แม้ทั้งสองตระกูลไม่ได้จัดการรับมืออะไรมาก แต่พันธสัญญาพันปีของทั้งสิบตระกูล จะทำลายไม่ได้ ถ้าสุ่ยเชียนโหรวเป็นอะไรขึ้นมาที่นี่จริงๆ กลับไปถ้าผู้อาวุโสของตระกูลรู้ เขาก็รับผลที่ตามมาไม่ไหวเหมือนกัน

หานเฟิงกัดน่องไก่ต่อ แล้วพึมพำว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานยังจิตใจดีเกินไป ถ้าเป็นฉัน หึหึ จัดการผู้หญิงหน้าบางแบบนี้ หาผู้ชายต่ำช้าสักสองสามคนมาดูหมิ่นเธอ เธอคงจะฆ่าตัวตายไปเลย อืม ถ้าไม่ได้จริง หาสัตว์อสูรเป็นสัดสักสองตัวก็น่าคิด โอ๊ย ฉันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”

ลู่ฝานไม่ได้ยินคำพูดของหานเฟิง เขาก็คิดไม่ถึงวิธีโหดร้ายแบบนี้ด้วย

แต่เหมือนเขาทำถึงเป้าหมายของเขาแล้ว เกราะป้องกันในใจเธอโดนเขาทำลายแล้ว ตอนนี้อ่อนแอเหมือนผู้หญิงอ่อนแอไร้แรงสู้

“นายต้องการอะไรกันแน่”

สุ่ยเชียนโหรวถามด้วยเสียงสั่นเครือ แม้ตอนนี้ใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ยังไม่เสียสติ เมื่อมองจากมุมนี้ เธอเป็นลูกหลานตระกูลบู๊ที่เหมาะสมคนหนึ่งเลยล่ะ

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ “ผมช่วยเธอปลดผนึก เธอตอบแทนผมด้วยของหนึ่งชิ้น”

สุ่ยเชียนโหรวพูดว่า “นายกำลังรีดไถฉันเหรอ”

ลู่ฝานแบมือทั้งสองข้าง แล้วพูดว่า “รีดไถเหรอ ผมไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น นี่แค่การแลกเปลี่ยน ถ้าเธอไม่เห็นด้วย ผมจะทำเหมือนไม่ได้มา แล้วรีบกลับทันที แต่ถ้าอีกเดี๋ยวมีคนมาลวนลามเธออีก ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

เมื่อสุ่ยเชียนโหรวได้ยิน เธอพูดอย่างไม่ลังเลว่า “นายต้องการอะไร”

ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “วิชาหนึ่งเดียวแดนไกลโพ้น”

สุ่ยเชียนโหรวอึ้งไป จากนั้นมองลู่ฝานอยู่นาน แล้วพูดว่า “นายเอาไปทำอะไร นายไม่ใช่ผู้ฝึกชี่สักหน่อย”

ลู่ฝานพูดว่า “นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ ผมแค่ถามว่าเธอจะแลกไหม”

สุ่ยเชียนโหรวกัดฟันพูดว่า “นายถือโอกาสซ้ำเติมคนที่กำลังประสบเคราะห์ร้าย”

ลู่ฝานพูดว่า “เปล่า นี่แค่การแลกเปลี่ยนปกติ อันที่จริงถ้าเธอแสดงท่าทีที่ดีกับผมสักหน่อย พูดคำว่ากรุณาได้โปรดเพิ่มมาสักคำ ผมคงปลดผนึกให้เธอไปนานแล้ว”

สุ่ยเชียนโหรวจ้องหน้าลู่ฝาน “พูดตอนนี้ยังทันไหม”

ลู่ฝานหัวเราะ ในรอยยิ้มมีความเยาะเย้ยอยู่ด้วย “เธอคิดว่าไงล่ะ”

สีหน้าสุ่ยเชียนโหรวอึมครึม ไม่พูดอะไรสักคำ

ความเงียบของเธอ ดูเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่อันที่จริงลู่ฝานรู้ เธอกำลังลองเชิงครั้งสุดท้ายว่าตัวเองปลดผนึกได้หรือเปล่า

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ผมมีเวลาจำกัด ต้องรีบกลับไปนอน ทางที่ดีเธอรีบตัดสินใจ”

สุ่ยเชียนโหรวพูดว่า “ฉันยังมียาเม็ดติดตัวอยู่ เป็นยาเสวียนระดับดี ฉันแลกยาเม็ดกับนายเป็นไง เทียบกับวิชาที่นายไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ นายไม่คิดว่ายาเม็ดดูดีกว่าเหรอ”

ลู่ฝานแอบขำในใจ เธอจะไปรู้อะไร ฉันมียาเม็ดเยอะแยะแล้ว รอฉันได้วิชา เข้าสู่ระดับปรมาจารย์บำเพ็ญชี่ กลั่นยาเสวียนอะไรได้ไหม ยาพวกนี้ยังจำเป็นไหม

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า

สุ่ยเชียนโหรวครุ่นคิดอีกครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันพูดว่า “ได้ ฉันแลก นายปลดผนึกให้ฉัน ฉันจะให้วิชากับนาย”

เสียงลอยตามลมไปบนหลังคาที่อยู่ไม่ไกล ศิษย์พี่หานเฟิงตั้งใจฟังอยู่ตลอด ตอนนี้ได้ยินคำพูดของสุ่ยเชียนโหรว ศิษย์พี่หานเฟิงวางน่องไก่ลงทันที พูดเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายห้ามเชื่อเธอเด็ดขาด เธอเป็นคนหลอกลวง”

หานเฟิงมองลู่ฝานอย่างตึงเครียด เขากลัวลู่ฝานจะโดนหลอก จากที่เขารู้จักผู้หญิงบ้าคนนั้น ถ้าได้ปลดผนึก ผู้หญิงบ้าคนนั้นต้องกลับคำพูดตัวเองแน่นอน

หานเฟิงรู้จักนิสัยของศิษย์น้องตัวเองเหมือนกัน ถ้าสุ่ยเชียนโหรวกล้าทำแบบนั้น ลู่ฝานต้องดึงกระบี่ออกมาจัดการเธอแน่นอน นี่ไม่ใช่ผลที่เขาต้องการ