ตอนที่ 2598 การใช้องครักษ์ส่วนตัวที่ชาญฉลาด

จักรวรรดิวินเทอร์ เมืองวินเทอร์ สถานที่พักหอการค้าอาซู :

เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลงล้วนนั่งกันอยู่ภายในห้องประชุมที่หรูหราบนชั้นสุดของที่นี่ โดยทุกคนนั้นล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม หากผู้เล่นขั้นสามเข้ามาในห้อง พวกเขาจะตัวสั่นด้วยความกลัวแน่นอน เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าที่เย็นยะเยือกของบุคคลเหล่านี้

“ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!! สภาสิบแปดปีกช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัว
เองมากๆ !!!”

“ถูกต้อง !! กิลเพียงแค่รับผิดชอบต่อความสำเร็จบางอย่างในทวีปด้านตะวันออก แต่กับถือว่าตัวเองสามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับไวโอเล็ตซอร์ดในทวีปด้านตะวันตกได้ นี่มันไร้สาระ !!!”

“สภาสิบแปดปีกต้องการจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ดงั้นหรอ ? นี่กิลคิดว่าตัวเองปกครองทวีปด้านตะวันตกอยู่รึไง ?”

เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดล้วนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวมากๆ เมื่อได้ยินรายงานของหลงหวู่ชาง

พวกเขานั้นพอจะเข้าใจอยู่แล้ว หากสภาสิบแปดปีกทำเพียงแค่ปฎิเสธที่จะปล่อยตัวไซเร้นวอร์นเดอร์ไป เพราะพวกเขาทุกคนรู้ดีว่ากิลต้องใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากในการพัฒนาของไซเร้นวอร์นเดอร์ และจากรายงานของหลงหวู่ชาง เธอก็ใกล้จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว

ความสำคัญของสุดยอดปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย สุดยอดปรมาจารย์เพียงแค่คนเดียวก็สามารถจะรับผิดชอบต่อความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมดของกิลได้

โพชั่นที่ดีที่สุดที่มีขายในตลาดปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์ ดังนั้นการได้รับโพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์มาจึงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากๆในระยะนี้ของเกม เพราะไม่ว่าจะเป็นโพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์ที่ให้ผลแบบไหน มันก็จะมีประโยชน์อย่างมาก และหากกิลสามารถผลิตโพชั่นระดับนี้จำนวนมากได้ กิลก็จะมีข้อได้เปรียบเหนือจินตนาการ ดังนั้นพวกเขาจึงพอเข้าใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงพยายามสู้เพื่อไซเร้นวอร์นเดอร์

อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับไม่ได้หยุดแค่การปฎิเสธที่จะปล่อยตัวไซเร้นวอร์นเดอร์ กิลยังประกาศด้วยว่าจะจัดการสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องให้หอการค้าอาซูเข้ามายุ่ง ซึ่งนี่มันไม่ต่างจากการปรามาศว่าหอการค้าอาซูไร้ความสามารถเลย ….

“เนื่องจากสภาสิบแปดปีกได้ประกาศออกมาแบบนี้แล้ว เราก็คงต้องละเรื่องนี้ไปก่อน เมื่อสภาสิบแปดปีกได้รู้ว่าคำพูดของตัวเองไร้สาระแค่ไหน พวกเขาก็จะรู้เองว่าควรถอยเมื่อไหร่ …” ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบ และนั่งในที่นั่งอันทรงเกียรติกล่าว “แต่ว่าวอร์นเดอร์คิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ ผู้อาวุโสห้า ?”

“วอร์นเดอร์ค่อนข้างจะลังเลพี่ใหญ่ แต่เมื่อสภาสิบแปดปีกได้รู้ว่าคำพูดของตัวเองไร้สาระแค่ไหน ฉันก็เดาว่าเธอจะไม่ยอมนั่งดูกิลและตระกูลของเธอพินาศลงไปแน่นอน และฉันแน่ใจว่าเธอจะยอมมุ่งหน้าไปยังไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อพัฒนาต่อ เมื่อเวลานั้นมาถึง ….” หลงหวู่ชางคาดเดาหลังจากครุ่นคิด

“นั่นจะทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็แค่ปล่อยให้สิ่งต่างๆก้าวหน้าไปแบบนี้ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีพลังมากพอที่จะสร้างคลื่นขนาดใหญ่ในทวีปด้านตะวันออก แต่กิลก็ไม่สามารถทำอะไรในทวีปด้านตะวันตกได้แน่นอน ฉันแน่ใจว่าพวกเราทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้รุ่นเยาว์ระดับสูงของตระกูลเราตกไปอยู่ในมือของบริษัทซีอุสทั้งหมดหรอก แถมเอาจริงๆสถานการณ์ในตอนนี้นั้นบริษัทแค่เลือกเราเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการรวมอำนาจภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เราไม่มีทางออกจากความยุ่งเหยิงนี้ได้เลย” ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบกล่าวพลางถอนหายใจ

ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดในห้องเงียบลง

ตระกูลหลงนั้นได้กลายเป็นตระกูลผู้นำและมีอำนาจปกครองหอการค้าอาซูในตอนนี้ และมองดูแค่ที่พื้นผิวนั้น พวกเขาก็ดูเหมือนจะมีความสุขมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วตระกูลก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมากๆ และหากตระกูลหลงไม่สามารถจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้ มันก็จะมีเพียงแค่หุบเหวอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ เพราะท้ายที่สุดบริษัทซีอุสนั้นสนับสนุนเฉพาะหอการค้าอาซูเท่านั้น พวกเขาไม่ได้สนใจว่าใครเป็นผู้นำและปกครองหอการค้า
แถมทุกอย่างก็เป็นดั่งที่ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบกล่าว สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถทำอะไรในทวีปด้านตะวันตกได้แน่นอน ดังนั้นสิ่งพวกเขาต้องทำก็เพียงแค่นั่งดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

ในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลงกำลังประชุมกัน ซือเฟิงและพรรคพวกของเขาก็ได้มาถึงหุบเขาที่อันตรายภายในเทือกเขาปีศาจหมาป่าด้านทิศตะวันออก หลังจากที่พวกเขาใช้อะเม้าท์บินได้เดินทางมาพักหนึ่ง ….

หุบเขานี้เต็มไปด้วยปีศาจหมาป่าเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบขึ้นไป และมันมีกระทั่งแกรนลอร์ดกลายพันธุ์ ปีศาจหมาป่าคริมสันอยู่จำนวนหนึ่งด้วย พร้อมกันนั้นมันก็มีปีศาจหมาป่าสามหัวพักอยู่บริเวณหน้าผาที่ใกล้พังทลายของหุบเขา แถมมันยังมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวที่มีความสูงยี่สิบเมตรอย่างปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามตาเฝ้าอยู่ที่บริเวณทางเข้าถ้ำเป้าหมายของพวกเขา โดยทั้งสองตัวนั้นก็แผ่ออร่าที่ทรงพลังออกมามากๆ

[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็ง] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ ลอร์ดบอสขั้นสูง)
เลเวล 123
HP 63,000,000/63,000,000

[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ แกรนลอร์ด)
เลเวล 124
HP 540,000,000/540,000,000

[ปีศาจหมาป่าคริมสันกลายพันธุ์] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ แกรนลอร์ด)
เลเวล 125
HP 1,200,000,000/1,200,000,000

[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามตา] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 127
HP 3,100,000,000/3,100,000,000

เมื่อพวกเขาเห็นมอนสเตอร์นับไม่ถ้วน สมาชิกสภาสิบแปดปีกก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับปีศาจหมาป่าบริเวณนี้ที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อมาจากรายงานของไฟเออร์แดนซ์แล้ว แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง นี่มันดูเหมือนเมืองปีศาจมากกว่าหุบเขา ….

แม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบมากกว่าห้าพันคนก็ยังจะต้องดิ้นรนอย่างหนัก หากคิดจะบุกโจมตีและเคลียร์พื้นที่บริเวณนี้ ไม่ต้องพูดถึงทีมของพวกเขาที่มีผู้เล่นแค่สิบสองคนกับองครักษ์ส่วนตัวหลายโหลเลย

เพียงแค่เหลือบมองพวกเขาก็นับปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว และปีศาจหมาป่าคริมสันกลายพันธุ์ได้มากกว่าสามร้อยตัวแล้ว ซึ่งมีพวกมันเต็มไปหมดยืนเฝ้าอยู่ทุกทางเข้าสู่หุบเขา แถมนอกเหนือจากนี้มันยังปีศาจหมาน้ำแข็งสามตาสองตัวยืนเฝ้าอยู่บริเวณปากถ้ำที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาด้วย

ซึ่งมานาประเภทน้ำแข็งที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวแผ่ออกมานั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย และเนื่องจากผู้เล่นในทีมทุกคนของพวกเขานั้นสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่ามานาที่มอนสเตอร์ทั้งสองแผ่ออกมานั้นมันมากเพียงใด พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองไปภูเขาขนาดมหึมาสองลูก ไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป

แถมเมื่อพวกเขาลงไปต่อสู้ข้างล่าง การจะจัดการมานาโดยรอบให้ได้นั้นคงเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมานาประเภทน้ำแข็งที่ทรงพลังมากขนาดนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถใช้มานาของตัวเองต่อสู้ได้ แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้นั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถแสดงพลังทั้งหมดของสกิลและเวทย์ของพวกเขาออกมาได้แน่นอน

“หัวหน้ากิล นี่เราต้องกำจัดปีศาจหมาป่าเหล่านี้จริงๆงั้นหรอ ?” โคล่าถาม เขานั้นต้องการที่จะทดสอบอุปกรณ์ของเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจเช่นกัน เมื่อเห็นปีศาจหมาป่าที่นี่ “แม้ว่าเราจะพึ่งพาองครักษ์ส่วนตัวในระหว่างการต่อสู้ แต่ฉันก็คิดว่าเราไม่น่าจะมีช่วงเวลาที่ง่ายแน่ ….”

“ปีศาจหมาป่าเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการจัดการ แต่เราไม่ได้จะพึ่งพาองครักษ์ส่วนตัว เราจะจัดการเคลียร์ที่นี่ด้วยตัวเราเอง” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว

“เรา ?” แผนการของหัวหน้ากิลทำให้โคล่าประหลาดใจ
แม้จะทำงานร่วมกับองครักษ์ส่วนตัว แต่พวกเขาก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ดีในการเอาชนะปีศาจหมาป่าเหล่านี้ แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องกำจัดมอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยตัวเอง นี่มันบ้าชัดๆ ….

“อืมม ที่นี่นั้นค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงแต่ปีศาจหมาป่าที่นี่จะมีจำนวนมากเท่านั้น แต่มันยังแข็งแกร่งมาก แถมมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และการปราบปรามมานาที่ค่อนข้างรุนแรงในพื้นที่นี้ มันยังจะทำให้การใช้สกิลและเวทย์เป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ที่นี่ผู้เล่นจะต้องพึ่งพาเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งให้พิจารณาว่าที่นี่เป็นสนามฝึกอีกแห่ง และนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะฝึกที่นี่ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “เมื่อค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจหมดลงก็ให้กลับไปฝึกที่หอคอยพิเศษและฟื้นฟูที่นั่น และเมื่อฟื้นฟูจนพอแล้วก็ให้กลับมาที่นี่ การเคลียร์พื้นที่นี้จะเป็นภารกิจหลักของเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

เขาต้องการเปิดใช้งานจุดเทเลพอร์ตขนาดกลางเพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนาของสภาสิบแปดปีกโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามหลังจากการฝึกครั้งล่าสุดบนชั้นสองในหอคอยพิเศษของเขา สิ่งหนึ่งที่มันทำให้ซือเฟิงรู้ชัดเจนขึ้นเลยก็คือ ขอบเขตที่แท้จริงนั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เขาคิดในตอนแรก

เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจหลักการของขอบเขตที่แท้จริงได้จำนวนมากแล้ว แต่ในความเป็นจริง เขากับรู้เพียงแค่ส่วนยอดเล็กๆของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เขาไม่เคยแสดงศักยภาพทั้งหมดของขอบเขตที่แท้จริงออกมาได้เลยในระหว่างการต่อสู้

ในขณะเดียวกันขั้นสามนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงของตัวตนที่ทรงพลังใน God domain โดยความแตกต่างระหว่งความแข็งแกร่งและผู้เชี่ยวชาญทั่วไปก็จะเพิ่มขึ้นมาก เมื่อผู้เล่นมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่

ในขณะที่สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก แต่กิลก็มีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโดเมนได้ในกิลเลย ….

