เพียงแค่คุกเข่าลงเท่านั้น มันยังไม่บรรลุถึงจุดประสงค์ซย่าโหวฉิงเทียน
เขาตั้งใจที่จะทดสอบราชครูที่ยืนอยู่ข้างกายอูลู่ลู่เสียหน้อยว่าวิเศษวิโสมาจากไหนกัน ดังนั้นจึงใช้พลังวิเศษกดดันอูลู่ลู่มากขึ้นอีก
“ปล่อย…ปล่อยขะ…ข้า”
อูลู่ลู่ที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีขาวทั้งชุดทรุดลงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นราวกับสุนัขก็ไม่ปาน จนถึงตอนนี้นางยังไม่รู้ว่า ตนเองได้ไปล่วงเกินใครเข้า เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ลงมือกับนางรุนแรงถึงเพียงนี้!
ตี้อู่เฉินเองก็นึกไม่ถึงว่าผู้ที่มาใหม่จะไร้มารยาทเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าอูลู่ลู่ร่างกายสั่นเทา คุกเข่ากองอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ ไม่มีมาดแห่งความเป็นองค์หญิงหลงเหลืออยู่เลยสักนิด เขาจึงจำเป็นต้องเอ่ยปาก
“ท่านนี้คือ…”
ตี้อู่เฉินมองสำรวจซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถคาดเดาฐานะของเขาออกในทันที
สวมใส่ชุดสีม่วงอ่อนลวดลายดอกหยวนเหว่ยที่กำลังผลิบานแสนงดงาม ที่ตรงหว่างคิ้วมีจุดสีแดงราวกับโลหิต หน้าตาหล่อเหลากับท่าทางสง่างาม สูงส่งและเย่อหยิ่ง เขาก็คือซย่าโหวฉิงเทียนที่เขากำลังตามหาอยู่มิใช่หรือ!
ตี้อู่เฉินสีหน้ามั่นใจ
ในที่สุดก็ตามหาเป้าหมายจนเจอ!
นับตั้งแต่ที่เฉินเจินแยกตัวไปในวันนั้นกระทั่งถึงวันนี้ หกวันแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกลับมา
ตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนยังปลอดภัยสบายดี ถือเป็นการบอกเป็นนัยว่าเฉินเจินคงจะพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าเสียแล้ว
แต่ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเพียงจอมเทวา ส่วนเฉินเจิ้นแม้จะถูกกฎแห่งฟ้าดินควบคุมไว้แต่ก็ยังเป็นถึงปรมาจารย์เชียวนะ! หรือว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรปิดบังไว้ เขาเป็นถึงปรมาจารย์แล้วเช่นกัน
ต่อให้เป็นเช่นนั้น ตี้อู่เฉินก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะมาสามารถสังหารชาวอู๋โยวได้
สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจในตอนนี้นั่นก็คือ ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการตายของตี้อู่หงเยี่ย
กลิ่นหอมดอกราตรีของตี้อู่หงเยี่ยรุนแรงยิ่งนัก แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับสะอาดสะอ้านปลอดโปร่ง ไร้กลิ่นหอมใดติดกาย
เมื่อตัดซย่าโหวฉิงเทียนออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ตี้อู่เฉินจึงลุกยืนขึ้น
“หลินเจียงอ๋อง ท่านกระทำเช่นนี้กับองค์หญิงของเรา หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าไม่ชอบขี้หน้านาง…”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบเสียงเรียบพร้อมกับชายตามองตี้อู่เฉินและชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาที่กำลังสวมหน้ากากกับผมปลอมสีขาวโพลนปิดบังใบหน้าของเขาเอาไว้
“ท่าน!”
ที่เมืองอู๋โยว ตี้อู่เฉินพบเจอผู้ที่บ้าบิ่นอวดดีมามาก โดยเฉพาะลูกหลานของตระกูลระดับต้นๆ ในบรรดาตระกูลทั้งแปด ที่มักจะมีท่าทีอวดเก่งเย่อหยิ่ง ข้าแน่ เหล่านั้น
แต่พวกเขาต่างก็มีตระกูลที่ยิ่งใหญ่หนุนหลัง แล้วซย่าโหวฉิงเทียนเป็นตัวอะไร
อ๋องตัวเล็กๆ บนแผ่นดินหลัวอวี่เท่านั้น กลับเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ น่าโมโหยิ่งนัก!
เห็นที จะต้องสั่งสอนเขาให้ได้รับบทเรียนบ้างเสียแล้ว
เฮอะ!
ตี้อู่เฉินมีเจตนาจะสั่งสอนซย่าโหวฉิงเทียนรวมทั้งทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ด้วย ดังนั้น ‘เฮอะ’ คำหนึ่งของเขาเป็นสัญญาที่บอกให้เฉินฉู่ลงมือ
วูบ…
เฉินฉู่เดินเข้าไปหาซย่าโหวฉิงเทียน แล้วปล่อยหมัดออกไป
เพราะเขาเองก็ไม่ถูกชะตากับซย่าโหวฉิงเทียนสักเท่าไหร่นัก จองหองอวดดีๆ นัก คิดว่าผู้อื่นเป็นตัวประกอบไปแล้วหรืออย่างไรกัน!
