออกไป!”

ต่อให้เขาต้องฆ่าประธานซ่งที่นี่ เขาก็จะไม่กะพริบตา แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเยี่ยนเฉินกรุ๊ป จะยอมให้มีเลือดสกปรกมาแปดเปื้อนไม่ได้

หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ที่นี่ มันจะส่งผลเสียต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเขาจะต้องทะเลาะกับสุนัขไปทำไม?

“หนุ่มน้อย ถือว่าคุณมีความชัดเจนในตัวเอง!”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อประธานซ่งมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งของหยางเฉิน เขาก็รู้สึกใจฝ่อในทันใด เขาทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วรีบออกไป

ไม่นาน หม่าชาวก็จอดรถเรียบร้อย แล้วกลับไปอยู่ข้างกายหยางเฉิน

ทั้งสองเดินตามกันมุ่งหน้าเข้าไปภายในบริษัท

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงประตู ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองขวางทางไว้ “หนุ่มน้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะเข้าไปได้ ถ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็รีบไสหัวออกไปซะ!”