แม้ว่าอาวุธ อุปกรณ์ และสายเลือดที่ทรงพลังจะมีประโยชน์อย่างมากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของผู้เล่น แต่มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการจะตัดสินว่าพวกเขาจะทำเควสสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน นี่จะเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับผู้เล่นที่เลือกจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ในเลเวลต่ำ พวกเขาจะต้องเผชิญกับข้อกำหนดมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงกว่าที่รอพวกเขาอยู่

เนื่องจากบริษัทซีอุสได้เริ่มใช้มาตราการรวมอำนาจแล้ว มันจึงเห็นได้ชัดว่ามหาอำนาจ และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆได้เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของขั้นสี่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มรวบรวมทรัพยากรของตนเพื่อดูแลบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดให้เตรียมพร้อมสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่

ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มหาอำนาจต่างๆเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของขั้นสี่ก็หลังจากที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งมาถึงขั้นสี่แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากการกลับชาติมาเกิดของซือเฟิงทำให้เกิด บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค มหาอำนาจต่างๆจึงมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตนแทนที่จะพึ่งพากลยุทธ์ด้านปริมาณแบบในชีวิตที่ผ่านมาของเขา

ดังนั้นการปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้ให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีกจึงมีความสำคัญสูงสุด หากมหาอำนาจต่างๆเตรียมผู้เชี่ยวชาญของตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ก่อน สภาสิบแปดปีกก็มีสิทจะถูกครอบงำเอาได้

นอกเหนือจากการฝึกฝนในสถานที่พิเศษตามปกติแล้ว การต่อสู้แบบเสี่ยงชีวิตกับมอนสเตอร์ก็เป็นสิ่งจำเป็น และมันจะยิ่งทำให้ผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น เพราะท้ายที่สุดประสบการณ์การต่อสู้นั้นจะช่วยผู้เล่นในการพัฒนาตัวเองได้อย่างมาก

ซึ่งตอนนี้นั้นสภาสิบแปดปีกก็มีทั้งสองอย่างแล้วในเทือกเขาปีศาจหมาป่า ดังนั้นเขาจึงอยากใช้ประโยชน์จากจุดนี้ให้ได้ดีที่สุด

“ในกรณีนี้หัวหน้ากิล ทำไมเราถึงนำองครักษ์ส่วนตัวมาด้วย ?” อควาโรสถามอย่างสับสน

หากซือเฟิงต้องการทำอย่างที่เขาบอกจริงๆ เธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะพาองครักษ์ส่วนตัวมาด้วยทำไม ….

“พวกเขามาที่นี่เพื่อดูเราต่อสู้ และคอยช่วยเหลือเรา หากชีวิตของเราตกอยู่ในอัน
ตรายจริงๆ …” ซือเฟิงอธิบายอย่างจริงจัง

คำพูดของซือเฟิงทำให้ทั้งทีมพูดไม่ออก นี่เป็นวิธีการที่ถูกต้องในการใช้องครักษ์ส่วนตัวแล้วงั้นหรอ ?

ปีศาจหมาป่าเหล่านี้นั้นทรงพลังมากๆ และแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้ร่วมกับองครักษ์ส่วนตัว มันก็ยังไม่อาจจะรับประกันชัยชะของพวกเขาได้เลย ดังนั้น NPC เหล่านี้จะเข้าปกป้องชีวิตของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญได้ทันได้ยังไงกัน ?

“เมื่อไม่มีใครมีคำถามอะไรอีกแล้ว เราก็มาเริ่มฝึกกันเลย !!!” ซือเฟิงกล่าวก่อนที่เขาจะเฉือนคิลลิงเรย์ไปตรงหน้าของเขา และส่งสายฟ้าเข้าโจมตีปีศาจหมาป่าในบริเวณนี้จำนวนหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นทันที

การโจมตีนี้นั้นได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าปีศาจหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆนับพันตัวให้หันมาจ้องมองทีมของซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งมันทำให้โคล่าและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และก่อนที่ทั้งทีมจะทันได้ตอบสนองใดๆ มอนสเตอร์นับพันตัวก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา ….