ขอโทษ
“อื้ม ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ เราจะรีบไปค่ะ” อวิ๋นซีพูดจบก็วางสายแล้วเดินไปห้องทำงาน
หลินหว่านเห็นอวิ๋นซีกลับมาเร็วขนาดนี้ก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เธอหน้าเหวอมองอวิ๋นซีที่เดินเข้ามา
“หลินหว่าน ตอนนี้เราต้องรีบไปหาผู้กำกับแล้ว ทางโน้นให้ไปทดสอบหน้ากล้องล่ะ ถ้าสำเร็จก็เซ็นสัญญาได้เลย ไม่ต้องเดินเรื่องอะไรอื่นอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราก็รีบเก็บของไปกันตอนนี้เลยเถอะ สองวันนี้เธอได้อ่านบทแล้ว เชื่อว่าเธอคงได้ศึกษาบทดูแล้วสินะ เธอเคยบอกว่าเธอรู้ว่าจะแสดงบทนี้อย่างไรใช่ไหม เอาล่ะตอนนี้ไปจัดการกันเลย” อวิ๋นซีพูดพลางลงมือเก็บข้าวของไปพลาง
หลินหว่านสะดุ้งเฮือกใหญ่ เธอคิดไม่ถึงว่าจะทดสอบหน้ากล้องเร็วขนาดนี้ ให้รีบไปตอนนี้เลย แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะรู้สึกว่าแสดงได้แน่ แต่วันนี้เธอยังไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย
“โอย…ตอนนี้…เอาน่ะ ในเมื่อเธอนัดกับผู้กำกับแล้ว งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ! ฉันจะแสดงให้สุดฝีมือ หวังว่าจะได้บทนี้ ฉันชอบบทหนังเรื่องนี้เสียด้วยสิ ดังนั้นฉันต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้เลย” หลินหว่านพูดกับอวิ๋นซี
อวิ๋นซีกับหลินหว่านเก็บข้าวของทั้งหมดแล้วออกเดินทาง ตอนอยู่บนรถหลินหว่านนั่งศึกษาบทไปตลอดทาง พยายามให้ตัวเองเข้าถึงบทให้ได้
ไม่นานก็ถึงที่หมาย ส่วนหลินหว่านพอมาถึง ผู้กำกับก็รีบเรียกตัวเธอไปทดสอบหน้ากล้อง หลินหว่านมั่นใจมาก เธอแสดงเข้าถึงบทได้อย่างรวดเร็ว ผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับพากันผงกศีรษะมองหลินหว่านด้วยสายตาชื่นชม
“หลินหว่าน พวกเราได้เห็นการแสดงของเธอแล้ว ตรงกับความต้องการของพวกเราอย่างมาก คุณจับส่วนสำคัญของบทบาทนี้เอาไว้ได้อย่างปรุโปร่งแล้ว ผมเชื่อว่าคุณต้องแสดงได้ดีแน่ บทนี้เป็นของคุณแล้ว พวกเราเซ็นสัญญากันตอนนี้เลยเถอะ จะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางมาอีกรอบ ต่อไปก็รอเปิดกล้องได้เลย หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันอย่างราบรื่น” รองผู้กำกับพูดกับหลินหว่านด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่หลินหว่านทดสอบหน้ากล้องเธอก็รู้ตัวแล้วว่าจะได้รับบทนี้อย่างแน่นอน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าผู้กำกับจะให้เซ็นสัญญารวดเร็วขนาดนี้ เธอดีใจมาก
“อื้ม ได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ฉันก็ชอบบทหนังเรื่องนี้มากเลย หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันด้วยดีค่ะ ฉันจะพยายามเต็มที่ในการแสดงบทนี้ค่ะ” หลินหว่านพูดพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
ไม่นานนักผู้ช่วยผู้กำกับพาหลินหว่านมาเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย หลินหว่านรู้สึกพอใจกับตัวเองมาก เธอรู้สึกว่าการได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
หลินหว่านเซ็นสัญญาแล้วก็กลับบริษัทกับอวิ๋นซี เพื่อเตรียมงานอื่นต่อไป
ถึงเวลาเย็นย่ำโดยไม่รู้ตัว หลินหว่านมองดูท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
หลินหว่านหยิบมือถือขึ้นมา เห็นว่าบนหน้าจอปรากฏตัวอักษรแถวหนึ่งความว่า ‘กลับบ้านด่วน ผมมีเรื่องจะพูดด้วย’ เป็นข้อความที่เซียวจิ่งสือส่งมา หลินหว่านรู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้ทำไมเขาดูเป็นเรื่องเป็นราวเชียว
หลินหว่านเองก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างจึงตรงกลับบ้าน พอมาถึงก็เห็นว่าเซียวจิ่งสือกำลังรอเธออยู่
“คุณเป็นอะไรไปคะ ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เลย” หลินหว่านพูดกับเซียวจิ่งสือด้วยรอยยิ้ม
“หลินหว่าน ก่อนหน้านี้คุณรับปากผมว่าจะไม่ไปแสดงหนังเรื่องนั้นนี่ใช่ไหม ทำไมต้องปิดบังผมด้วย คุณรู้ไหมผมเป็นห่วงคุณแค่ไหน คุณรู้ไหมคำพูดทุกคำของผมก็เพราะเพื่อคุณทั้งนั้น ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเบา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธ
หลินหว่านตกใจกับท่าทีของเซียวจิ่งสือในตอนนี้ เธอมองดูใบหน้าที่กำลังโกรธของเซียวจิ่งสือ เธอหลงคิดว่าถึงตอนนี้เซียวจิ่งสือจะด่าว่าเธอเสียอีก
“ฉัน…คุณไม่เข้าใจว่าฉันชอบหนังเรื่องนั้นมาก” หลินหว่านก้มหน้างุดพูดเสียงอึกอักในลำคอ
หลินหว่านหลงคิดว่าเซียวจิ่งสือจะด่าว่าเธอเพราะเรื่องนี้ แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่งสือ เขากลับหมุนตัวจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลินหว่านรู้สึกว่างโหวงในอก เซียวจิ่งสือไม่เคยเย็นชากับเธอแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้ท่าทีเขาเด็ดเดี่ยวมาก
หลินหว่านส่งข้อความหาเซียวจิ่งสือมากมาย แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมาเลย หลินหว่านรู้สึกตัวแล้วว่าครั้งนี้เธอทำเกินไปจริงๆ เธอวิตกกังวลมากเช่นกัน เซียวจิ่งสือปกติดูขี้เล่น ไม่ถือสาจริงจังกับอะไรนัก แต่คราวนี้เขาโกรธจริงๆ หลินหว่านรู้สึกกระวนกระวายไม่สบายใจขึ้นมา อีกทั้งรู้สึกเสียใจอย่างมาก
หลินหว่านส่งข้อความทั้งโทรหาเซียวจิ่งสือเพื่อจะนัดเขาออกมาแต่ถูกปฏิเสธ หลินหว่านรู้ว่าการโกหกของเธอคราวนี้ทำให้เขาเสียใจจริงๆ
หลินหว่านไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะได้รับการให้อภัยจากเซียวจิ่งสือ ในเวลานั้นเองอวิ๋นซีแจ้งให้เธอไปกองถ่ายเพื่อแสดงหนัง
เมื่อก่อนไม่ว่าหลินหว่านจะรับบทอะไรล้วนแสดงอย่างตั้งใจเหมือนกันหมด ก่อนนี้ผู้กำกับพอใจเธอมาก แต่ว่าถ่ายมาได้สองสามวัน หลินหว่านยิ่งแสดงก็ยิ่งหลุดบท
