TQF:บทที่ 640 ครอบครัวท่านอา (3)

 

ความแตกต่างของนางย่อมทำให้ผู้อื่นมองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นแบบไม่มีความปองร้ายเจือปน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดึงยัยเด็กที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างเหนื่อยใจ

 

“ซีเฉิง คนนี้ก็คือหลานสาวของท่านป้าข้าใช่มั้ย”

 

สายตาของฟางชิวหมิ่นทอดมาที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อย่างไรซะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็หน้าเหมือนท่านย่า ย่อมเหมือนตนตระกูลฟางมากกว่า ฟางชิวหมิ่นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยจากตัวนางแม้ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรก

 

“สวัสดีเจ้าค่ะท่านอา ข้าคือเฉิงเสี่ยวเสี่ยว” นางย่อตัวเล็กน้อยกับ 2 สามีภรรยา ก่อนจะหันไปพูดกับชายวัยกลางคนข้างกายนาง “คารวะท่าอาเขย”

 

“ช่างเป็นหลานสาวที่หน้าตาสวยเสียจริง” มู่หรงเหวินหานพยักหน้าพลางอมยิ้ม มีความตะลึงอยู่ในสายตา

 

อายุแค่นี้ก็อยู่จุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทพเทวาแล้ว วิทยายุทธสูงกว่าตัวเองซะอีก มิน่าล่ะนางถึงอาละวาดที่ตระกูลฟางซะยกใหญ่แต่กลับไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกนาง

 

“หลานสาวข้าสวยจริงๆนี่นา ไม่เพียงแต่สวยกว่าท่านอาอย่างข้า ยังสวยเหนือลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหมดเลยด้วย ข้าว่านะ เจ้าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชิงยางของเราอย่างแน่นอน”

 

ฟางชิวหมิ่นยิ้มตาหยีพลางจูงเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไว้ มองนางไปชื่นชมนางไป แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะมีความแซวเล่นอยู่นิดหน่อย แต่สีหน้าของนางแน่วแน่มาก

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านอา ใครเขาชมครอบครัวตัวเองแบบท่านบ้าง ไม่กลัวว่าแพร่ออกไปแล้วคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาหรือไง”

 

“ฮ่าๆๆ ใครจะหัวเราะ มีแต่จะเห็นด้วยกับข้า หลานข้าสวยสุดจะหาใครเปรียบจริงๆนี่ ข้าไม่ได้คุยโวเรื่องครอบครัวตัวเองซะหนอ่ย”

 

“ท่านอาพูดถูก น้องสาวสวยกว่าพวกเรามาก” ฟางถงยวี่แทรกขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

หลังจากนั้นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้จักกับพี่น้องตระกูลมู่หรง พี่สาวสองคนของตระกูลมู่หรงชื่อว่ามู่หรงยีฮั่น และมู่หรงยีหรู ส่วนน้องชายที่มีอายุเพียง 15 ปีชื่อว่ามู่หรงจื่อจวิ้น พี่น้อง 3 คนก็หน้าตาดูดีไม่น้อย และให้ความรู้สึกว่าเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่

 

เห็นได้ชัดว่าพี่น้องตระกูลมู่หรงก็ได้ยินเรื่องของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยมาบ้างแล้ว หลังจากที่แนะนำตัวกัน พวกเขาก็พูดคุยกับพวกนางด้วยความสนิท

 

โดยเฉพาะหยูเฮงน้อย อายุเพียง 13-14 ก็สามารถคุยกับพี่น้องตระกูลมู่หรงได้ไม่เบื่อ ทุกคนต่างอมยิ้มเมื่อมองไปที่พวกนาง

 

ครอบครัวฟางชิวหมิ่นรีบมาโดยที่ยังไม่ได้กินข้าว ดังนั้นของที่อยู่บนโต๊ะจึงถูกยกออกไป และสั่งให้เสี่ยวเอ้อเตรียมอาหารและเหล้ามาใหม่อีกครั้ง

 

ผู้คน 10 กว่าคนพูดคุยหัวเราะในห้องส่วนตัวกันอย่างมีความสุข กินกันต่อไปเรื่อยๆ

 

ฐานหลักโถงวิหารสวรรค์

 

ตาแก่ซอมซ่อมองไปที่ลูกศิษย์หลงใหลไปกับรูปปั้นอย่างออกมาไม่ได้ นอกจากจะเทเหล้าเข้าปากด้วยความรู้สึกหดหู่แล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้

 

เขากระดกเหล้าวิเศษอึกใหญ่อีกครั้งและเหวี่ยงขวดเหล้าใส่แหวนไป ฉีกมิติออกด้วย 2 มือพลางเดินเข้าไปเมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าโม่ซวนซุนแล้ว

 

พอดีกับที่โม่ซวนซุนปั้นรูปปั้นท่าทางมีเสน่ห์ของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเสร็จด้วยรอยยิ้มที่พอใจ อารมณ์เขาดีขึ้นมาทันที แม้ว่าอาจารย์ของเขา ตาแก่ซอมซ่อจะมาปรากฏตัวเขาก็ไม่โกรธและอาละวาด

 

