รอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปากสุ่ยเชียนโหรว เธอมองลู่ฝานอย่างดูหมิ่นแล้วพูดว่า “นายจะฆ่าฉันเหรอ สวะโง่เขลา ถ้าลูกหลานตระกูลสุ่ยฆ่าง่ายขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ตระกูลสุ่ยแล้ว การที่ฉันพูดกับนายแบบนี้ เพราะตั้งแต่ฉันเกิด ก็มีอักษรยันต์ของอริยปราชญ์สลักไว้บนตัว แค่มีคนคุกคามชีวิตฉัน อักษรยันต์พวกนี้จะโจมตี ระเบิดเขาจนกลายเป็นผุยผง ถ้านายอยากลองรสชาติของการเป็นผุยผง ก็ลองฆ่าฉันได้ ฉันถือโอกาสบอกนายละกัน แค่นายกล้าแตะต้องฉัน ทั้งประเทศอู่อานจะไม่มีที่ให้นายอยู่อย่างสงบอีก”

สุ่ยเชียนโหรวหัวเราะอย่างดูหมิ่น เธอรอสีหน้าหวาดกลัวของลู่ฝาน จากนั้นก็ช่วยเธอปลดผนึก สุดท้ายก็คุกเข่า ก้มลงจูบรองเท้าเธอ อ้อนวอนขอให้อภัยให้

พวกกระจอกควรแหงนมองเธอเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต สุ่ยเชียนโหรวผ่านมาแบบนี้ตลอด

แต่ต่อมาสิ่งที่ลู่ฝานแสดงออก กลับเหลือความคาดหมายของเธอ ลู่ฝานเอามือกอดอกพูดว่า “หืม งั้นเหรอ เก่งขนาดนั้นเลย งั้นอักษรยันต์พวกนี้ขวางไม่ให้ผมถอดเสื้อผ้าเธอได้ไหม”

เพียงประโยคเดียว สีหน้าสุ่ยเชียนโหรวเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้คนที่มีสีหน้าหวาดกลัวกลับเป็นเธอ

ลู่ฝานพูดต่อ “ถ้าตอนนี้ผมเปลื้องผ้าเธอจนหมด ให้คนทั้งเมืองมาชม อักษรยันต์บนตัวเธอจะระเบิดผมจนเป็นผุยผงได้ไหม ผมอยากรู้จริงๆ”

สุ่ยเชียนโหรวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “นายไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก”

ลู่ฝานเดินเข้ามา แววตาเย็นชา ออร่าอาฆาตอันน่ากลัวปกคลุมทั้งตัวสุ่ยเชียนโหรว

สุ่ยเชียนโหรวรู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้าทันที เหมือนความหนาวเข้าไปในกระดูก ทำให้เธอสั่นแบบไม่รู้ตัว

ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “เธอลองพูดว่าสวะอีกทีสิ ดูสิว่าผมจะกล้าทำแบบนั้นหรือเปล่า”

สุ่ยเชียนโหรวกัดฟันกรอด ความกลัวผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่สามารถควบคุมได้

ใบหน้าลู่ฝานอยู่ใกล้ตรงหน้า แววตาที่ไม่มีความหวาดกลัว ทำให้เธอตกใจจริงๆ

ลมพัดแขนเสื้อลู่ฝาน ผมของสุ่ยเชียนโหรวปลิวไปมา

รออยู่นาน สุ่ยเชียนโหรวไม่พูดอะไรสักคำ

ลู่ฝานถอยกลับไป ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนอักษรยันต์บนตัวเธอไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง คุณหนูสุ่ย ผมจะบอกเธอให้นะ จะทำลายใครสักคน ไม่ได้มีแค่วิธีฆ่าเท่านั้น อย่างเช่นผมให้คนทั้งเมืองมาชมเรือนร่างของเธอ จากนั้นหาผู้ฝึกชี่สักคน เอาร่างกายของเธอใส่ไว้ในกระจกจำภาพ แล้วเอาออกไปขาย ผมเชื่อว่าต้องขายได้ไม่เลว เพราะชื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลสุ่ยอย่างสุ่ยเชียนโหรว ต้องมีค่าไม่น้อย เธอคิดว่าถ้าวันหนึ่ง พวกผู้อาวุโสตระกูลสุ่ยเห็นภาพนั้น จะขังเธอไว้ในบ้านตลอดชีวิต หรือตบเธอจนตาย เพื่อไม่ให้เธอออกมาทำให้อับอายขายหน้าล่ะ”

คำพูดแต่ละประโยคของลู่ฝาน เหมือนมีดแทงลงบนใจสุ่ยเชียนโหรว

ใบหน้าซีดเผือด แววตาวูบไหว ตอนนี้สุ่ยเชียนโหรวกลัวจริงๆ แล้ว

เธอไม่สามารถทำเป็นเย่อหยิ่งต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ฝาน ตอนนี้ลู่ฝานไม่ได้สังเกตว่าท่ามกลางความมืด ศิษย์พี่หานเฟิงกำลังกินพลางมองภาพนี้ อยู่บนกำแพงไม่ไกล

“ฮ่าๆ สู้กับศิษย์น้องลู่ฝาน สุ่ยเชียนโหรวเอ๋ย เธอยังอ่อนเกินไป ศิษย์น้องลู่ฝานสู้ๆ ให้ผู้หญิงบ้าคนนี้อวดดีอีก อวดดีอีกสิ!”

หานเฟิงดูชอบใจมาก ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีที่ตัวเองตัดสินใจไม่นอน แล้วออกมาดูผู้หญิงบ้าคนนี้

จนปัญญา ใครใช้ให้เขาเป็นคนของสิบตระกูลใหญ่ล่ะ