ขณะนั้นสุ่ยเชียนโหรวหัวเราะเย็นชาออกมาอีก “หึ ดูเหมือนพละกำลังของนายก็เหมือนกับสวะพวกนั้น ก็แค่เท่านั้น ในเมื่อปลดไม่ได้ ก็ไม่ต้องมายืนขวางหูขวางตาฉัน”

ลู่ฝานเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงไร้เหตุผลขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถ้าเปลี่ยนเป็นศิษย์พี่หานเฟิงเป็นคนมา เขาต้องซ้ำเติมเธอโดยการเปลื้องผ้าเธอแล้วปล่อยไว้ตรงนี้แน่นอน

ทำไมเขาถึงรู้ความคิดของศิษย์พี่หานเฟิงน่ะเหรอ ก็เพราะตอนนี้เขาอยากทำแบบนี้น่ะสิ

ลู่ฝานมองผู้หญิงใบหน้าเย็นชาคนนี้ ผู้หญิงปากคอเราะรายแบบนี้ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงรอดมาจนโตขนาดนี้

สุ่ยเชียนโหรวเห็นลู่ฝานยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีจะไป อีกทั้งยังจ้องหน้าตัวเองด้วย เธออดหงุดหงิดไม่ได้

“มองอะไร สวะยังไม่รีบไสหัวไปอีก อย่าคิดว่านายฆ่าสี่คนนั้นด้วยกระบี่เดียวแล้วจะเก่งมาก ฉันจะบอกให้นะ ยอดฝีมือที่ฉันรู้จัก เยอะกว่าคนที่นายเคยเจอด้วยซ้ำ ถ้านายคิดว่าฉันจะมองนายสูงส่ง นายคิดผิดแล้วล่ะ”

ลู่ฝานได้ยินที่สุ่ยเชียนโหรวพูด จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา

เขายังไม่ทันพูดอะไร สุ่ยเชียนโหรวก็พูดออกมาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าร้อนตัว

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่เคยพูดว่าจะให้เธอมองผมสูงส่ง คุณหนูสุ่ยเชียนโหรว ได้ยินว่าเธอมาจากตระกูลสุ่ย”

สุ่ยเชียนโหรวมองลู่ฝานอย่างประเมิน “ทำไม นายอยากเข้าตระกูลสุ่ยเหรอ ถ้านายหาวิธีหรือหาคนปลดผนึกบ้าบอนี่ได้ ฉันจะพิจารณาให้นายเป็นองครักษ์ของฉัน สาวใช้ที่ฉันพาออกมาสองคน ตายไปหมดแล้ว นายพอมีโอกาส”

สุ่ยเชียนโหรวมองลู่ฝานด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง แม้โดนผนึกอยู่ เธอก็ยังดูสูงส่ง มองทุกอย่างด้วยความเย่อหยิ่ง

ลู่ฝานถามเจดีย์เสวียนเก้ามังกรในใจ “ไอ้เก้า ทำลายผนึกบนตัวเธอได้ไหม”

เสียงเจดีย์เสวียนเก้ามังกรดังขึ้น “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ทำลายได้ แต่ลำบากหน่อย สิ่งที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เป็นค่ายผนึกที่ใช้เขตวิถีเป็นพื้นฐาน แม้โจมตีออกมาเล่นๆ ก็มีพลานุภาพของเขตวิถี ฉันทำได้แค่ใช้พละกำลังทำลาย อาจทำให้เธอบาดเจ็บได้”

“บาดเจ็บขนาดไหน”

“สาหัส! อาจบาดเจ็บถึงตันเถียน”

ลู่ฝานพูดในใจว่า “อืม ทำลายได้ก็ดี เดี๋ยวฉันให้แกทำลายแกก็ทำลาย”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหัวเราะแล้วพูดว่า “เอาตามที่เจ้านายต้องการเลยเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่”

สุ่ยเชียนโหรวเห็นลู่ฝานยังยืนเงียบอยู่ตรงนั้น คิดว่าตัวเองพูดแทงใจลู่ฝาน จึงพูดต่อ “ตระกูลสุ่ยของฉันเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ของประเทศอู่อาน ได้เป็นองครักษ์ของตระกูลสุ่ย เป็นวาสนาที่คนตั้งเท่าไรจะฝันยังไม่ได้เลย อย่าบอกนะว่านายยังต้องการอะไรอีก”

ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “คุณหนูสุ่ย เธอคิดมากเกินไปแล้ว ผมแค่ดูผนึกของเธอ รู้สึกว่ามั่นใจนิดหน่อยเท่านั้น”

เมื่อสุ่ยเชียนโหรวได้ยินคำพูดของลู่ฝาน แววตาของเธอวูบไหว

“ดีมาก รีบปลดผนึกให้ฉันสิ!”

ขณะนั้นลู่ฝานยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อนคุณหนู เธอตอบคำถามผมมาก่อน เมื่อกี้คุณด่าผมเยอะขนาดนั้น ทำไมผมต้องช่วยปลดผนึกให้เธอล่ะ”

สุ่ยเชียนโหรวได้ยิน จึงกัดฟันพูดว่า “เพราะฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลสุ่ย เพราะฉันคือสุ่ยเชียนโหรว ถ้านายอยากใช้ชีวิตต่อในประเทศอู่อาน ทางที่ดีรีบปลดผนึกให้ฉันตอนนี้เลย”

ลู่ฝานลูบจมูกตัวเองแล้วพูดว่า “เธอกำลังขู่ผมเหรอ”

สุ่ยเชียนโหรวเชิดหน้าพูดว่า “ใช่ ฉันกำลังขู่นาย”

จู่ๆ ลู่ฝานฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เธอรู้ไหม นิสัยคนอย่างผม ทุกคนที่ขู่ผม ผมจะกำจัดทิ้งก่อน ต้องแน่ใจว่าตายอย่างแน่นอน เพื่อที่จะไม่สามารถขู่ผมได้อีก ผมถึงจะวางใจ”