หากมีใครกล้ารบกวนเขาในขณะที่เขากำลังแกะสลักอยู่ละก็ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก

 

ตาแก่ซอมซ่อมองไปที่รูปปั้นหยกที่มีอย่างน้อยๆนับหมื่น ที่เคยแกละสลักเมื่อก่อนคงจะเก็บไปแล้ว

 

“ศิษย์เอ๋ย เจ้าจะใช้ชีวิตไปแบบนี้เหรอ เจ้าไม่อยากได้ความทรงจำคืนแล้วรึ เจ้าไม่อยากไปหาคนรักของเจ้ารึ เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่านางอยู่ที่ไหน เจ้าแกะสลักไปแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร แค่ระลึกถึงนางอยู่ที่นี่รึ”

 

ตาแก่ซอมซ่อถามออกไปในรวดเดียว ที่จริงเขาก็ไม่อยากพูดแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าเมื่อพูดคำพวกนี้ออกไปแล้ว ศิษย์ของตัวเองก็จะจากไปในไม่ช้า แต่ถ้าไม่พูดละก็เขาก็ทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

 

ไม่ว่าชีวิตรักของลูกศิษย์จะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่อนุญาตให้พรสวรรค์ในตัวลูกศิษย์เสียเปล่า

 

โม่ซวนซุนนิ่งไปเมื่อได้ยินคำที่ตาแก่ซอมซ่อถามอย่างตำหนิ เขาหลุบตาต่ำลง จ้องมองเหล่ารูปแกะสลักหยกที่มีทุกท่วงท่า เขาตกอยู่ในห้วงความคิด ระหว่างที่กำลังสับสน เขาก็เห็นร่างสีขาวที่เดินยิ้มมาหา ร้องตะโกนบอกเขา “เจ้าลูกคิด เจ้าอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาหาข้า ข้ารอเจ้าอยู่เจ้ารู้มั้ย ข้ารอเจ้าอยู่ รอเจ้ามาตลอด รอเจ้า….”

 

“เสี่ยวเสี่ยว” โม่ซวนซุนพึมพำเบาๆอย่างอดไม่ได้ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เก็บรูปปั้นหยกทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเขาเข้าแหวนมิติของตัวเอง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อาจารย์ตาแก่ซอมซ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะบรรลุปรากฏเทพเทวาให้เร็วที่เร็วที่สุด จะได้รีบไปหาเมียข้า”

 

ตาแก่ซอมซ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง มองไปที่ลูกศิษย์ที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนตรงหน้า แววตาของเขาค่อนข้างซับซ้อน พยักหน้า “ดี ตอนนี้เจ้าเข้าไปเก็บตัวในตำหนักถ้ำของเจ้าโถงรุ่นแรก ถ้ายังไม่บรรลุก็ไม่ต้องออกมา”

 

“ไม่มีปัญหา ไม่ถึง 3 เดือนข้าก็จะบรรลุให้ได้”

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวิทยายุทธของโม่ซวนซุนก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากเขาไม่ได้มัวหลงใหลอยู่กับรูปปั้นหยกก็คงจะบรรลุเป็นปรากฏเทพเทวาไปนานแล้ว

 

ตาแก่ซอมซ่อพยักหน้าอย่างไม่แปลกใจ “เมื่อถึงเวลาที่เจ้าจะไป ข้าจะเป็นผู้ทดสอบวิชาวิหารสวรรค์ของเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าเจ้าไม่ผ่านเจ้าก็ยังไปไม่ได้”

 

“วางใจเถอะ จะไม่เรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน”

 

โม่ซวนซุนทิ้งประโยคนี้ไว้และหายตัวไปกับอากาศเพื่อไปยังตำหนักถ้ำที่เจ้าโถงเทียนรุ่นแรกทิ้งไว้

 

ชี้แนะลูกศิษย์จนกระจ่าง แต่ตาแก่ซอมซ่อก็ไม่ได้มีความสุขนัก กลับมีสับสนปรากฏขึ้นในแววตาพลางพึมพำกับตัวเอง “เป็นเรื่องดีหรือเป็นหายนะ ยากที่จะวัดๆ”

 

ด้านนอกประตูของเจ้าโถงวิหารสวรรค์ มั่วหวี่เจ่อและหรงจิ้งซือกำลังสอบถามเด็กที่เฝ้าประตูอยู่ว่าอาจารย์ของตัวเองอยู่ที่นี่หรือไม่

 

ไม่ทันที่เด็กทั้ง 2 จะตอบกลับ เสียงเรียกให้พวกเขาเข้าห้องโถงของอาจารย์ก็ดังขึ้นในหู ขณะเดียวกันประตูห้องโถงที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆเปิดออก

 

2 สามีภรรยาเดินเข้าห้องโถงโดยไม่เหล่มองที่อื่น ประตูห้องโถงปิดลงอย่างช้าๆอีกครั้ง หลังจากเข้ามาแล้วพวกเขาก็เห็นอาจารย์ตัวเองนั่งบนฟูก จึงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและก้มหัวลง “ศิษย์มั่วหวี่เจ่อและหรงจิ้งซือคารวะอาจารย์”

——————————-