บทที่ 875 ความจริง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 875 ความจริง

ความจริงอย่างนั้นหรือ?

ฉินเทียนอดที่จะใจเต้นไม่ได้

หรือว่าอาการของซูซูในตอนนี้จะมีเบื้องหลัง ยังมีอะไรซ่อนอยู่อย่างนั้นหรือ?

“เป็นพวกคุณที่ลงมืออยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ?!”เมื่อคิดถึงอะไรได้ ดวงตาของฉินเทียนก็แดงก่ำทันที

ด้วยเหตุนี้ ดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะสับฉินฉีเป็นชิ้น ๆ ได้ตลอดเวลา

ฉินฉีรีบร้อนโบกไม้โบกมือ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “เสี่ยวเทียน ลูกคิดกับพวกเราแย่เกินไปแล้ว ซูซูกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลฉินเก่าของพวกเราอยู่ แล้วพวกเราจะไปแอบลงมืออยู่เบื้องหลังได้อย่างไร?”

“พวกเรานั่งลงก่อน เดี๋ยวพ่อจะค่อย ๆ บอกลูก ดีไหม?”

เปลือกตาของฉินเทียนกระตุกครู่หนึ่ง และก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อครู่นี้ค่อนข้างก้าวร้าวเกินไป อย่างน้อยในตอนนี้ ผ่านท่าทางของฉินฉีและนายหญิงใหญ่ที่ปฏิบัติต่อแสดงต่อของซูซูแล้ว พวกเขาดูไม่เหมือนคนที่จะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้

เมื่อมองแววตาของฉินฉีที่แฝงไปด้วยความวิงวอน ก็ทำให้เขานึกไปถึงประโยคหนึ่งเมื่อครู่นี้ว่า “หลายปีมานี้พ่อผ่านไปอย่างยากลำบาก” และยิ่งเห็นจอนสีขาว รวมไปถึงรอยตีนกาตรงมุมหางตาด้วยแล้ว หัวใจของฉินเทียน ราวกับว่าจู่ ๆ ก็มีมดโผล่ขึ้นมาหนีบเอาไว้

เขาพยักหน้าอย่างนิ่งเงียบ และนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เห็นได้ชัดว่าฉินฉีดูมีความสุขมาก และเขาก็นั่งลงเช่นกัน จากนั้นก็ประคองแก้วเหล้าขึ้น แล้วกล่าวว่า “มา เสี่ยวเทียน พวกเราพ่อลูกไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว มาดื่มด้วยกันหน่อยเถอะ”

ท่าทางเช่นนั้น ดูเหมือนกับพ่อที่แก่ชราไปแล้วอย่างมาก ที่กำลังเฝ้าประจบสอพลอลูกชายอยู่

ในความเป็นจริงแล้ว เขายังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ!

ฉินเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มหมดภายในรวดเดียว

“ลูกเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้ลูกไม่ดื่มเหล้าเหล้าเลยสักนิดเดียว”

“ดีแล้ว!”

“เป็นลูกผู้ชายก็ต้องให้ได้อย่างนี้แหละ!”ฉินฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อฉินเทียนได้ยินเขาพูดเรื่องก่อนหน้านี้ ภายในใจก็เริ่มรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา เขาจึงกล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “ผมไม่ได้มาเพื่อรำลึกความหลังกับคุณ”

“ตอนนี้สถานการณ์ของซูซูอันตรายเป็นอย่างมาก คุณมีวิธีการอะไร ก็รีบพูดมาเลยเถอะ”

ฉินฉีพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไป และแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้นมา

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ลูกยังจำแม่ได้อยู่ไหม?”

“รู้หรือไม่ว่าเธอป่วยเป็นโรคอะไร?”

ฉินเทียนผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของแม่กัน?”

“ยิ่งไปกว่านั้น คุณไม่เหมาะที่จะกล่าวถึงแม่ต่อหน้าผม”

แต่ฉินฉีกลับไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด เพียงแต่ยิ้มอย่าขมขื่น และเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังพระอาทิตย์ตกซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความคิดถึงและเศร้าโศก

ดูเหมือนกับว่าเขากำลังตกอยู่ในความทรงจำ จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเลื่อนลอยเล็กน้อย

แต่ทว่าคำที่เขาพูดออกมา กลับทำให้ฉินเทียนต้องตกใจเป็นอย่างมาก

“ถึงแม้ว่าแม่ของลูกจะมาตัวตนเป็นคนธรรมดา แต่เธอก็แต่งงานเข้าตระกูลฉิน และอาศัยการที่เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีงาม เพียงไม่นานเธอก็ชนะและได้รับความเคารพมาจากทุกคน”

