ตอนที่ 567 นานนานที

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 567

นานนานที

“งานปีนี้ก็งดงามเหมือนเคยเลยนะเจ้าคะท่านพี่”ชิวซุยที่กำลังเดินชมงานลอยโคมไฟร่วมกับหลินเฟยพูดด้วยท่ามีความสุขหลังจากพี่ชายยอมพาตนเองออกมาเที่ยวในวันงานเทศกาลเช่นนี้ทั้งๆที่ปกติหลินเฟยมักจะหาข้ออ้างต่างๆมาปลีกตัวไปเสมอและปล่อยให้นางมาเที่ยวงานกับแค่ท่านพ่อท่านแม่เป็นประจำเลย

“นั้นสิ มาเดินชมบนถนนแบบนี้ก็ไม่เลว”หลินเฟยตอบพลางพาชิวซุยเดินเที่ยวชมงานบนถนนติดริมแม่น้ำด้วยท่าทีสบายใจ ปกติมันต้องคิดแผนการทำให้หญิงสาวที่พามาประทับใจอยู่บ่อยๆ แต่มากับชิวซุยแบบนี้ก็ผ่อนคลายดี ตัวมันไม่ต้องคิดอะไรมากปล่อยให้ชิวซุยสนุกเต็มที่ก็พอแล้ว

ปกติเวลาพาสาวๆเที่ยวหลินเฟยจะจองเรือสำหรับนั่งดูโคมเอาไว้ ทำให้ไม่ค่อยได้เดินเล่นท่ามกลางฝูงชนแบบนี้เท่าไหร่ แถมท่าทางชิวซุยจะชอบอาหารแผงลอยที่ตั้งขายกันอยู่ตามข้างทางมากเสียด้วย อาจจะเพราะนางชอบทำอาหารก็เลยมักจะซื้อของกินมาลองชิมอยู่ตลอด ทำให้ที่ตัวชิวซุยนั้นมีของกินในงานถือเอาไว้เต็มอ้อมแขนเลยทีเดียว

“มีอะไรหรือเจ้าคะท่านพี่”เห็นหลินเฟยมองมาทางตนเองชิวซุยก็ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปมองทางหลินเฟยที่ยังมองไม่เลิก

“เจ้านี่จะโตเป็นสาวแล้ว อย่าหอบของกินเดินไปเดินมาแบบนั้นสิ”หลินเฟยยิ้มด้วยท่าทีเอ็นดูพลางแบ่งของกินจากชิวซุยมาถือเอาไว้บ้าง

“ก็ของพวกนี้หากินได้แต่ในงานนี่นา ถ้าไม่ได้กินละก็เสียดายแย่”ชิวซุยตอบพลางทำแก้มป่องด้วยท่าทีงอนๆ แต่เพราะบนแก้มของนางเปื้อนซอสอะไรบางอย่างอยู่เลยยิ่งทำให้หลินเฟยขำน้องสาวตนเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะช่วยเช็ดแก้มให้นางอย่างเอ็นดู

“เฟยเอ๋อ ซุยเอ๋อ รอแม่ด้วยสิ”ระหว่างกำลังช่วยเช็ดปากให้น้องสาวไป๋หลินที่ตามมาถึงพอดีก็เข้ามาหาทั้งสองด้วยท่าทางเอ็นดู เห็นพี่น้องเดินด้วยกันเช่นนี้นางก็รู้สึกสุขใจไม่น้อย

“แล้วท่านยายล่ะขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองไปรอบๆ วันนี้นอกจากหลินเฟย ชิวซุย ไป๋หลินแล้วยังมีท่านยายอย่างเหม่ยหลินตามมาด้วยอีกคน

“เอ๊ะ ท่านแม่หายไปไหนกัน”ไป๋หลินกะพริบตาปริบๆมองไปรอบๆด้วยท่าทีประหลาดใจ ก็ก่อนหน้านี้แม่ของนางยังตามมาอยู่เลยนี่นา

.

.

