TQF:บทที่ 639 ครอบครัวท่านอา (2)

 

ในเวลานั้น ทหารยามตระกูลฟางที่อยู่ชั้นหนึ่งก็วิ่งขึ้นมาในที่สุด เมื่อเห็นกองมนุษย์ที่หน้าประตูพวกเขาทุกคนทั้งตกใจและโกรธ ตกใจที่มีคนรบกวนการกินข้าวของเจ้านายและแขกพิเศษ โกรธที่คนเหล่านี้ไม่หัดมองบ้าง คนในตระกูลฟางยังจะกล้ายุ่ง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าเย็นๆและพัดอันเล็กๆในมือของหยูเฮงน้อย พวกเขาอดคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลฟางเมื่อเช้าวานนี้ไม่ได้ นึกแล้วก็ใจสั่น

 

เจ้าคนที่ไม่รู้จักมองพวกนี้ ไปหาเรื่องใครไม่หา ดันมาหาเรื่องนางมารตัวน้อย หาเรื่องตายชัดๆ

 

หยูเฮงน้อยได้รับคำสั่งและไม่ได้ฆ่าเขา ทหารยามของตระกูลกงซุนก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ละคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

คุณชายกงซุนที่ถูกทับไว้ด้านล่างเกือบจะแบนไปซะแล้ว มีลมเข้าแต่ไม่มีลมออก จนทหารยามให้เขากินยาเม็ดอย่างรุ่มร่ามถึงได้อาการดีขึ้นเมื่อผ่านไปสักพัก และถูกพยุงขึ้น

 

กงซุนเห้าตั้งตบหน้าทหารยามเสียงดังคนละฉาด ก่อนที่จะชี้ไปยังคนที่นั่งนิ่งเฉยที่นั่งอยู่ในห้อง พลางกล่าวด้วยเสียงที่โกรธ “ดีมากตระกูลฟาง ดีมาก คอยดูนะ!”

 

“ชิ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้ารึไง มีปัญญาก็มา เห็นเจ้าครั้งนึงข้าก็จะตีเจ้าครั้งนึง ไปให้พ้น!”

 

หยูเฮงน้อยยกพัดอันเล็กในมือขึ้นมาพัดอย่างโอหัง ขู่อีกฝ่ายโดยไม่เห็นแก่หน้าคุณชายกงซุนเลยแม้แต่น้อย

 

กงซุนเห้าตั้งผู้ซึ่งโกรธจนหน้าดำหน้าแดง หมุนตัวกลับพร้อมพาคนของเขาออกไปด้วย ความเกลียดชังในสายตาเขาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเห็นอย่างชัดเจน

 

แม้ว่าตระกูลกงซุนจะแข็งแกร่งกว่าตระกูลฟางอยู่นิดหน่อย แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาอยู่ดี ก็แค่ตระกูลเท่านั้น ถ้ายังกล้ามารนหาที่ตายละก็ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยินดีจะส่งสัตว์อมตะไปเที่ยวเล่นที่บ้านตระกูลกงซุนสักหน่อย

 

พอดีเลย ตัวเองก็อยากจะมีชื่อเสียงในชิงยางอยู่

 

ทหารยามตระกูลฟางทักทายคนในห้องด้วยความระมัดระวัง เมื่อกี้พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมีคนมาหาเรื่องคุณหนูและคุณชายของตัวเอง

 

ใครๆก็รู้ว่าที่นี่เป็นร้านของตระกูลมู่หรง แล้วคุณชายและคุณหนูของตัวเองก็ดองกับตระกูลมู่หรง ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกเขาง่ายๆหรอก

 

อาจกล่าวได้ว่าทุกครั้งที่พี่น้องตระกูลฟางกินข้าวที่นี่ ไม่เคยมีเรื่องไม่คาดฝันสักครั้งเดียว แต่คราวนี้พวกเขาเชิญคุณหนูผู้เป็นญาติทั้ง 2 มากินกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และพวกเขาก็ไม่มาปรากฏตัวในตอนแรกด้วยกลัวเหลือเกินว่าเจ้านายจะพาลมาที่พวกเขา

 

“เอาล่ะๆ ไม่มีธุระของพวกเจ้าแล้ว รีบลงไปกินข้าวเถอะ” หยูเฮงน้อยรู้ถึงความคิดของทหารยาม จึงโบกมือให้พวกเขาออกไป

 

ฟางซีเฉิงที่ตอนแรกอยากจะด่าสักคำสองคำก็ต้องกลืนคำที่มาถึงปาก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เกียรติหยูเฮงน้อย จึงพูดกับทหารยามว่า “ยังไม่รีบไปอีก”

 

