สารภาพ

 

 

 

เมื่อสืบพบว่าอันซิงกำลังเตรียมแผนการใส่ร้ายเธออยู่ หลินหว่านจึงคิดจะใช้โอกาสอันดีนี้เอาคืนอันซิงบ้าง เนื่องจาก เธอไม่ยอมให้อันซิงทำลายความพยายามของเธอที่มีทั้งหมดในวงการบันเทิงหรอก

 

 

“คุณหลินครับ เราได้ตัวคนที่คุณให้พวกเราไปเอาตัวมาแล้ว ตอนนี้พวกเขานำตัวไปที่โกดังเก่าถนนหนานเจีย คุณจะให้ทำอย่างไรต่อไปดีครับ”

 

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากสืบทราบแผนการของอันซิง หลินหว่านก็ได้รับโทรศัพท์ เป็นสายจากพี่จ้าวซึ่งเมื่อวานเธอสั่งให้ไปเอาตัวคนที่จะใส่ร้ายเธอมา

 

 

ดีมาก ยังไม่ถึงวันเลย พวกเขาจับตัวได้แล้ว เชื่อว่าข่าวลือที่จะใส่ร้ายเธอยังไม่ทันได้เผยแพร่ออกไป

 

 

พี่จ้าวนั้นกล่าวได้ว่าเป็นกึ่งชาวแก๊งคนหนึ่ง รับจ้างทำเรื่องนอกกฎหมายให้ใครก็ตามที่มีเงิน และยังเก็บความลับให้ด้วย แน่นอนว่าเงื่อนไขคือคุณต้องมีเงินจำนวนมากพอ

 

 

หลินหว่านยกมุมปากยิ้มเยือกเย็นราวกับเป็นดอกฝิ่นที่งดงามแฝงพิษร้ายชวนหลอน จากนั้นเธอออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “สั่งสอนพวกมันให้รู้สึกสำนึกตัวซะบ้าง เดี๋ยวฉันจะรีบไป”

 

 

“ได้ครับ คุณหลิน” พอได้ฟังน้ำเสียงในสายของหลินหว่าน พี่จ้าวก็เข้าใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

หลังวางสายโทรศัพท์ หลินหว่านก็พรางตัวด้วยการสวมหน้ากากอนามัย แว่นดำและหมวก อีกเดี๋ยวเธอต้องไปทำในสิ่งที่พลาดไม่ได้ ทั้งนี้ไม่อาจให้ใครจำเธอได้เด็ดขาด

 

 

สุดท้าย ก่อนออกไป หลินหว่านพกปากกาบันทึกเสียงด้ามหนึ่งไปด้วย นี่เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เมื่อวานเธอเตรียมไว้แต่แรก อีกเดี๋ยวที่เธอต้องทำ ไม่ใช่แค่ให้พวกที่จะใส่ร้ายเธอหุบปากเท่านั้น!

 

 

โกดังเก่าที่ถนนหนานเจียค่อนข้างห่างไกลผู้คน หลินหว่านต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินทางถึงที่นั่น ตอนใกล้จะถึงที่หมาย เซียวจิ่งสือโทรหาเธอสายหนึ่ง หลินหว่านคิดๆ ดูแล้วไม่ได้รับสายนี้ นอกจากนี้เธอยังปิดเสียงโทรศัพท์ไปเลยด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุอะไรมารบกวนแผนการเอาคืนของเธอ

 

 

พอถึงโกดังเก่า หลินหว่านเดินเข้าไปด้านในหลายก้าว จึงเห็นจ้าวเทียนหลงกับหลายคนที่ถูกมัดอยู่

 

 

หลายคนที่ถูกมัดอยู่นั้นก็คือคนที่คิดจะใส่ร้ายว่าเธอเสพยา หลินหว่านเดินเข้าไปหาพวกเขา เธอมองสำรวจรอบหนึ่ง ตามร่างกายและใบหน้าของทุกคนต่างก็ได้แผลกันมากบ้างน้อยบ้าง คิดว่าก่อนเธอจะมาถึงที่นี่ จ้าวเทียนหลงคงสั่งสอนพวกเขาเป็นอย่างดีแล้ว พอนึกถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกสะใจไม่หาย