เฉินฉู่มั่นอกมั่นใจในลูกหมัดของตนเองมาก เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีปล่อยหมัดออกไป
มุมปากของเฉินฉู่หยักยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่กำลังสมเพช ราวกับสามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ว่าจุดจบซย่าโหวฉิงเทียนนั้นจะอเนจอนาถเพียงใด
เฉินเจินไม่ได้กลับมา ทำให้เฉินฉู่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
เดิมทีพวกเขามีความมั่นใจหนักหนาเมื่อเดินทางมายังแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้ เพราะคิดว่าตนเองมาที่นี่มีวรยุธ์เหนือกว่าใคร นึกไม่ถึงว่าเฉินเจินไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีกเลย
จะต้องเป็นคนผู้นี้แน่ที่สังหารเฉินเจิน เขาจะต้องแก้แค้นให้กับเฉินเจิน
ภาพที่เฉินฉู่จินตนาการเอาไว้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องกระดูกกระเดี้ยวหัก กระอักเลือดแล้วนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นไม่เกิดขึ้น หมัดของเขาถูกซย่าโหวฉิงเทียนกุมเอาไว้ด้วยมือเดียวด้วยท่าทีสบายๆ
“รนหาที่ตาย!”
เขาไม่สนว่าหมอนี่จะเป็นใคร เป็นตัวแทนของใคร แต่ที่นี่คือต้าโจว!
ไม่ว่าเบื้องหลังของเขาจะมีใครคอยสนับสนุนอยู่ก็ตาม แต่หากว่าเขาต้องการที่ฉีกหน้าต้าโจวบนแผ่นดินของต้าโจวละก็ เท่ากับรนหาที่ตาย!
ทุกคนได้ยินเพียงเสียงร้องครวญครางที่ดังลั่นสนั่นไปทั่ว คนที่เมื่อครู่พุ่งเข้าไปโจมตีหลินเจียงอ๋องบัดนี้กุมมือขวาที่หักนอนร้องครวญครางกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ
มือข้างขวาของเขา กล่าวให้ถูกต้องก็คือ เขาถูกหักกระดูกมือขวาสดๆ บัดนี้หมัดเมื่อครู่กลายเป็นเนื้อก้อนบดชุ่มเลือดที่ถูกบดจนแหลกเหลว!
แม่เจ้า ชายผู้นี้โหดเ**้ยมยิ่งนัก!
ในใจของทุกคนกำลังหวาดกลัวอย่างหนัก ราวกับว่าหลังจากที่กลับมาจากเขตปกครองปรมาจารย์ ความโหดเ**้ยมซย่าโหวฉิงเทียนก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว
สามารถบดมือของปรมาจารย์จนแหลกเหลวด้วยเดียวโดยที่ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย มือข้างนั้นซย่าโหวฉิงเทียนทำจากอะไรกันแน่
ขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็คิดได้เพียงว่าซย่าโหวฉิงเทียนน่าหวาดกลัว โดยที่พวกเขามิได้ล่วงรู้ระดับขั้นของเฉินเจิน จึงไม่รู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนน่ากลัวเพียงไหน
แต่ตี้อู่เฉินกลับรู้ดี ดังนั้นเขาจึงเกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที
เฉินฉู่คือจอมราชาอาวุโส ถึงแม้จะถูกกฎฟ้าดินจำกัดเอาไว้เพียงแค่ปรมาจารย์ แต่พลังเพียงหมัดเดียวของเขาก็สามารถทำให้จอมเทวาบาดเจ็บได้เลยทีเดียว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนแทบไม่ได้ขยับเขยื้อน ทว่าตรงกันข้ามกลับเป็นฝ่ายทำร้ายเฉินฉู่จนบาดเจ็บ
เห็นทีซย่าโหวฉิงเทียนแห่งต้าโจวกำลังปกปิดระดับขั้นของวรยุทธ์ที่แท้จริงของตนเองอยู่ เขาจะต้องเป็นปรมาจารย์…หรือบางทีอาจจะเหนือกว่าปรมาจารย์
ในตอนท้ายเป็นเพียงแค่อาจจะ ตี้อู่เฉินจึงเพียงแต่ครุ่นคิด แล้วก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
บนแผ่นดินหลัวอวี่ที่เป็นที่อาศัยของประชาชนผู้ต่ำต้อยแห่งนี้ จะบังเกิดนักรบผู้มีลำดับขึ้นสูงกว่าปรมาจารย์ได้อย่างไรกัน
กฎแห่งฟ้าดินใช้สำหรับมนุษย์ทุกคน เขาก็หาใช่เทพเซียนแต่อย่างใดไม่ จึงไม่น่าจะสามารถทลายกฎแห่งฟ้าดินลงได้!
เหลือบสายตามองไปที่มือกุดเละแหลกลาญของเฉินฉู่เพียงแวบเดียว ก็ทำให้ตี้อู่เฉินท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมา
นี่เป็นวิธีการที่สยดสยองเ**้ยมโหดยิ่งนัก และเขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก
“ท่านราชครู คนของท่านลงไม้ลงมือกับข้า ท่านจะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรือ”
เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฉินเตรียมที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้เฉินฉู่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยวาจานี้ขึ้น ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากทันที
“ทางเราเสียมารยาทเอง!”