“ขอรับ ข้าน้อยทูนลา”

 

1 ในนั้นก้าวไปปิดประตู ส่วนอีกคนในนั้นเฝ้าอยู่นอกประตูเผื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก และคนอื่นๆก็ลงไปด้านล่าง

 

การทะเลาะกันเมื่อกี้ไม่ได้ดุเดือด ก็แค่มีเสียงทะเลาะเบาะแว้งและเสียงกรีดร้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีแขกวิ่งออกมาดู ที่สำคัญที่สุดคือแขกที่อยู่บนชั้น 2 เป็นคนที่มีฐานะ พวกเขามักจะถือตัวเองว่าสูงส่ง ไม่ทำเรื่องที่เป็นขี้ปากคนอื่นแบบนี้แน่นอน

 

ส่วนทหารยามของร้านอาหารไม่ได้มาเลยสักคน เพราะไม่ได้มีการทำลายข้าวของในร้าน การทะเลาะเล็กๆน้อยๆแบบนี้คนที่นี่ไม่ค่อยได้พูดถึง

 

เรื่องแบบนี้น่ะเกิดขึ้นเกือบทุกวันและผู้คนในร้านก็ชินเสียแล้ว เว้นแต่จะเป็นเรื่องใหญ่คนในร้านถึงจะยื่นมือเข้ามา

 

ดังนั้นเรื่องบ้าๆนี่มาไวและไปไว ไม่มีใครสนใจเลย

 

“น้องสาว ขอโทษด้วย ข้าไม่คิดว่า…”

 

ฟางซีเฉิงอธิบายกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยความรู้สึกผิด แต่หยูเฮงน้อยขัดจังหวะเขาทันที “คุณชาย นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลย คุณหนูไม่โทษท่านหรอก อีกอย่างไอ้สารเลวน้อยนั่นรังแกกันเกินไปจริงๆ น่าจะฆ่าเขาไปซะ “

 

หยูเฮงน้อยไม่เคยมีความปราณีต่อคนเลว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตบมือนางอย่างนึกขำและเอ่ยขึ้น “เอาหน่า อย่าปล่อยให้คนนอกมาทำลายความสนุกของเรา”

 

“น้องสาวพูดถูก ไม่คุ้มค่าที่จะอารมณ์เสียเพราะคนเลวแบบนั้น” ฟางถงยวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อเห็นว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่น้องตระกูลฟางก็รู้สึกโล่งอก ที่จริงพวกเขาก็แค่กลัวว่าจะทำให้พวกนางไม่พอใจ ส่วนกงซุนเห้าตั้งพวกเขาขี้เกียจจะโกรธ และพวกเขาก็เคยชินกับพฤติกรรมและนิสัยของอีกฝ่ายแล้วด้วย

 

พวกเขาพูดคุยกันซักพักเสี่ยวเอ้อก็นำอาหารและเหล้ามาให้ อาหารอร่อยวางอยู่ข้างหน้า ทุกคนหิวกันหมด จึงเริ่มกินโดยไม่เกรงใจแล้ว

 

ในระหว่างมื้ออาหารมักจะไม่มีการพูดคุย ทุกคนกินอาหารกันเงียบๆ ฟางซีเสียนซึ่งนั่งตรงข้ามกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมักจะจ้องมองนางด้วยสายตาเทิดทูนทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแกล้งทำเป็นไม่รู้ หยูเฮงน้อยเห็นด้วยตาและมีความสุขอยู่ในใจ พลางคิดไปว่าเขาจะสามารถทำเรื่องสนุกๆได้หรือไม่

 

“ปังๆๆๆ”

 

จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ต้องดูคนด้านในก็รู้ว่าเป็นใคร ฟางถงยวี่มีท่าทีแปลกใจ วางตะเกียบลง “ท่าอาและท่าอาเขยมาได้ยังไงน่ะ”

 

“เชิญเข้ามาได้”

 

ฟางซีเฉิงร้องบอก ประตูก็ถูกทหารยามผลักออก ครอบครัวฟางชิวหมิ่นก็ปรากฏต่อสายตาทุกคน

 

“ท่านอา ท่านอาเขย น้องชาย น้องสาว”

 

“ท่าอาเขยกับท่านอามา”

 

“ท่าอา ท่าอาเขย”

 

พี่น้องทั้ง 3 คนลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกัน แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะไม่เคยเห็นลูกสาวของท่านปู่เล็ก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นญาติกัน นางลุกขึ้นตาม มีเพียงหยูเฮงน้อยเท่านั้นที่ยังจับตะเกียบคีบอาหารอยู่ ราวกับไม่รู้ว่ามีแขกมา

————————