“แม่นาง แม่นางมาเที่ยวคนเดียวหรือ”ขณะกำลังเดินตามลูกสาวอยู่นั้น อยู่ๆที่ด้านหน้าของเหม่ยหลินก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้ ทำให้เหม่ยหลินเดินตามบุตรสาวไปไม่ทันเสียแล้ว

“เปล่าหรอก ข้าไม่ได้มาคนเดียว”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร ชายหนุ่มตรงหน้านางดูแล้วอายุคงมากกว่าพวกชิวซุยไม่เท่าไหร่ แต่ระดับพลังวิญญาณสูงใช้ได้แถมการแต่งตัวยังไม่ใช่คนธรรมดาท่าทางจะมีฐานะดีไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ

“งั้นหรือ แต่ถึงท่านจะไม่ได้มาคนเดียว แต่แม่นางสนใจจะไปเที่ยวชมงานกับข้าหรือไม่ ข้ากำลังจะไปร่วมงานบนเรือลำนั้นพอดี”ได้ยินที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดเหม่ยหลินก็เข้าใจจุดประสงค์ของชายหนุ่มทันที แต่เรือที่ชายคนนั้นชี้ไปนั้นกลับเป็นเรือที่มีตราราชวงศ์อู๋อยู่เสียด้วย หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของขุนนางสักคนของอาณาจักรอู๋กัน

“เรือลำนั้นเป็นของใครงั้นหรือเจ้าคะ”เหม่ยหลินถามพลางมองไปทางเรือที่กำลังจอดอยู่ริมแม่น้ำ

“แม่นางได้ฟังอาจจะตกใจก็เป็นได้ แต่เรือลำนั้นเป็นเรือของท่านอ๋องอู๋เทียนยี่ขอรับ”ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีมั่นใจมาก ท่าทางชายหนุ่มผู้นี้จะรู้จักกับเชื้อพระวงศ์จริงๆ เพราะเรือลำนั้นก็เป็นของอู๋เทียนยี่หลานชายของเหม่ยหลินจริงๆเสียด้วย

“งั้นหมายความว่าท่านอ๋องอู๋เทียนยี่ก็มาด้วยงั้นหรือเจ้าคะ”เหม่ยหลินถามด้วยท่าทีสนใจ นางเองก็ไม่ได้ไปเยี่ยมน้องสาวกับอู๋เทียนเหวินมาสักพักแล้วก็เลยไม่ได้พบเทียนยี่เลย

“แน่นอน ท่านอ๋องเป็นเจ้าของเรือหากท่านไม่มาจะมีใครกล้านำเรือออกมาได้ แม่นางหากท่านสนใจละก็ข้าสามารถพาท่านเข้างานไปพบท่านอ๋องได้นะ”ชายหนุ่มยิ้มพลางยื่นมือไปให้เหม่ยหลินเหมือนจะถามว่าจะยอมมากับตนหรือไม่

“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ข้าอยากจะพบท่านอ๋องอยู่พอดี”เหม่ยหลินเห็นท่าทีเช่นนั้นของชายหนุ่มก็อดหัวเราะในใจออกมาไม่ได้ แม้บอกว่าจะตามอีกฝ่ายไปแต่เหม่ยหลินก็ไม่ได้จับมือชายหนุ่มแต่อย่างไร

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีคนเข้ามาคุยกับเหม่ยหลินโดยไม่ทราบความเช่นนี้ แต่ก่อนเพราะนางเป็นมเหสีเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาทำเรื่องเช่นนี้เลย ท่าทางโลกจะผ่านมานานแล้วจริงๆเหม่ยหลินถึงสามารถมาเดินเล่นในงานฉลองโดยไม่มีคนจำหน้าได้เช่นนี้

“แม่นาง พอเข้าไปแล้วเจ้าต้องรักษามารยาทให้ดีเข้าใจหรือไม่ ต่อหน้าท่านอ๋องอย่าได้ทำกิริยาเสียมารยาทเด็ดขาด”ชายหนุ่มว่าพลางพาเหม่ยหลินเข้ามายืนตรงทางเข้าเรือ ท่าทางชายหนุ่มจะเกร็งมากหรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเทียนยี่เท่าไหร่