“เวลานั้น ในตระกูลฉิน ตั้งแต่นายหญิงใหญ่ ไปจนถึงคนรับใช้ ไม่มีใครที่ไม่ชอบเธอ หรือไม่ให้ความเคารพกับเธอเลย”

“ในเวลานั้นพ่อภูมิใจเป็นอย่างมาก พ่อรู้สึกว่า นี่คือของขวัญที่พ่อได้มาจากพระเจ้า ฉันฉินฉีคนนี้มีดีอะไร ในชีวิตนี้ถึงได้ครอบครองผู้หญิงเช่นนี้ได้”

“บรรยากาศที่ผสมผสานความสุขแบบนี้ อยู่จนถึงหลังจากที่แม่ของลูกตั้งท้องลูก จึงไปถึงช่วงเวลาแห่งการออกดอกออกผล”

“ทุกคนต่างก็ประคับประคองเธอราวกับประคับประคองดาวและเดือนอย่างไรอย่างนั้น”

“จนกระทั่ง หลังเดือนที่สาม เธอเริ่มมีอาการแพ้ท้องปรากฏออกมา”

“ในตอนแรก พ่อก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก แต่ไม่คิดเลยว่า น้ำหนักของเธอจะลดลงไปรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง”

“ใบหน้าที่งดงามไม่มีเนื้อ ดวงตากลมโตที่มีไหวพริบ ก็ไม่สดใสอีกต่อไป…”

เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ ฉินเทียนก็กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “ใช่แล้ว!”

“เป็นเหมือนกับอาการของซูซูเลย”

“อาการของซูซูในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้!”

“รีบบอกมาเร็วเขา หลังจากนั้นแม่ของผมรักษาให้หายได้อย่างไร?”

ฉินฉียิ้มอย่างขมขื่น “ตระกูลฉินเก่าใช้อำนาจและทรัพยากรที่มีทั้งหมด เชิญหมอที่มีชื่อทั่วทุกมุมโลก และยาดีมากมายหลากหลาย”

“และสุดท้าย ก็ไม่มีทางที่จะกอบกู้พลังจะจิตวิญญาณที่สูญเสียไปได้ และเธอก็ราวกับถูกคำสาป และถูกผีดูดเลือดครอบงำเอาไว้”

เมื่อพูดถึงการครอบงำของผีดูดเลือด ทันใดนั้นฉินฉีก็จ้องมองไปทางฉินเทียน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและอาฆาตแค้น

ฉินเทียนสั่นเทาอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “คุณจะบอกว่า…ผมเป็นผีดูดเลือดตัวนั้นอย่างนั้นเหรอ?”

“เป็นผมที่อยู่ภายในร่างกายของแม่ ดูดเอาพลังและจิตวิญญาณของแม่มาจนหมดอย่างนั้นหรือ?”

ฉินฉีกดฟันแล้วกล่าวว่า “ถึงจะฟังดูแล้วน่าเหลือเชื่อ แต่ทว่าเรื่องจริงมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”

“หลังจากที่ได้รู้สถานการณ์แล้ว พ่อเคยขอร้องให้เอาลูกออกไปหลายครั้ง แต่ทว่าแม่ของลูกก็ไม่เห็นด้วย”

“เธอบอกว่า ลูกก็คือของขวัญที่มีค่ามากที่สุดที่สวรรค์ส่งมาให้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเธอก็จะให้กำหนดออกมาให้ได้”

“เธอรู้อยู่แล้วว่า หลังจากที่ให้กำเนิดลูก ก็อาจต้องใช้ชีวิตของเธอด้วย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเลย!”

“เธอบอกว่า เพื่อพ่อ เพื่อเหลือทายาทของตระกูลฉิน…”

“เป็นไปไม่ได้…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

“ผมไม่เชื่อ!”

“คุณกำลังหลอกผม!”

“คุณบอกว่าสิ ว่าคุณกำลังหลอกผมใช่ไหม?”ฉินเทียนเสียการควบคุมอารมณ์ของตัวเองไป ดวงตาของเขาแดงก่ำ ราวกับสัตว์ร้ายที่ใกล้จะแหลกสลาย

สำหรับการตายของแม่ เขาจดจำอยู่ในใจเสมอ ก่อนหน้านี้รู้สึกมาตลอด ต้องเป็นเพราะคนของตระกูลปฏิบัติต่อแม่อย่างเหี้ยมโหด จนสุดท้ายแม่ก็ต้องตายเพราะเจ็บป่วย

ตอนนี้เมื่อได้ฟังความลับนี้แล้ว การตายของแม่ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นตัวเองที่เป็นคนร้าย