 

 

“คุณหลิน สวัสดีครับ ผมได้ทำตามคำสั่งของคุณ สั่งสอนพวกเขาไปรอบหนึ่งแล้ว” จ้าวเทียนหลงเห็นหลินหว่านก่อน เขาเดินเข้ามาหาเธอแล้วพูดกับหลินหว่านอย่างนอบน้อม

 

 

“อื้ม คุณทำได้ไม่เลวนี่” หลินหว่านพูดคล้ายไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่

 

 

“หลินหว่าน? ก…แกคือหลินหว่าน?” ตอนนั้นเอง หนึ่งในคนที่ถูกมัดอยู่เห็นหลินหว่าน ก็เบิกตากว้างร้องตะโกนออกมาอย่างเหลือเชื่อ

 

 

“ใช่! ฉันเอง” หลินหว่านตอบรับโดยไม่ลังเล

 

 

“แกให้คนไปจับพวกเรามาที่นี่งั้นเหรอ ทำไมแกต้องทำแบบนี้ด้วย” เจ้านั่นถามต่อเสียงดัง

 

 

ตอนนั้นเอง คนที่ถูกมัดคนอื่นๆ เห็นหลินหว่านแล้ว ต่างพากันตื่นตกใจมาก จากนั้นพากันข่มขู่หลินหว่านเสียงดัง “หลินหว่าน แกรีบปล่อยพวกเรานะ ไม่งั้นเราแจ้งตำรวจ!”

 

 

“ถ้าแกยังไม่ปล่อยพวกเราอีก รอดไปได้เราจะแฉแกแน่!”

 

 

“งั้นเหรอ พวกแกแน่ใจเหรอว่าพวกแกจะได้รอดออกไปน่ะหือ” หลินหว่านโต้กลับ จากนั้นพูดเสียงเย็นว่า “ดูเหมือนว่าการสั่งสอนเมื่อครู่คงจะยังไม่พอนะ”

 

 

จ้าวเทียนหลงฟังคำพูดของหลินหว่านแล้ว ตั้งท่าจะให้ลูกน้องเขาลงมือสั่งสอนพวกมันอีกรอบ

 

 

พวกที่ถูกมัดอยู่เห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว ต่างพากันตัวสั่นระริกขึ้นมา ไม่เหลือมาดข่มขู่หลินหว่านเมื่อครู่อีก พวกเขารีบร้องขอลนลาน “คุณหลิน พวกเรามีอะไรค่อยๆ พูดค่อยจากันก็ได้ คุณปล่อยพวกเราไปเถอะนะ! คุณจับพวกเรามานี่ต้องการอะไรกันแน่”

 

 

หลินหว่านเห็นเช่นนั้นก็ห้ามพวกจ้าวเทียนหลง “พวกคุณออกไปก่อนเถอะ อย่าให้คนอื่นเข้ามาได้ อ้อ ค้นตัวพวกมันหมดทุกคนแล้วใช่ไหม” หลินหว่านถามพลางกวาดตามองจ้าวเทียนหลงกับลูกน้องของเขา

 

 

“คุณหลิน ก่อนคุณมาถึง ข้าวของทุกอย่างในตัวพวกมันรวมทั้งมือถือ ค้นเอาออกมาหมดแล้วครับ” จ้าวเทียนหลงตอบ

 

 

หลินหว่านรับฟังแล้วผงกศีรษะอย่างวางใจ เธอจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว

 

 