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำให้เจ้าเสียหน้าหรอก”เหม่ยหลินหัวเราะเบาๆออกมาพลางเดินขึ้นไปบนเรือด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยทำให้ชายหนุ่มโล่งใจไม่น้อย แม้ได้เจอสาวงามข้างทางจะนับว่าโชคดีไม่น้อยแต่หากสาวงามที่ว่าทำเรื่องไม่งามต่อหน้าท่านอ๋องตัวมันก็คงลำบากเช่นกัน

เมื่อขึ้นมาบนเรือ ภาพที่แสนจะคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเหม่ยหลินอีกครั้ง สภาพเรือที่กำลังจัดงานเลี้ยงของขุนนางนั้นเป็นช่างแสนชินตาจริงๆ แต่ดูเหมือนพ่อแม่ของเทียนยี่รวมทั้งเหม่ยฮวาน้องสาวของเหม่ยหลินและอู๋เทียนเหวินน้องเขยของนางจะไม่อยู่ที่นี่ ทำให้ในงานมีเพียงเทียนยี่คนเดียวเท่านั้น

“เทียนยี่”เหม่ยหลินเดินเข้าไปบนดาดฟ้าเรือก็พบอู๋เทียนยี่กำลังนั่งดื่มกินกับเหล่าสหายของมันทันที ทำให้นางเอ่ยปากเรียกหลายชายออกมาด้วยความเคยชิน แต่คำพูดของเหม่ยหลินนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มที่พานางมาถึงกับสะท้านวาบ อยู่ๆไปเรียกท่านอ๋องด้วยชื่อได้อย่างไร แบบนี้มีหวังท่านอ๋องได้โกรธตนเองแน่ๆ

“ท่านอ๋อง ขออภัยขอรับ…”ชายหนุ่มรีบเข้าไปขออภัยอู๋เทียนยี่ทันที แต่ท่านอ๋องกลับไม่พูดอะไรรีบลุกเดินเข้ามาหามันเสียอย่างนั้น

“ท่านยาย ท่านเองก็มาชมงานที่นี่ด้วยหรือขอรับ”เทียนยี่เห็นยายของตนมาเยี่ยมก็รีบเดินมาต้อนรับทันที ทำเอาชายหนุ่มที่พาเหม่ยหลินมาได้แต่มองตาค้าง

“ยายพาชิวซุยมาเที่ยวจ่ะ พอดีได้พ่อหนุ่มคนนี้บอกว่าหลานอยู่ที่นี่ยายก็เลยแวะมาเยี่ยม”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มหวานด้วยท่าทีเอ็นดู

“น้องชิวซุยก็มาหรือขอรับ ให้นางมานั่งเรือกับข้าก็ได้นะขอรับ”เทียนยี่เสนอพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทียินดี เพราะกว่าไป๋หลินกับชิงชิวจะแต่งงานกันได้ก็ใช้เวลานานทำให้หลายของเหม่ยฮวาอย่างเทียนยี่นั้นมีอายุมากกว่าชิวซุยที่อยู่รุ่นหลานเหมือนกันไปมาก ทำให้เทียนยี่เองก็เป็นดูชิวซุยไม่ต่างจากหลานสาวเลย

“ไม่ต้องหรอก ยายแค่แวะมาเพราะคิดถึงเจ้าเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็กลับแล้ว”เหม่ยหลินตอบพลางจับมือของเทียนยี่เอาไว้ด้วยท่าทีเอ็นดู ภาพยายหลานได้พบกันเช่นนี้ก็เป็นภาพที่อบอุ่นดี หากไม่ใช่ว่ายายท่านนี้กลับมีหน้าตาเหมือนสาวๆวัยรุ่นไม่มีผิด แถมยังงดงามชนิดว่าทำเอาสาวๆบนเรือแทบจะหาอะไรมาบดบังใบหน้าตนเอง

“งั้นหรือขอรับท่านยาย เช่นนั้นเชิญท่านยายเที่ยวชมงานให้สนุกนะขอรับ”เทียนยี่ว่าพลางยิ้มรับด้วยท่าทีดีใจ งานฉลองสุราของคนรุ่นหลานเช่นนี้ขืนให้เหม่ยหลินอยู่ต่อจริงๆมีหวังคนอื่นๆเกร็งจนไม่กล้าฉลองต่อแน่ๆ

“อะ เอ่อ….ข้าน้อยจะไปส่งนะขอรับ”ชายหนุ่มที่พาเหม่ยหลินมานั้นทำหน้างุนงงเป็นไก่ตาแตก แต่เพราะได้ยินว่าเหม่ยหลินจะกลับแล้วก็รีบอาสาไปส่งทันทีเพราะตนเป็นคนพาเหม่ยหลินมา แต่เมื่อครู่นี้มันอะไรกัน ทำไมท่านอ๋องถึงเรียกหญิงสาวผู้นี้ว่ายายกัน จริงสินางคงเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณสินะ…

“ท่านแม่ ท่านแม่ไปไหนมาเจ้าคะ”ลงมาจากเรือยังไม่ทันล่ำลากันอยู่ๆหญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาหาเหม่ยหลินทันที แถมนางยังเรียกเหม่ยหลินว่าแม่อีกต่างหาก หรือว่านางจะมีลูกแล้ว…

“ท่านยาย ข้าซื้อของกินมาฝากท่านด้วย”ชิวซุยที่เดินตามมาพูดพลางนำของกินที่หอบมายื่นให้เหม่ยหลินด้วยท่าทีร่าเริง

“ขอบใจจ่ะ”เหม่ยหลินตอบพลางรับของกินมาจากหลานสาวด้วยท่าทีมีความสุข

“อะ เอ่อ……”ชายหนุ่มที่มาจีบเหม่ยหลินมองภาพตรงหน้าตาค้าง ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเรียกนางว่ายายก็หน้าแตกพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีคนมาเรียกนางว่าท่านแม่และท่านยายอีก แถมหน้าตาของพวกนางยังเหมือนกันมากอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำเอาชายหนุ่มที่ตั้งใจจะจีบเหม่ยหลินรีบก้าวถอยหลังไปทันที

“ขะ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”ชายหนุ่มว่าพลางวิ่งหนีหายเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว ทำให้เหม่ยหลินที่มองมันอยู่แอบหัวเราะออกมาน้อยๆ

“มีอะไรหรือเจ้าคะท่านแม่”ไป๋หลินถามพลางมองมารดาตนเองที่กำลังหัวเราะอย่างประหลาดใจ

“เปล่าจ่ะ…แล้วหลินเฟยละหายไปไหน”เหม่ยหลินหัวเราะจนพอใจก็หันกลับมาหาไป๋หลิน แต่ที่ด้านหลังของนางกลับมีแต่ชิวซุยเท่านั้นไม่มีวี่แววของหลินเฟยเลย

“เอ๊ะ ลูกคนนี้แอบออกไปตอนไหนกัน”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทีเหนื่อยใจ เมื่อครู่ยังตามมาอยู่เลยแท้ๆ

.

.

“เฮ้อ ไม่นึกว่าจะบังเอิญแบบนี้”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางลอบมองออกมาจากเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ริมน้ำ ที่นอกหน้าต่างของเรือนั้นปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในสาวๆที่หลินเฟยคบหาอยู่ ไม่ใช่ว่ามันบอกนางไปแล้วงั้นหรือว่าจะไม่มางานลอยโคม ทำไมนางยังมาคนเดียวอีก แบบนี้หากเจอนางระหว่างอยู่กับท่านแม่ท่านยายมีหวังเรื่องที่มันเจ้าชู้ไปทั่วได้รู้ถึงหูพวกท่านแน่ๆ