ตัวเองก็คือฆาตกรคนนั้น

เกรงว่าถึงจะเปลี่ยนเป็นใครทำก็ตาม ก็ต่างรับไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่ออารมณ์เดือดดาลของฉินฉีลดต่ำลง ในที่สุดแววตาของเขาก็กลับมาหมองหม่นอีกครั้ง เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แม่ของลูกข่มขู่ด้วยความตาย และยืนยันว่าจะให้กำเนิดลูก”

“กระบวนการนี้ สุดท้ายก็ใช้พลังและจิตวิญญาณทั้งหมดของเธอไปเกือบไม่เหลือ”

“หลังจากที่ลูกเกิดมาได้ไม่นาน เธอก็ล้มป่วยหนักไม่มีวันหาย หมดได้บอกว่า จำนวนอวัยวะล้มเหลวมีมากเกินไป เอากลับคืนมาไม่ได้ และยังรักษาไม่หายอีกด้วย”

“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…”ฉินเทียนอกสั่นขวัญหาย และยังพูดพึมพําอย่างสับสนวุ่นวาย

ราชาถงจิ่งที่อยู่ด้านข้าง ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริง ๆ เขาถอนหายใจแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “จะให้พูดอย่างไรดี นางน้อยเป็นคนที่มีพรสวรรค์พิเศษ ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไป”

“คุณลองคิดดูสักหน่อย สายเลือดของคุณ มีศักยภาพมากกว่าคนทั่วไปหรือไม่?”

ฉินเทียนราวกับถูกสายฟ้าฟาด

ศูนย์กลางสมาชิกของวิหารเทพสังหาร อย่างเช่นฉินเปียว อาศัยวิธีปฏิบัติทางจิต มากระตุ้นพลังของสายเลือด

แต่สมาชิกระดับต่ำบางคน จึงอาศัยยาหมาป่าหอน เข้ามากระตุ้นการเปลี่ยนแปลง

แต่เขา ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าในช่วงเวลาวิกฤต สายเลือดของเขาเมื่อถูกกระตุ้นออกมาก็มีพลังเหมือนกับของเทพสังหารเลย

และเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่ฉินเปียวต้องการไขกระดูกของเขาก่อนหน้านี้

ฉินเปียวคิดอยากที่จะใช้ไขกระดูกของเขา มาพัฒนาหมาป่าหอนให้สมบูรณ์แบบที่สุด

หรือว่า พลังของสายเลือดของตัวเองนี้ ถูกดึงมาจากในครรภ์ของแม่ตัวเอง?

และเพราะเหตุผลเช่นนี้ ตัวเองก็เหมือนกับผีดูดเลือดอย่างไรอย่างนั้น ดูดชี่ต้นทุนแต่กำเนิดของร่างกายแม่มาจนหมดอย่างนั้นหรือ?

ถึงแม้ว่าจะน่าเหลือเชื่อ แต่ทว่า ในตอนนี้มีคำอธิบายเดียวเท่านั้น

ในหัวใจของฉินเทียน ความจริงเริ่มเชื่อแล้ว

หลังจากที่ผ่านไปนาน เขาก็ขบฟันแน่น แล้วกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “ตระกูลฉินไม่มีพลังสายเลือดเช่นนี้”

“ดังนั้น ผมน่าจะสืบทองพลังของสายเลือดนี้มาจากทางแม่ของผม เมื่ออนุมานจากสิ่งนี้แล้ว ตัวตนของแม่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แม่เป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาจริง ๆ น่ะเหรอ?”

“ผมจำได้ในตอนที่ผมยังเด็ก ผมเคยถามแม่มาก่อน ว่าตายายของผมเป็นคนอย่างไร ทำไมฉินเปียวถึงมีลุง แต่ผมกลับไม่มี”

“ในตอนนั้นแม่ของผมบอกว่า ผมมีตายาย แล้วก็ยังมีลุงอีกสองสามคน แต่ว่า พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลมากที่หนึ่ง”

“ผมตามแม่ ว่าไกลมากแค่ไหน แล้วเมื่อไรถึงจะพาผมไปได้”

“และแม่ก็เริ่มทำผมกลัว โดยที่บอกว่าตายาย และยังมีพวกลุง พวกเขาทั้งหมดต่างเปลี่ยนมาจากเสือ สิงโต และเสือดาว หากว่าผมไม่เชื่อฟังแล้วละก็ พวกเขาก็จะเปิดเผยตัวตนแล้วก็กินผม เช่นนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือไม่ให้ผมไปพบเจอพวกเขาตลอดชีวิต…”

“บอกผมมา ว่าที่จริงแล้วแม่เป็นคนแบบไหนกันแน่!”