“หลินหว่าน พักนี้คุณเป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้ตอนทดสอบหน้ากล้องคุณแสดงได้ดีขนาดนั้น แต่ตอนนี้คุณดูซิที่คุณแสดงนี่มันอะไร คุณตั้งใจแสดงให้เหมือนก่อนหน้านี้หน่อยไม่ได้หรือไง” ผู้กำกับเดินเข้ามาพูดกับหลินหว่านกำลังเหม่อลอย
ในหัวของหลินหว่านซึ่งยังคิดแต่ว่าจะกลับไปหาเซียวจิ่งสือได้อย่างไร ถูกคำพูดของผู้กำกับกระตุกให้สะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นทันที เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ผู้กำกับเข้าใจผิดว่าเธอเซ็นสัญญาแล้วไม่ตั้งใจแสดง ที่จริงแล้วเป็นเพราะเธอมัวแต่คิดถึงเซียวจิ่งสือ
“ขอโทษค่ะผู้กำกับ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ตั้งใจแสดงนะคะ เพียงแต่ระหว่างนี้ฉันเกิดเรื่องบางอย่างที่รบกวนจิตใจฉันอย่างมาก คอยแต่จะคิดถึงเรื่องนั้น ฉันจะปรับสภาพจิตใจกลับมาได้แน่ ผู้กำกับสบายใจได้ค่ะ” หลินหว่านอธิบาย
ผู้กำกับยังเชื่อในความสามารถของหลินหว่าน จึงผงกศีรษะให้เธอแล้วจากไป
แต่พอเข้ากล้องคราวต่อไป หลินหว่านก็ยังไม่สามารถสวมบทบาทได้อยู่ดี แม้ผู้กำกับจะตักเตือนไปหลายครั้ง แต่ก็ยังผิดพลาดเหมือนเดิมอีก
“หลินหว่าน ถ้าคุณแสดงไม่ได้ก็อย่ารับแสดงบทนี้สิ พอได้แล้ว แสดงอะไรกันแบบนี้” ผู้กำกับโมโหจนควันออกหูตะโกนว่าหลินหว่านแล้วเดินจากไป
หลินหว่านนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เธอมักรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นกังวลอยู่บ่อยครั้ง เหตุเพราะเซียวจิ่งสือไม่ยอมยกโทษให้เธอ ดังนั้นจึงมักจะเข้าไม่ถึงบทบาทที่แสดง
ตอนบ่าย หลินหว่านไม่ค่อยได้กินข้าว เธอให้อวิ๋นซีไปพักผ่อน เธอเดินช้าๆ กลับห้องเพียงลำพัง
ทันใดนั้นหลินหว่านก็เห็นเซียวจิ่งสือยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก หลินหว่านไม่รู้ว่าจะไปเจอหน้ากับเขาได้อย่างไร เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทีขัดเขิน
“หลินหว่าน อย่าเสียใจไปเลย ผมยกโทษให้คุณแล้ว คราวหน้าอย่าโกหกผมอีกล่ะ” เซียวจิ่งสือรวบตัวหลินหว่านเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
หลินหว่านเหมือนเท้าแตะพื้นได้อีกครั้งในที่สุด เธอยิ้มออกมาได้ นี่เป็นรอยยิ้มแรกในระยะนี้ของเธอเลยทีเดียว
หลินหว่านยิ้มพลางถามเซียวจิ่งสือ “ฉันจะไม่โกหกคุณอีกแล้ว ครั้งนี้ฉันทำผิดจริงๆ ทำไมคุณถึงมาหาฉันถึงนี่ได้ละคะ”
เซียวจิ่งสือยิ้มพลางมองหลินหว่านอย่างรักทะนุถนอม ตอบว่า “ผมคิดถึงคุณน่ะ”
อันที่จริงก่อนหน้านี้เซียวจิ่งสือได้ยินผู้ช่วยบอกว่าหลินหว่านอยู่ที่กองถ่ายเอาแต่เศร้าซึมทั้งวันเพราะเรื่องของเขา ทั้งยังสวมบทบาทที่แสดงไม่ได้อีกด้วย ถูกผู้กำกับด่าไปตั้งหลายครั้ง พอได้ยินดังนั้นด้วยความสงสารเธอ จึงมาที่กองถ่ายเพื่อปลอบใจหลินหว่าน นอกจากนี้เขาก็คิดถึงหลินหว่านจริงๆ นั่นแหล่ะ