SD:บทที่ 111  ผู้อำนวยการ

 

หลังจากตกตะลึงด้วยคำพูดของ ซูฉิวไป่  เรื่องนี้ทำให้อาจารย์ตงฟางพูดไม่ออก

อาจารย์ตงฟางผู้รู้สึกภาคภูมิใจในชื่อเสียงทางวัฒนธรรมทั้งหมดเขาไม่เคยยอมรับสิ่งต่างๆจากคนอื่น แต่ในตอนนี้เขารู้สึกลังเล ในที่สุดเขาก็มองไปที่เพื่อนเก่าของเขาที่อยู่รอบตัว ซึ่งกำลังมองเข้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เขาจึงส่ายหัวและปฏิเสธ

“ คุณมักจะพูดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นของที่ไม่เหมือนใคร มันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีครั้งต่อไปหากผมต้องการใครสักคนในการรับรองวัตถุโบราณผมจะต้องขอความช่วยเหลือจากคุณอย่างแน่นอน…”

คำพูดของ ซูฉิวไป่ นั้นประณีตและละเอียดรอบคอบทำให้เซี่ยหรงหรงนั้นมีความสุข

เธอเข้าใจจริงๆว่า ซูฉิวไป่ นั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับวัตถุโบราณเหล่านี้ ก่อนหน้านี้เขาให้โสมป่ามากมายแก่เธอแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันเพียงไม่นาน

ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเขาต้องการมอบชิ้นงานนี้ให้กับอาจารย์ตงฟาง  เซียหรงหรง รู้ว่านี่คือความจริงใจของเขาอย่างแน่นอนเขาไม่ได้วางแผนอะไร

แม้ว่าเซี่ยหรงหรงจะไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับ ซูฉิวไป่ แต่เธอก็พอจะรู้นิสัยของเขามากพอ

ตั้งแต่ที่ ซูฉิวไป่ เข้ามายังห้องประชุมนี้เขาเห็นว่าชายชราเหล่านี้ชอบงานพวกนี้มากแค่นี้ฟังการสนทนาของพวกเขา ซูฉิวไป่ ก็รู้สึกภาคภูมิใจ สำหรับงานเหล่านี้สามารถสะท้อนคุณค่าของพวกมันได้พวกมันถูกมอบให้กับคนที่คู่ควร ไม่เช่นนั้นงานศิลปะชิ้นนี้อาจถูกทิ้งให้หลงลืมไปสักวันหนึ่ง

นอกจากนี้ผลงานนี้ล้วนเป็นของปลอมแปลงที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อนำเสนอเป็นของขวัญให้กับ กู่เฉิงหยา  เมื่อเห็นว่าชายชราเหล่านี้ชอบงานประดิษฐ์มากและพวกเขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือเซี่ยกรุ๊บ  ซูฉิวไป่ ก็เต็มใจที่จะมอบชิ้นงานนี้ให้ จริงๆแล้วชิ้นงานเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายสำหรับเขาเท่าไหร่นัก!

อาจเป็นเพราะคำพูดของ ซูฉิวไป่ ทำให้อาจารย์ตงฟางตระหนักถึงความจริงใจของเขาดังนั้นในที่สุดเขาก็พูดต่อหน้าทุกคนว่า

“เนื่องจากคุณซู ยินดีที่จะมอบให้พร้อมด้วยพยานที่เป็นเพื่อนทั้งหมดของผมที่อยู่ที่นี่ ผมขอยอมรับของขวัญชิ้นนี้ในนามของสมาคมวิจัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีน นอกจากนี้ผมขอให้คุณซูเข้ามาเป็นผู้อำนวยการของสมาคมวิจัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีน หากไม่มีใครคัดค้านผมจะกลับไปที่เป่ยตูเพื่อจัดการเรื่องเอกสาร”

ซูฉิวไป่ ตกตะลึงเขาได้เป็นสมาชิกของกลุ่มได้อย่างไร

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ชายชรา ด้านหน้าเขารู้สึกว่าการเป็นผู้อำนวยการของสมาคมวิจัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีนนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด

เขาวางแผนที่จะปฏิเสธแต่มีคนในห้องพูดก่อน

“ผมเห็นด้วย สิ่งนี้มีค่ามากเกินไป ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีที่จะมอบให้ น้องชายคุณเป็นคนดีมาก!”

“ผมเองก็เห็นด้วย!”

….

หลังจากนั้นหลายคนได้แสดงความคิดของพวกเขา ในที่สุดซูฉิวไป่ก็กลายเป็นผู้อำนวยการของสมาคมวิจัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีน แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม

เซียหรงหรง และ กู่เฉิงหยา  ที่ยืนอยู่ต่างประหลาดใจกับข้อเสนอของอาจารย์ตงฟาง

ในฐานะสมาคมวิจัยประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมจีนในประเทศ นั้นถือว่าเป็นกลุ่มชั้นนำของประเทศ

ผู้อำนวยการนั้นเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก!ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเป็นก็เป็นได้

แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อตำแหน่งนี้!

แต่ว่าชิ้นงานอักษรประดิษฐ์นี้มีค่ายิ่งนัก พวกมันมาจากราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นโดยเฉพาะมาจากจักรพรรดิฉินและจักรพรรดิหลิวเชอ!

นี่ทำให้มูลค่าของพวกมันมีค่ามากยิ่งขึ้น!

บางที..มีอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวในโลกที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นข้อพิสูจน์ถึงการปรากฏตัวของจักรพรรดิทั้งสอง ค่าของมันไม่สามารถวัดด้วยเงิน

ดังนั้นจึงไม่มีใครคัดค้านข้อเสนอของอาจารย์ตงฟาง

เมื่อปัญหาในการหาคนรับรองวัตถุโบราณได้ เซี่ยหรงหรงก็ผ่อนคลาย เธอยิ้มในขณะที่ ซูฉิวไป่ เดินมาหาเธอ

“ตัวตนของคุณมันอะไรกันแน่ คุณมีอิทธิพลมากขนาดไหน?”

เมื่อมองเห็นชายชรากำลังเริ่มศึกษางานประดิษฐ์อักษรและงานศิลปะต่อไป  ลั่วชิง ที่ยืนถัดอยู่กับ  เซียหรงหรง อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

“ผมเป็นคนขับรถแท็กซี่!”

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็เห็น กู่เฉิงหยา เดินมายังทิศทางของเขา

เซียหรงหรง สังเกตเห็นเธอเช่นกันและชื่นชมในความงามของเธอ

“พี่ใหญ่ซูคนเหล่านี้เป็นเพื่อนของคุณอย่างนั้นหรอ”

คำถามนี้ทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกประหลาดใจ เขาคิดที่จะแนะนำคนเหล่านี้แต่ กู่เฉิงหยา พูดขึ้นมาก่อน

มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอพร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและยังมีร่องรอยแสดงความสนิทสนมในน้ำเสียงของเธอ!

ซูฉิวไป่ ได้แต่เหลือบมองมาที่หญิงสาว

เซียหรงหรง ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้แต่เนื่องจากประโยคที่ได้ยินทำให้ดวงตาของเธอเหล่ไปมองเขาอีกครั้ง

ไม่มีใครมีความรู้สึกไวเท่ากับผู้หญิง!

แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เซี่ยหรงหรงพบกับ กู่เฉิงหยา  แต่เธอก็รู้สึกถึงความเป็นศัตรูที่มีต่อตัวเธอทันที

แม้กระทั่ง   ลั่วชิง ยังรับรู้  จากฉากที่เธอเห็นในสำนักงานเจ้านายของเธอเมื่อคืนนี้เธอเห็นได้อย่างชัดเจนข้อความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายของเธอกับ ซูฉิวไป่ นั้นไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา ดังนั้นเมื่อได้ยินประโยคของ กู่เฉิงหยา ที่ดูเหมือนเป็นมิตรแต่ในความจริงเธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีความหมายที่แอบซ่อนเร้นอยู่

ลั่วชิงถามขึ้นว่า

“ คุณเป็นใครคะ?”

“ฉันชื่อว่า กู่เฉิงหยา  ฉันมาจากตระกูลกู่ แห่งเมืองตงไห่ ฉันขอทราบได้ไหมว่าคุณเป็นใคร..”

ในขณะที่พูด กู่เฉิงหยา ยื่นมือไปที่ เซียหรงหรง รอยยิ้มยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าของเธอ

“ เซียหรงหรง”

เซียหรงหรง ยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เธอพูดชื่อของเธอเบาๆ

แม้ว่า ซูฉิวไป่ จะโง่ ก็สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ของหญิงสาวได้ในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาหวนคิดถึงวันที่ กู่เฉิงหยา เชิญเขาเต้นรำในงานวันเกิดของเธอ

มัน…เกิดอะไรขึ้น!

ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงเข้าไปขัดจังหวะผู้หญิง 2 คนและตั้งใจพูดหลายคำก่อนจะออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับเซี่ยหรงหรง

“เธอเป็นคนไข้ที่ผมบอกคุณเมื่อครั้งก่อน คนที่ผมรักษาให้หาย”

เขาไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกกังวลมากขึ้นเมื่อพบว่าเซี่ยหรงหรงไม่พูดอะไรหลังจากที่ออกมาจากห้อง เขารีบอธิบายทันที

เซี่ยหรงหรงหันไปมองเขาอย่างรวดเร็วและเดินนำหน้าออกไป

“ผมพูดความจริงนะ”

ใบหน้าของ ซูฉิวไป่ ขมขื่นเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

จากนั้น เซียหรงหรง ก็ยิ้ม

“ฉันเชื่อคุณ..”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกอึดอัดใจและรู้สึกอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก  ซูฉิวไป่ ส่ง เซียหรงหรง ออกจากพิพิธภัณฑ์ พวกเขาคุยกันแล้วว่าพวกเขาจะส่งรถไปรับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ในตอนบ่าย จากนั้นพวกเขาจะพาคนเหล่านี้ไปดูโบราณวัตถุโดยเร็ว สุดท้ายแล้วงานแสดงสินค้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า

ในห้องประชุม  กู่เฉิงหยา  ยิ้มหลังจากเห็น ซูฉิวไป่ และ เซียหรงหรง ออกไป เมื่อคิดถึงตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอทำตัวตลก เธอถามตัวเองว่า

ความรู้สึกขมขื่นจางๆนี้เป็นเพราะความรักอย่างนั้นหรอ?

สำหรับ กู่เฉิงหยา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ซูฉิวไป่ นั้นน่าสนใจมาก ในอดีตเธอเคยได้ลองเกือบทุกอย่างแต่เธอไม่เคยลองมีความรัก

ตอนนี้ความเจ็บป่วยของเธอหายดีแล้วและเธออยากจะลองจริงๆ ความรักรู้สึกอย่างไร? เธอคิดเรื่องนี้อย่างเงียบๆเธอรู้ว่า ซูฉิวไป่ ก็เหมือนกับผู้ชายคนเดียวที่ทำให้เธอตื่นจากฝันร้าย บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เธอติดตามอาจารย์ตงฟางมาที่เมืองชิงเหอ

หลังจากที่ ซูฉิวไป่ กลับมาที่ห้องประชุม เธอรู้สึกว่าอารมณ์ของเธอกลับมาเป็นปกติเธอยังถาม ซูฉิวไป่ ด้วยว่าชอบ  เซียหรงหรงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ ซูฉิวไป่ สับสน จริงๆ!

อีกด้านหนึ่งของเมืองตงไห่ภายในห้องที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา  กู่เทียน ก็ได้รับโทรศัพท์จากคนเบื้องบน

หลังจากที่เขาวางสายเขาขมวดคิ้วและคิดอยู่สักครู่

หลังจากนั้นไม่กีนาที ก็มีคนกล้าเข้ามาในห้องและปิดประตู

“เกิดอะไรขึ้น” กู่เทียน ถามชายคนนั้น

“การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าก็ชัดเจนมาก รถ Audi ถูกขับโดย คุณซู…”

—————————————-