รักเธอเป็นเหมือนยาพิษ

 

 

 

แต่ที่ไหนได้หลินหว่านยิ้มออกมา “เซียวจิ่งสือ คุณตื่นเต้นหวาดกลัวขนาดนี้ทำไมกันนะ เรื่องนั้นฉันรู้ตั้งนานแล้ว ฉันเห็นจากมือถือตัวเองล่ะ อีกอย่างในอินเทอร์เน็ตแค่บอกว่าเพราะสุขภาพฉันไม่ดี แล้วพูดจากระทบกระแทกแดกดันฉัน พวกคุณทำไมต้องตื่นเต้นตึงเครียดขนาดนี้ล่ะ  ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรเลย ฉันรู้ว่าคนเป็นดารา บางครั้งก็ต้องพบเจอกับเสียงข่าวลือแปลกๆ พวกนี้ เราไม่เป็นอย่างเขาว่าก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันวางเฉยกับเรื่องพวกนี้ได้มากแล้วค่ะ ไม่ค่อยจะยึดติดกับมักมากนัก ดังนั้นพวกคุณก็ไม่ต้องกังวลแทนฉันแล้วนะ ตอนนี้สภาพจิตของฉันเข้มแข็งขึ้นมากแล้วค่ะ”

 

 

สภาพจิตใจของหลินหว่านกับรอยยิ้มทำให้เซียวจิ่งสือและอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจไปตามกัน พอเห็นว่าหลินหว่านสามารถวางท่าทีต่อคำซุบซิบนินทาของตัวเองได้เช่นนี้ เซียวจิ่งสือก็ถอนใจอย่างโล่งอก

 

 

“หลินหว่าน คุณคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ส่วนคุณน่ะ ต่อไปไม่ว่าจะเจอกับคำซุบซิบนินทาอะไร คุณต้องมองในแง่ดีเข้าไว้ ถ้าวางเฉยได้ก็ยิ่งดีใหญ่ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังหวังว่าคุณจะเผชิญกับมันด้วยท่าทีเช่นวันนี้” เซียวจิ่งสือพูดพร้อมกับมองหลินหว่านด้วยท่าทีปลาบปลื้มชื่นชม

 

 

เย็นนั้นหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือทานข้าวเสร็จ กลับถึงห้องพัก หลินหว่านที่เหนื่อยจากการแสดงจึงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

เซียวจิ่งสือรอจนหลินหว่านหลับไปแล้วจึงหยิบมือถือขึ้นดูคำวิจารณ์เชิงลบบนเน็ตของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือกลับเป็นฝ่ายวิตกต่อสภาพจิตของหลินหว่าน เขาอ่านข้อความที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหลินหว่านบนอินเทอร์เน็ตด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น

 

 

เซียวจิ่งสือพบว่าคล้ายกับจะมีคนตั้งใจใส่ร้ายหลินหว่าน ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น พวกเขาดูเหมือนจะทุ่มเงินและกำลังคนไม่น้อยเพื่อจัดการกับหลินหว่าน เซียวจิ่งสือรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่หลับอยู่บนเตียงแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เขาไม่อยากให้หลินหว่านต้องมาเจอกับคำนินทาไร้สาระพวกนี้ แต่เขาเองก็ไม่มีปัญญาจะไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ เขาได้แต่โทษว่าตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องหลินหว่านได้

 

 

วันรุ่งขึ้นหลินหว่านดูมีชีวิตชีวาขึ้นจนวิ่งไปเข้ากล้องที่กองถ่ายได้เอง ส่วนเซียวจิ่งสือ…เมื่อคืนเขามัวแต่อ่านคำวิพากษ์วิจารณ์หลินหว่านบนอินเทอร์เน็ตจนเข้านอนดึกมาก เช้าวันนี้เขาเห็นว่าหลินหว่านดูดีแล้ว จึงไม่ได้ติดตามเธอไปสถานที่ถ่ายทำ

 

 

พักเที่ยง ตอนหลินหว่านหาตัวเซียวจิ่งสือจนเจอนั้น เธอขมวดคิ้วคอตกเดินเข้ามาด้วยท่าทางหมดแรง ดูเหมือนจะอารมณ์บูดเอามากๆ

 

 

เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว้าวุ่นใจอยู่บ้าง ยังเข้าใจว่าเป็นเพราะการแสดงทำให้หลินหว่านเกิดอาการเหมือนคราวที่แล้ว เซียวจิ่งสือนึกด่าตัวเองในใจว่าทำไมตอนเช้าไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนหลินหว่าน

 

 

เซียวจิ่งสือรีบวิ่งมาหาหลินหว่านพูดว่า “หลินหว่าน เช้านี้คุณเป็นอะไรไปเหรอ ดูเหมือนอาการไม่ค่อยดีนะ หรือเป็นเพราะเช้านี้ผมไม่ได้เป็นเพื่อนคุณไปกองถ่าย หรือว่าผู้กำกับต่อว่าคุณ คุณอย่าเศร้าไปเลยนะ คุณไม่สบายใจผมก็พลอยเครียดไปด้วยเลย”

 

 

หลินหว่านเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองดูเซียวจิ่งสือด้วยสายตาเศร้าเสียใจ ไม่พูดสักคำ เดินไปนั่งเหม่อบนโซฟา

 

 

“หลินหว่าน คุณพูดอะไรสักคำได้ไหม ผมร้อนใจนะ” เซียวจิ่งสือดูท่าทางสับสนว้าวุ่นอยู่บ้าง

 

 

“เซียวจิ่งสือคะ วันนี้ฉันเจอกับผู้ช่วยในวงการบันเทิงคนหนึ่งโดยบังเอิญ เธอเป็นคนที่ฉันเคยช่วยไว้ เธอบอกฉันว่าอันซิงตอนนี้กำลังวางแผนจัดการกับฉัน และเธอได้บอกแผนบางส่วนของอันซิงให้ฉันรู้ ตอนนั้นพอฉันได้ฟังเรื่องนี้ก็โมโหมาก ทำไมอันซิงจึงเกลียดฉันนัก คอยสร้างความลำบากให้ฉันอยู่เรื่อย”

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่กำลังกลัดกลุ้มใจ มันทำให้หัวใจเขาปวดหนึบ

 

 

“หลินหว่าน คุณอย่าเพิ่งโกรธไปเลย แล้วก็อย่าว้าวุ่นใจด้วย เรื่องนี้ผมจะสืบให้ได้ความแน่ชัดเอง” เซียวจิ่งสือพูด สายตาจับอยู่ที่หลินหว่าน

 

 

“พอฉันได้ฟังข่าวนี้ก็รู้สึกโกรธมากเลย แล้วฉันก็ติดต่อกับคนรู้จักในวงการบันเทิง เพื่อสอบถามว่าเรื่องนี้ที่แท้เป็นยังไงกันแน่ ถ้ามีเรื่องแบบนี้จริง ฉันจะไม่ยอมให้อันซิงรังแกได้หรอก แต่ถ้าไม่มี ฉันก็อยากรู้ว่าใครกันที่เป็นคนสร้างเรื่องยุแหย่ครั้งนี้” หลินหว่านพูดเสียงเด็ดเดี่ยว

 

 

เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านอย่างเห็นใจ เขารู้ว่าในวงการบันเทิงมีคนเลวร้ายอยู่มากมาย แต่ในเมื่อหลินหว่านเลือกที่จะเดินเส้นทางสายนี้ เขาก็จะเป็นเพื่อนหลินหว่านเดินไปให้ถึงที่สุด และนี่เป็นฝันของหลินหว่าน ดังนั้นเซียวจิ่งสือจะคอยดูแลเธอตลอดไป

 

 

“หลินหว่าน คุณอย่าวิตกและโมโหไปเลยนะ ผมจะช่วยคุณสืบเรื่องนี้ออกมาให้ได้ ถ้าหากอันซิงคิดจะให้ร้ายคุณจริงๆ ผมจะไม่ปล่อยเธอไปหรอก คุณอย่าให้เรื่องนี้กระทบถึงงานและสุขภาพจิตของคุณเลย ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด คุณไม่ต้องกลัวนะ” เซียวจิ่งสือจ้องตาหลินหว่านพลางพูด

 

 

หลินหว่านมองเซียวจิ่งสือแล้วผงกศีรษะ ทั้งคู่ต่างโอบกอดซึ่งกันและกัน

 

 

ไม่นานนัก ระหว่างที่หลินหว่านถ่ายหนังอยู่นั้น เซียวจิ่งสือก็เริ่มสืบว่าอันซิงได้วางแผนการให้ร้ายหลินหว่านหรือไม่ แน่นอนว่าผลที่ได้คือ อันซิงจะใส่ร้ายหลินหว่านจริงๆ ส่วนแผนการเป็นอย่างไรนั้นเขายังสืบไม่ได้ความชัดเจน เซียวจิ่งสือกำลังพยายามสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดว่าอันซิงมีแผนอะไรมาทำร้ายหลินหว่านกันแน่

 

 

ตอนค่ำ หลินหว่านกลับจากถ่ายหนัง ท่าทางเหน็ดเหนื่อย เดินคอตกเข้ามานั่งลงตรงหน้าเซียวจิ่งสือ

 

 

“หลินหว่าน วันนี้ผมสืบได้ความว่าอันซิงตั้งใจจะใส่น้ายคุณจริงๆ แต่แผนการเป็นอย่างไรผมยังไม่ทราบ คุณอย่ากังวลไปเลย ผมจะรีบสืบจนรู้ได้แน่ พอผมสืบได้แล้ว จะไม่ยอมให้คุณถูกทำร้ายอย่างเด็ดขาด” เซียวจิ่งสือพูดกับหลินหว่านอย่างอ่อนโยน

 

 

“คุณไม่ต้องสืบว่าอันซิงจะสาดโคลนฉันด้วยวิธีการอะไรแล้ว ตอนนี้ฉันรู้แล้ว เธอจะใส่ร้ายว่าฉันเสพยา คุณก็ทราบว่าการเสพยานั้นน่ากลัวขนาดไหนสำหรับศิลปินคนหนึ่ง ถ้าหากเธอทำได้สำเร็จ ฉันคงต้องถูกขับไล่ออกจากวงการบันเทิงไปจริงๆ เมื่อก่อนพวกเราเคยพบเห็นศิลปินที่เสพยาในวงการบันเทิงมาแล้ว ถึงตอนนี้พวกเขาไม่มีใครสักคนที่ได้กลับเข้าสู่วงการอีกเลย สาธารณชนนั้นจริงจังกับกรณีเสพยามากเลยนะ เรื่องนี้ฉันรู้สึกวิตกมาก ยังค่อยๆ ตรวจสอบดูอยู่ค่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากทั้งกายและใจเลยค่ะ” หลินหว่านพูดเสียงเอื่อย นอนตาลอยอยู่บนโซฟา

 

 

หลินหว่านรู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้มใจอย่างมาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมีคนอยากจะให้ร้ายเธอนัก ระหว่างคนกับคนไม่สามารถทำความเข้าใจกันแล้วอยู่กันอย่างสงบหรือไง หลินหว่านไม่เคยแม้แต่คิดว่าจะไปทำร้ายคนอื่น แต่เรื่องนี้กลับตกอยู่ที่เธอ หลินหว่านรู้สึกทุกข์ใจมาก

 

 

เซียวจิ่งสือพูดปลอบเสียงเบา “ผมยังสืบอยู่ว่าอันซิงจะให้ร้ายคุณได้ยังไง คุณก็รู้แล้ว อย่างนั้นต่อไปอันซิงยังจะทำอะไรอีกนะ พวกเราต้องหยุดเรื่องนี้ไว้ให้ได้ อย่าให้เธอทำสำเร็จ”

 

 

หลินหว่านส่ายหน้า หลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง เซียวจิ่งสือจึงไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

ภายหลังหลินหว่านได้ทราบว่าแผนการของอันซิงกำลังคืบหน้าไปทีละก้าว รอสถานการณ์สุกงอม ดูเหมือนอยู่ที่การทำให้เธอถูกมองว่าเสพยา หลินหว่านกังวลใจมาก กลัวว่าพอเผลออันซิงก็จะดำเนินแผนการนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าการได้ชื่อว่าเสพยาเสพติดสำหรับศิลปินแล้ว มันหมายถึงอะไร ข่าวเรื่องเสพยานี้ถ้ากระจายออกไป ต่อให้พิสูจน์ได้ในที่สุด แต่ก็เป็นรอยด่างในภายหลังอยู่ดี