หากมิใช่ได้มาพบเห็นด้วยตาของตัวเองละก็ ตี้อู่เฉินจะไม่ยอมเชื่อเลยว่าประชาชนชั้นต่ำที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้จะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้!
เฉินเจินหายสาบสูญ เฉินฉู่ก็บาดเจ็บสาหัส ทำให้ตี้อู่เฉินหวาดกลัว เพราะเกรงว่าตนเองจะไปล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนเข้า ในตอนนี้ไม่มีองครักษ์ทั้งสองคน อีกทั้งวรยุทธ์ของตี้อู่เฉินมีเพียงแค่หางอึ่งเท่านี้ ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ซย่าโหวฉิงเทียน
สิ่งเดียวที่เขาทำได้นั่นก็คือ ยอมเผยความอ่อนแอออกมา
ด้วยล่วงรู้ว่าตั้งนานแล้วว่าซย่าโหวฉิงเทียนอารมณ์มิค่อยจะสู้ดี ซึ่งเดิมทีตี้อู่เฉินยังคิดว่าข้อมูลที่ได้มานั้นมีเนื้อหาเกินกว่าความจริง ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นมนุษย์ที่ไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ หมาบ้าก็ไม่ปาน!
“คำว่าไร้มารยาทเพียงประโยคเดียวก็สิ้นเรื่องอย่างนั้นหรือ”
เฉินฉู่คือปรมาจารย์ อาณาจักรเสวี่ยมีชาวเมืองที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ซย่าโหวฉิงเทียนมั่นใจยิ่งนักว่า ราชครูคนนี้กับผู้ติดตามของเขามีความน่าสงสัยเป็นที่สุด
“หากว่าหลังจากที่กระทำความผิดแล้ว เอ่ยขออภัยเพียงครั้งเดียวก็สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ละก็ เช่นนั้นข้าก็สามารถฆ่าพวกท่าน หลังจากนั้นค่อยเผากระดาษาเงินกระดาษทองไปให้ แล้วเอ่ยขอโทษพวกท่าน ขออภัยที่ข้าฆ่าผิดคนไป ท่านราชครู่ ท่านว่าเป็นอย่างไร”
“ท่านอ๋อง วาจาตลกขบขันของท่าน ข้าฟังดูไม่รู้สึกขบขันเลยสักนิด”
ตี้อู่เฉินสีหน้าเข้ม แล้วก็รีบห้ามเลือดให้กับเฉินฉู่อย่างรวดเร็วทั้งยังช่วยทำแผลที่มือขวาให้เขาอีกด้วย
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น!”
เมื่อรู้สึกว่าอูลู่ลู่จวนเจียนจะขาดใจ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้โคจรพลังกลับมา
“พวกเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ที่นี่คือแผ่นดินต้าโจว! อย่าได้คิดว่าอาณาจักรเสวี่ยของพวกเจ้าที่ตั้งอยู่ไกลแสนไกล มีจอมเทวาและปรมาจารย์เพิ่มขึ้นแล้วจะสามารถยโสโอหังใช้อำนาจบาตรใหญ่กับใครก็ได้! หากพวกเจ้ามาหาเรื่องทำให้ข้าไม่พอใจละก็ ข้าจะขยี้พวกเจ้าเสีย!”
คำพูดที่ดุดันเด็ดขาดซย่าโหวฉิงเทียนที่เปล่งออกมานี้ ทำให้ขุนนางน้อยใหญ่ที่ได้ยินต่างพากันภาคภูมิใจ!
มีอ๋องที่ดุดันเด็ดขาดเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เดี๋ยวก่อน…เจ้าคนเมื่อครู่เป็นถึงปรมาจารย์!
ทันใดนั้นก็คือคนเป็นลมล้มพับไป
เป็นไปไม่ได้ หลินเจียงอ๋องเป็นเพียงจอมเทวามิใช่หรือ
แต่ใช้เพียงมือเปล่าเพียงมือเดียวก็สามารถจัดการปรมาจารย์ได้! เข้าใจผิดหรือเปล่า! จะเก่งกาจเกินไปแล้ว!
ขุนนางน้อยใหญ่ได้ยินเช่นนั้นก็เลือดลมปั่นป่วนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาทุกคู่เพ่งมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนเขม็งราวกับรักแรกพบก็ไม่ปาน
ใต้เท้าฉิงเทียน ข้าน้อยขอคารวะท่าน!
เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว ซย่าโหวจวินอวี่ก็ภาคภูมิใจยิ่งนัก
หากมิใช่ตระหนักถึงมิอาจแพร่งพรายฐานะซย่าโหวฉิงเทียนออกไปได้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็แทบอยากที่จะตีฆ้องร้องป่าวประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันไปเสียเลย
ว่านี่คือลูกชายของข้า!
ลูกชายแท้ๆ ของข้า!
แท้ที่จริงแล้วฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นซย่าโหวฉิงเทียนยืนอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงมีท่าทีเรียบเฉยกับคำกล่าวของอูลู่ลู่เมื่อครู่ ตัวเขาอายุอานามมากกว่าอูลูลานับสิบปี ดังนั้นจึงมิต้องการให้เกิดคำครหาว่า ‘ผู้ใหญ่รังแกเด็ก’ แพร่สะพัดออกไป
หลังจากที่กลับมาถึงต้าโจว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังมีได้ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ
ดังนั้นในเวลาเช่นนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะให้ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นผู้สั่งสอนอูลู่ลู่ ข่มขวัญอาณาจักรเสวี่ย สร้างถาพลักษณ์ที่ดีในใจของขุนนางน้อยใหญ่
จะได้ไม่มีพวกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ มีตาหามีแววไม่ยื่นฎีกาเรียกร้องให้เข้าแต่งตั้งรัชทายาทโผล่ขึ้นมาอีก
เฮอะ!
บัลลังก์ฮ่องเต้ของข้าเป็นซย่าโหวฉิงเทียนต่างหาก!
ส่วนคนอื่น เลิกคิดไปได้เลย!
นอกเสียจากว่าพวกที่คิดว่าเองคือคู่ต่อสู้ซย่าโหวฉิงเทียน
เมื่อเห็นท่าที่เคารพนับถือและนอบน้อมต่อซย่าโหวฉิงเทียนของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่นั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก มือก็ลูบเคราของตนเองไปด้วย
ถึงแม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะใช้ความวิธีที่รุนแรงสยบความรุนแรง ซึ่งออกจะคละคลุ้งกลิ่นคาวเลือดไปบ้าง แต่ก็เป็นวิธีการรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
“ทำได้ยอดเยี่ยม!”
ตี้อู่เฉินไม่เคยสะบักสะบอมเท่าวันนี้มาก่อน
ถึงแม้ชาวตันขวาอยู่บนแผ่นดินอู๋โยวจะเทียบอะไรกับเผ่าตานเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ได้เลย แต่สมาชิกในตระกูลทั้งแปดก็ไม่มีคนไหน ที่พบเห็นผู้อาวุโสชาวตันขวาแล้วไม่เคารพยำเกรง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขางัดกับไม้ซุงเข้าให้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนปรนแม้แต่น้อย น่ารังเกียจที่สุด!
“วรยุทธ์สู้ข้าไม่ได้ ก็ขอให้เก็บความแค้นของเจ้าเอาไว้แต่เพียงในใจ”
ราวกับมองทะลุถึงหัวใจของตี้อู่เฉิน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงตอบกลับไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นจึงหัน
คารวะซย่าโหวจวินอวี่!
“หลัวซ่าละ”
ไม่เห็นหน้าอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวจวินอวี่ก็ร้อนใจขึ้นมา
หนุ่มสาวสองคนนี้คงจะไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งผิดใจกันใช่ไหม เหตุใดซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้กลับมาคนเดียว!
“นางไปที่หอคืนชีพแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นก็ดี!”
เมื่อได้ยินว่าอวี้หลัวซ่ากลับมาแล้ว ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือขุนนางน้อยใหญ่ต่างก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก
ต่อให้ก่อนหน้านี้ สิ่งที่อูลู่ลู่เอ่ยมาจะน่าหวาดกลัวเพียงใด ขอเพียงมีอวี้หลัวซ่าอยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
มองดูท่าทีของชาวต้าโจวที่แสดงออกมา ตี้อู่เฉินก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ
พวกเจ้านี่ช่างอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน!
เจ้าพวกคนโง่!
โรคห่าที่ข้าตั้งใจสร้างขึ้น ไหนเลยจะยอมให้พวกเจ้าแก้ไขได้อย่างง่ายดายปานนั้นกันเล่า!
เผ่าตานสามารถเป็นหนึ่งในตระกูลและชนเผ่าทั้งแปดได้ มิใช่มีเพียงชื่อเท่านั้น!
รู้วิชาแพทย์เพียงแค่หางอึ่ง ถูกคนยกยอเข้าหน่อยก็จองหองลำพองใจ ว่าตนเองเป็นหนึ่งในแผ่นดิน เท่ากับโง่เขลาอ่อนต่อโลกอย่างที่สุด!
อย่างไรเสียบนแผ่นดินหลัวอวี่มีพวกคนชั้นต่ำอยู่มาก ชีวิตของพวกมันจึงไร้ค่า ใช้คนพวกนี้มาเป็นตัวทดลอง ย่อมเหมาะสมที่สุด!
และเขาก็สามารถใช้โอกาสนี้ทดสอบอวี้หลัวซ่าไปด้วยในตัว
ทว่าเมื่อนึกถึงบุคคลที่ตนเองจับมาได้ผู้นั้นแล้ว แววตาของตี้อู่เฉินก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาในทันที
หรือว่า…อวี้หลัวซ่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชาวตันซ้าย
เหตุใดนายน้อยแห่งตันซ้ายจะต้องใช้ฐานะสหายสนิทของอวี้หลัวซ่าไปปรากฏตัวที่ขอคืนชีพด้วย