ดูแล  

หลินหว่านซาบซึ้งใจ และปล่อยวางจิตใจที่วิตกเป็นทุกข์นั้นลง เธอนึกในใจว่าต่อไปจะไม่โกหกหลอกลวงเซียวจิ่งสืออีก บทเรียนคราวนี้ทำให้หลินหว่านรู้ว่าแม้เซียวจิ่งสือจะรักเธอมาก ทั้งดูเป็นคนตรงๆ โผงผางไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ก็โมโหได้เพราะเรื่องบางอย่างเสมอ และหลินหว่านก็รู้ด้วยว่าเซียวจิ่งสือรักเธอมากขนาดไหน

“หลินหว่าน ผมจะให้คุณรับปากว่าต่อไปจะไม่หลอกผมอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามคุณต้องเห็นสุขภาพของตัวเองสำคัญที่สุด คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณขนาดไหน คุณจะทำร้ายสุขภาพร่างกายและจิตใจตัวเองเพราะเรื่องงานไม่ได้นะ มันเป็นของคุณ และก็เป็นของผม ดังนั้นผมมีหน้าที่ต้องปกป้องคุณ คุณอย่าหาว่าตอนนั้นผมไม่ใส่ใจคุณเลย ผมแค่รู้สึกโมโหมาก ทำไมคุณถึงละเลยสุขภาพร่างกายของตัวเองได้ขนาดนี้นะ ถ้าเกิดหนังเรื่องนี้ทำให้คุณติดอยู่ในบทอีก จะไม่เพียงทำร้ายคุณคนเดียว ผมเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานและโทษตัวเอง”เซียวจิ่งสือโอบกอดหลินหว่านพลางพูดด้วยเสียงเหมือนกระซิบ

เซียวจิ่งสือจำต้องให้หลินหว่านรับปากเขาด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ว่าหลินหว่านจริงจังกับงานมาก บางครั้งถึงกับขั้นหมกมุ่นเลยทีเดียว แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เซียวจิ่งสือกังวัลใจอยู่เหมือนกัน

“ฉันรับปากว่าต่อไปจะไม่โกหกคุณอีก และฉันจะให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่ง คราวนี้ฉันยอมรับว่าผิดไปแล้วจริงๆ ” หลินหว่านพูดพลางมองเซียวจิ่งสือด้วยสายตาลึ้งซึ้ง

เซียวจิ่งสือหน้าบาน มองหลินหว่านด้วยรอยยิ้ม

เซียวจิ่งสือจู่ๆ ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาพูดโพล่งขึ้น “หลินหว่าน ว่าแต่หนังเรื่องนี้ตอนนี้คุณเซ็นสัญญาไปแล้วหรือยัง”

หลินหว่านพูดอ้ำอึ้ง “พอฉันทดสอบหน้ากล้องเสร็จก็เซ็นสัญญาเลย ตอนนี้คงจะยกเลิกไม่ได้แล้ว พวกเราจ่ายค่าเสียหายไม่ไหวหรอก ฉันต้องตั้งใจแสดงหนังเรื่องนี้จนจบ คุณวางใจเถอะ ฉันจะควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้เป็นอย่างคราวที่แล้วที่เข้าบทลึกเกินอีก แล้วตอนนี้พวกเราก็คืนดีกันแล้ว ไม่กระทบกับการแสดงของฉันแล้วด้วย ฉันจะตั้งใจแสดงหนังเรื่องนี้ให้เสร็จอย่างเร็วเลยเชียว”

หลินหว่านพูดจบก็แอบมองท่าทีของเซียวจิ่งสือ เธอวิตกว่าเซียวจิ่งสือรู้เรื่องนี้แล้วจะโมโหอีก จึงได้แต่ภาวนาขอให้เซียวจิ่งสืออย่าโมโหอีกเลย

เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว แต่พูดกับหลินหว่านอย่างอ่อนโยนว่า “งั้นทำอย่างไรดีล่ะ เพราะผมไม่ยอมให้คุณถ่ายหนังเรื่องนี้ตามลำพังหรอก เกิดวันไหนคุณอารมณ์ไม่ปกติขึ้นมา ผมมาหาคุณไม่ทันจะทำอย่างไรล่ะ ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณถ่ายหนังเรื่องนี้ได้เร็วหรือเปล่า แต่ระหว่างการถ่ายทำนี่จะกระทบสุขภาพจิตของคุณอีกหรือเปล่า จะทำให้คุณเครียดขึ้นมาอีกไหม”

หลินหว่านไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หลินหว่าน ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่เอง ผมจะอยู่ที่นี่ร่วมกับคุณ มีผมอยู่เคียงข้างคุณต้องไม่เกิดเรื่องอะไรไม่ดีแน่ นอกจากนี้ในเมื่อบริษัทผมตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก งั้นก็ให้ผมอยู่นี่กับคุณเถอะ”

พอเซียวจิ่งสือนึกถึงอารมณ์ของหลินหว่าน ก็อยากจะเฝ้าอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา ส่วนเรื่องบริษัทของเขา เขาจะปล่อยไปก่อนชั่วคราว

หลินหว่านประทับใจมาก เซียวจิ่งสือแม้จะดูเหมือนขี้เล่นไม่จริงจังกับอะไร แต่เมื่อเป็นเรื่องของเธอแล้วเขาจะละเอียดรอบคอบมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเกี่ยวกับหลินหว่าน เขาเป็นต้องคิดการวางแผนจนสมบูรณ์แบบ และเห็นแก่หลินหว่านมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

“อืม งั้นคุณก็อยู่ที่กองถ่ายเป็นเพื่อนฉันเถอะ ถึงอย่างไรพวกเราสองคนก็ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมาก ฉวยโอกาสนี้จะได้อยู่ด้วยกันทุกวันเลย” หลินหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม

ผ่านไปอีกครู่หนึ่งหลินหว่านต้องไปเข้ากล้องแล้ว เซียวจิ่งสือคอยอยู่ข้างกายเธอ เฝ้ามองดูเธอตลอด

“เซียวจิ่งสือ ช่วงนี้คุณคอยอยู่นี่เป็นเพื่อนหลินหว่านตลอดเลยเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลย พักก่อนหลินหว่านถูกเน็ตใสร้ายอยู่นานเพราะเธอแสดงได้ไม่ดี ฉันไม่ได้บอกหลินหว่านเรื่องนี้ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ฉันทำเป็นหลบเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ กลัวว่าจะกระทบกระเทือนอารมณ์เธอเข้า ตอนนี้คุณอยู่นี่ ถึงแม้หลินหว่านเห็นเข้าอารมณ์ก็คงจะไม่แปรปวนมากนัก” อวิ๋นซีเดินไปพูดกับเซียวจิ่งสือ

อวิ๋นซีเห็นว่าเซียวจิ่งสือมาที่กองถ่ายก็แอบนึกดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่าจะปลอบโยนหลินหว่านอย่างไร เธอรู้ว่าก่อนหน้านี้หลินหว่านมีสภาพจิตใจไม่ค่อยดีนัก เพราะทะเลาะกับเซียวจิ่งสือ

ก่อนหน้านี้หลินหว่านถูกคนบนเน็ตใส่ร้ายป้ายสีเพราะเธอแสดงได้ไม่ดีนั้น เรื่องนี้อวิ๋นซีไม่ได้บอกหลินหว่าน เธอมักกลัวว่าหลินหว่านจะอ่านเจอเข้าโดยบังเอิญบ่อยๆ ตอนนี้เซียวจิ่งสือมาแล้ว จึงไม่ต้องกังวลมากเกินไปนัก เพราะว่าเซียวจิ่งสือมักจะสามารถทำให้หลินหว่านอารมณ์ดีขึ้นมาได้เสมอ

“หลินหว่านถูกใส่ร้ายอีกแล้ว พักก่อนผมมัวแต่ยุ่ง ไม่ได้สนใจข่าวคราวของเธอนัก แต่ได้ยินผู้ช่วยบอกว่าเธออยู่ที่นี่ทั้งวัน ดูเป็นทุกข์ใจมากเพราะเรื่องของผม ดังนั้นผมจึงมานี่คืนดีกับเธอ” เซียวจิ่งสือพูดอย่างเป็นห่วง

เซียวจิ่งสือมาอยู่เป็นเพื่อหลินหว่านก็เพราะกลัวว่าเธอจะรับแรงกดดันไม่ไหว เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่มาจากหนังเรื่องนี้ แต่ว่าเรื่องซุบซิบบนอินเทอร์เน็ตก็มีความเป็นไปได้ที่หลินหว่านจะพบเห็นได้ จะคอยหลบเลี่ยงอย่างนี้ไปตลอดก็ไม่ใช่วิธีที่ดี

หลินหว่านถ่ายบทส่วนเล็กๆ เสร็จแล้ว เห็นเซียวจิ่งสือกับอวิ๋นซียืนอยู่ริมด้านหนึ่งก็เดินยิ้มเข้าไปหา

“เซียวจิ่งสือ พวกคุณสองคนคุยอะไรกันน่ะ เมื่อครู่เห็นพวกคุณคุยกันอยู่ครู่หนึ่งทีเดียว อวิ๋นซีเดี๋ยวพอถ่ายเสร็จแล้วไปทานข้าวกับพวกเรานะ” หลินหว่านยิ้มพลางพูดขึ้น

นับแต่หลินหว่านคืนดีกับเซียวจิ่งสือแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

เซียวจิ่งสือคิดไปคิดมา นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกเรื่องนั้นกับหลินหว่าน

เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลินหว่าน ผมมาช้าไปจริงๆ ผมไม่น่างอนคุณเลย พักก่อนเพราะเรื่องของผมทำให้คุณแสดงได้ไม่ดี คุณจึงถูกบนอินเทอร์เน็ตด่าเอาอีกแล้ว เรื่องนี้คุณอาจยังไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าคุณจะรู้เรื่องเข้าสักวัน ดังนั้นผมจึงอยากบอกคุณตอนนี้ ให้คุณได้มีเวลาเตรียมใจไว้ก่อน อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลไปนะ อีกอย่างวันนี้สภาพจิตคุณดีมากเลย ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องซุบซิบเล็กๆ น้อยๆ นั่นหรอก แล้วผมก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอดเลยด้วย คุณจะได้ไม่ต้องเครียดกับเรื่องซุบซิบบนอินเทอร์เน็ตอีก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะอยู่ข้างกายคุณ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองนะ การเป็นบุคคลสาธารณะย่อมต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้อยู่บ้างนั่นแหล่ะ”

อวิ๋นซีที่ด้านข้างกลั้นใจฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือ เธอกลัวว่าหลินหว่านรู้เรื่องแล้วจะเสียใจจนซึมเศร้าไปอีก อวิ๋นซีอดต่อว่าเซียวจิ่งสือในใจอยู่บ้างไม่ได้ ทำไมเขาไม่ปรึกษาเธอสักคำ บอกหลินหว่านไปตรงๆ แบบนั้น ก่อนหน้านี้เธอยังอุตส่าห์หลบเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้อยู่เลย

เซียวจิ่งสือจ้องหลินหว่านไม่วางตา คิดว่าเขาพร้อมจะปลอบประโลมจิตใจที่แสนบอบบางของเธอเสมอ ไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจ