ทันเวลาพอดี
หลังจากนั้น อีกสองสามคนที่เหลือก็ทยอยสารภาพออกมาจนหมดสิ้น พวกเขาอ้อนวอนหลินหว่าน “คุณหลิน พวกเราบอกทุกอย่างที่เรารู้ไปหมดแล้ว คุณปล่อยพวกเราไปเถอะ…”
หลินหว่านแสร้งทำเป็นไม่เห็น ขั้นตอนสำคัญที่สุด ยังไม่ถึงเลยนี่ เธอหยิบปากกาบันทึกเสียงออกมา เธอแอบอัดเสียงไว้ตั้งแต่ตอนพวกเขายอมรับแล้ว คำสารภาพทั้งหมดที่พวกเขาเพิ่งพูดไปก็ถูกบันทึกไว้ด้วย
หลินหว่านเปิดคำสารภาพที่อัดไว้ให้พวกเขาฟัง พวกเขาได้ฟังแล้วต่างก็ตื่นตระหนกตกใจกันไปหมด
หลินหว่านเห็นท่าทางของพวกเขาแล้วพอใจอย่างมาก เธอพูดขึ้นว่า “คำสารภาพในเทปเสียงนี้พวกแกก็ได้ยินกันแล้ว คิดว่าพวกแกคงจะรู้นะว่าคำสารภาพนี้ถ้าถูกส่งขึ้นอินเทอร์เน็ตละก็ จะส่งผลกับพวกแกขนาดไหน”
“ถ้าหากฉันฟ้องร้องพวกแกว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พวกแกว่าศาลจะตัดสินอย่างไรนะ ถึงตอนนั้นพวกแกไม่เพียงจะรักษางานและชื่อเสียงของตัวเองไว้ไม่ได้แล้ว แถมยังจะทำให้บริษัทและคนในครอบครัวต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หลินหว่านพูดช้าๆ ต่อไปอีกว่า “ถ้าบริษัทไล่พวกแกออก พวกแกคิดว่ายังจะหางานอื่นได้อีกเหรอ ฉันว่าน่าจะไม่มีบริษัทไหนยอมรับแกเข้าทำงานแล้วล่ะมั้ง”
“จริงสิ ยังมีความเป็นอยู่ของพวกแก พวกแกก็รู้ดีว่ายุคโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ไม่มีความลับส่วนตัว ขอเพียงข้อมูลของพวกแกถูกขุดคุ้ยออกมา พวกแกรับมือกับกระแสการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตได้ไหมล่ะ ต่อให้ไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็คิดถึงคนในครอบครัวของพวกแกเองก็แล้วกัน…”
หลินหว่านพูดข่มขวัญพวกเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีคนหนึ่งส่งเสียงร้องขอ “คุณหลิน ขอโทษด้วยค่ะ! พวกเราสำนึกผิดแล้ว…คุณ คุณจะให้พวกเราทำอย่างไรคะ”
หลินหว่านชะงักไปขณะหนึ่ง มุมปากยกขึ้น พูดกับพวกเขาเสียงเย็น “ถ้าพวกแกไม่อยากให้เสียงในเทปนี่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตละก็ ง่ายมาก แค่พวกแกทำตามแผนเดิมของอันซิง เพียงแต่ตัวเอกที่เสพยาเปลี่ยนเป็นอันซิงก็พอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันรับรองว่าเสียงในเทปนี่จะไม่โผล่ออกมาต่อหน้าทุกคน”
พูดจบ หลินหว่านก็มองดูพวกนั้นที่กำลังแอบส่งสายตากันไปมา เธอถามอย่างถือไพ่เหนือกว่าว่า “ตอนนี้ พวกแกไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แค่พวกแกตกลงรับปากข้อเสนอเมื่อครู่ของฉัน ฉันก็จะปล่อยตัวพวกแกไปทันที เป็นอย่างไรล่ะ”
“ถ…ถ้าพวกเรา ไม่ตกลงล่ะ” ตอนนั้น ผู้หญิงที่เมื่อครู่เอ่ยปากร้องขอก่อนใครนั้น เอ่ยถามหลินหว่านด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก
ในตอนนี้ หลินหว่านยังไม่รู้ว่าได้ตกหลุมพรางเข้าแล้ว เธอมองดูหญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “ไม่ตกลง? ผลสุดท้ายที่ฉันเพิ่งพูดไปพวกแกคิดกันได้หรือยัง ตอนนี้ ต่อให้พวกแกไม่ตกลง ก็ต้องตกลง…โอ๊ะ…” แต่ว่า หลินหว่านยังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกว่าเธอถูกชนอย่างแรงจากด้านหลัง จนล้มลงกับพื้น
ที่แท้ ผู้หญิงคนเมื่อครู่ตั้งใจดึงความสนใจหลินหว่านมาที่ตนเอง เพื่อให้คนที่ไม่รู้ว่าแอบแก้เชือกที่มัดออกได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ลอบจู่โจมเข้าทางด้านหลัง
“คุณหลิน อย่าบีบบังคับพวกเราให้มากนัก! พวกเราก็ไม่ใช่คนที่จะรังแกกันได้ง่ายๆ !” ชายคนที่ลอบจู่โจมหลินหว่านเห็นเธอล้มลงกับพื้น จึงพูดกับหลินหว่านอย่างโกรธแค้น
“เร็ว! ค้นเอาเทปเสียงในตัวเธอก่อน! ทำลายเทปเสียงเมื่อสักครู่นี้ของเธอก่อน!” คนอื่นพอเห็นเช่นนั้นก็รีบบอกชายคนนั้น โดยไม่สนว่าตัวเองยังถูกมัดอยู่
“ช่วยด้วย! รีบมาเร็ว…” หลินหว่านเห็นดังนั้น ก็พยายามปกป้องเทปเสียงไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับหันไปร้องเรียกจ้าวเทียนหลงที่อยู่ด้านนอกเสียงดังลั่น
แต่ว่าในเวลานั้นกลับไม่มีใครเข้ามา ขณะที่เทปเสียงกำลังจะถูกชายคนนั้นแย่งเอาไป ทันใดนั้นเธอเห็นว่าชายตรงหน้าถูกไม้ฟาดเข้าที่หลังทีหนึ่ง หลินหว่านรีบตะครุบปากกาบันทึกเสียงเอาไว้แล้วยืนขึ้น เธอจึงเห็นว่าคนที่ฟาดจนชายคนนั้นฟุบไปคือ เซียวจิ่งสือ
พอหลินหว่านเก็บปากกาบันทึกเสียงไว้แล้ว พวกของจ้าวเทียนหลงจึงเข้ามาถึง หลินหว่านสั่งพวกเขาให้มัดตัวชายคนนั้นไว้อีกครั้ง
“หว่านหว่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน” เซียวจิ่งสือเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“อีกเดี๋ยวฉันค่อยอธิบายกับคุณนะคะ” หลินหว่านคิดแล้วตอบเซียวจิ่งสือ
พูดจบ หลินหว่านก็มาที่ข้างกายของพวกคนที่ถูกมัด ถามเสียงเย็นเยียบว่า “พวกแกยังคิดจะลอบทำร้ายฉัน ดูท่าพวกแกคงอยากให้เทปเสียงนี้เผยแพร่ออกไปเร็วๆ ! ฉันจะบอกพวกแกให้ ถ้าพวกแกไม่ทำอย่างที่ฉันบอกเมื่อครู่ ตอนนี้ฉันจะให้บทเรียนดีๆ กับพวกแกเลยก็ได้ อยากลองดูไหมล่ะ”
สิ้นเสียงหลินหว่าน เจ้าวเทียนหลงกับพวกลูกน้องก็ทำท่าถูหมัดอย่างเข่นเขี้ยว แล้วเข้ามาประชิดตัวพวกเขา
เจ้าเทียนหลงยังไม่ทันได้ลงมือ พวกนั้นแค่เห็นท่าทางรุกเข้ามาของเขา ต่างก็พากันหวาดกลัวจนตัวสั่นหันมาพูดกับหลินหว่านว่า “คุณหลิน พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรารับปากคุณ! ให้พวกเขาปล่อยพวกเราไปเถอะ! ต่อไปพวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว…”
ใครจะไปรู้ว่าก่อนหลินหว่านจะมาถึงที่นี่ พวกเขาถูกจ้าวเทียนหลงกับพวกรุมกระทืบไปรอบหนึ่งนั้นสาหัสแค่ไหน! ถ้าต้องเจออีกรอบ ไม่รู้ว่าพวกเขายังจะเดินออกไปจากที่นี่ได้เองอยู่หรือเปล่า
พอเห็นว่าชายคนที่เมื่อครู่ลอบจู่โจมเธอก็เอ่ยปากร้องขอด้วย หลินหว่านถามเขาว่า “พวกแกรับปากฉันกันทุกคน แต่จะรู้ได้ยังไงว่าพวกแกจะไม่กลับคำ เหมือนเมื่อครู่นี้ที่แอบลอบทำร้ายฉัน ถ้าพวกแกหลุดออกไปจากที่นี่แล้วไม่ทำตามที่พูดไว้จะทำอย่างไร”
“คุณหลิน พวกเราจะทำตามทีพูดแน่นอน! คุณต้องเชื่อพวกเรา! พวกเรากลับไปแล้วจะทำตามที่คุณพูดทุกอย่างเลย ทำตามแผนเดิมใส่ร้ายอันซิง จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับคุณเลย!” หลายคนนั้นฟังแล้วก็มองกันไปมา จากนั้นพูดกับหลินหว่าน
หลินหว่านสังเกตสีหน้าของพวกเขาแล้ว นิ่งไปครู่หนึ่ง พูดว่า “เอาเถอะ ฉันจะยอมเชื่อพวกแกสักครั้ง ถ้าพวกแกกลับไปแล้ว ไม่ได้ทำอย่างที่ฉันบอก หรือว่าเปิดเผยเรื่องในวันนี้ออกไป อย่างนั้น ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกทุกคนไปแน่!”
“ขอบคุณคุณหลิน วางใจได้ พวกเราไม่ทำอย่างนั้นหรอก!” พวกนั้นได้ฟังคำพูดของหลินหว่าน รีบพากันรับรองกับเธอ
หลินหว่านสั่งให้จ้าวเทียนหลงแก้มัดพวกเขา แล้วคุมตัวส่งพวกเขากลับไป
จนกระทั่งพวกนั้นไปกันหมด เซียวจิ่งสือที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างมาตลอด ค่อยๆ เข้าใจว่าหลินหว่านจะทำอะไร และเป็นดังคาด ตอนหลินหว่านหันมาอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้แทบทั้งหมด
เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว พูดว่า “หว่านหว่าน คุณทำแบบนี้อันตรายเกินไปแล้ว ทำไมไม่ปรึกษาผมก่อนสักนิด”
หลินหว่านลูบจมูก พูดว่า “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่อยากจะใช้โอกาสนี้เอาคืนอันซิงบ้าง จะได้หายแค้น…”
“แต่ถ้าหากผมไม่ได้ตามรอยมือถือของคุณมาทันเวลาพอดี เข้ามาทางประตูหลังของโกดัง จึงพอดีช่วยคุณไว้ได้ คุณเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จะทำอย่างไรล่ะ?” เซียวจิ่งสือคาดคั้นต่อ
“เถอะน่า ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เป็นไรไม่ใช่หรือไง? เซียวจิ่งสือคะ ฉันหิวแล้วค่ะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” หลินหว่านรู้ตัวว่าครั้งนี้เธอบุ่มบ่ามไปบ้าง จึงได้แต่พูดเสียงอ่อนปลอบใจเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสือเห็นแล้วก็ทำอะไรเธอไม่ได้เสียด้วย จึงได้แต่หยุดคำถามคาดคั้นเอากับเธอ กลับไปกับหลินหว่าน
ส่วนคนพวกนั้นถูกเจ้าเทียนหลงกับลูกน้องของเขาควบคุมตัวส่งกลับไปแล้วก็ได้แต่ทำตามคำสั่งของหลินหว่าน ช่วยเธอจัดการกับอันซิง