จ้าวเทียนหลงกับลูกน้องออกไปแล้ว หลินหว่านก็ก้าวเข้ามาหาคนพวกนั้น เธอกวาดตามองสำรวจพวกมันก่อนอย่างไม่กลัวเกรง จากนั้นพูดว่า “พวกแกอยากรู้ไหมว่าทำไมฉันจับตัวพวกแกมาที่นี่ ง่ายมาก ฉันได้ยินว่าอันซิงจ้างให้พวกแกมาจัดการฉัน เอาอย่างนี้ ขอเพียงพวกแกบอกแผนการของอันซิงออกมา ฉันจะพิจารณาปล่อยตัวพวกแกไป เป็นยังอย่างไรล่ะ”

 

 

พูดจบ หลินหว่านก็หันไปทางหลายคนนั่น เห็นสีหน้าที่แตกต่างกันไปของพวกมัน ชายสวมแว่นตาที่เป็นหนึ่งในนั้น พูดเสียงอ่อยว่า “คุณหลิน ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่ แผนการอะไร ม…ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก…”

 

 

หลินหว่านฟังแล้วก้าวเข้าหาเขา ถามเสียงเย็น “อ๋อ? ไม่รู้ งั้นเหรอ” พูดจบ เธอก็เค้นเสียงสูงว่า “ดูเหมือนว่าพวกแกยังโดนสั่งสอนไม่พอนะ!”

 

 

“คุณหลิน ฉันพูด! ฉันพูดเอง!” ตอนนั้นเอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง รีบรับปากหลินหว่าน

 

 

“พูดสิ” หลินหว่านมองหญิงคนนั้นอย่างพอใจ

 

 

“ก่อนหน้านี้ไม่นานอันซิงติดต่อฉัน ให้ฉันร่วมมือกับคนอื่นๆ ปล่อยข่าวลือว่าคุณเสพยา ต้องทำจนให้ทุกคนเชื่อให้ได้ อันซิงบอกว่า ครั้งนี้ต้องให้คุณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก เธอยังบอกว่าถ้าทำได้สำเร็จ พวกเราจะได้เงินเยอะมาก” หญิงคนนั้นสารภาพหมดเปลือกทั้งที่ตัวสั่นงักงก

 

 

หลินหว่านฟังแล้วรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ คิดในใจว่า อันซิงนะอันซิง เธอนี่ช่างเป็นนางงูพิษแท้ๆ เลยเชียว แต่ว่า เธอก็รอรับผลกรรมตามสนองเถอะ! หลินหว่านมองผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า “ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?”

 

 

“ม…ไม่มีแล้ว ที่ฉันรู้ก็พูดออกมาหมดแล้ว…” หญิงนั้นตอบ

 

 

“ดีมาก” หลินหว่านพูดกับหญิงนั้นอย่างพอใจ จากนั้นหันไปเค้นถามกับคนอื่นอีก “แล้วพวกแกล่ะ ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ”

 

 

“ผมยอมรับ! ผมยอมรับแล้ว! คุณหลิน!” คนอื่นๆ พอเห็นว่ามีคนบอกแผนการออกมาแล้ว กลัวว่าหลินหว่านจะให้คนสั่งสอนตัวเองอีก จึงรีบแย่งกันสารภาพกับหลินหว่าน

 

 

“อ๋อ พวกแกไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก พูดมาทีละคน” หลินหว่าเห็นเช่นนั้น แค่นหัวเราะอยู่ในใจแล้วบอกพวกเขา

 

 

มีคนหนึ่งรีบแย่งพูดขึ้นว่า “เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อันซิงโทรหาผม บอกให้ช่วงนี้บริษัทของเรากับบริษัทอื่นๆ ร่วมกันกระจายข่าวลือว่าคุณเสพยา พ…พวกเราทีแรกว่าจะไม่รับงานแล้ว ต…แต่ว่าเธอบอกว่าจะจ่ายให้สองเท่าเลย อีกทั้งพวกเราไม่ต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย แค่พวกเราปลุกกระแสข่าวลือนี้ให้มีคนเชื่อยิ่งมากก็ยิ่งดี อันซิงบอกว่าครั้งนี้เธอต้องการที่จะให้คุณไม่ได้ผุดได้เกิดอีก…”