TQF:บทที่ 642 ลางสังหรณ์เท่านั้น (1)

 

“ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าใครอีกฝ่ายเป็นเทวดามาจากไหนก็แค่สั่งลงไปว่า ใครก็ตามที่ได้เห็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนให้ส่งข่าวกลับมา”

 

เจ้าโถงเงยหน้าขึ้นนิดหน่อย เหม่อมองไปในอากาศ กล่าวเรียบๆ

 

“ใช่ แม้ว่าหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะลึกลับและไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน แต่ก็ต้องมีคนเคยเห็นถึงเวลาเราก็จะรู้ว่าเป็นใครกันแน่” ชายวัยกลางคนพยักหน้า

 

“ตอนนี้อิทธิพลใหญ่ต่างๆอยากรู้สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นใครมาจากไหน และยังมีจำนวนมากถึงเพียงนี้ ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมีสมาชิกอย่างน้อยหลายแสนคน นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยนะ แถมยังปรากฏขึ้นอย่าง่ายดายและลึกลับ ไม่มีอิทธิพลไหนสืบหาเบาะแสได้ เหลือเชื่อจริงๆ”

 

“ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าจะมีมิติวิเศษที่สามารถพกพาได้มั้ย ข้าจำได้ว่าในบันทึกโบราณได้บันทึกไว้ว่า เหล่าทวยเทพและเทพเซียนต่างมีของวิเศษ โดยเฉพาะมิติที่สามารถพกพื้นที่หลายร้อยไร่ไว้แนบกาย แต่ละเผ่ายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในมิติหรือถ้ำวิเศษเหล่านี้ได้ด้วย

 

ชายวัยกลางคนพยายามนึกคำอธิบายที่เขาเคยเห็นในบันทึกโบราณอย่างหนัก “ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูสิ สมาชิกหลายแสนคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและเงียบเชียบในเวลาเดียวกัน ไม่มีอิทธิพลไหนในผืนดินฉางไห่รู้ตัวเลย ประเด็นนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้ว นอกซะจากว่าอีกฝ่ายจะมิติวิเศษหรือถ้ำวิเศษ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางรอดพ้นจากสายตาของอิทธิพลต่างๆได้ “

 

“อีกประเด็นหนึ่งก็คือแหล่งทรัพยากรที่กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจำหน่ายที่เราเพิ่งพูดถึง การขายในปริมาณมากขนาดนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก แล้วพวกเขายังมีทรัพยากรอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดสาย ทรัพยากรส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในผืนดินฉางไห่ของเรา ดังนั้น…”

 

“ดังนั้นเจ้าจึงแน่ใจว่าพวกเขาต้องมีมิติวิเศษหรือถ้ำวิเศษอะไรทำนองนั้น” เจ้าโถงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อด้วยท่าทีเคร่งเครียด

 

ชายวัยกลางคนเหลือบมองศิษย์พี่ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าโถงพลางพยักหน้านิ่งๆ แล้วจึงพูดต่อ “ศิษย์พี่ เมื่อหลายล้านปีก่อนหน้านี้มีเทพเจ้าและเทพเซียนอยู่จริงๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีบันทึกโบราณที่จารึกเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าและเทพเซียนเหลืออยู่ ตำนานกล่าวไว้ว่า ผู้ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังอาจกลายเป็นเทพเซียนหรือเทพเจ้าและออกจากผืนดินฉางไห่ของเราไปแล้ว”

 

“ทุกเขตเมืองและผืนดินก็เป็นเพียงเศษฝุ่นของใต้หล้านี้เท่านั้นแหละ”

 

เจ้าโถงถอนหายใจเบาๆ สีหน้าเศร้าสร้อยและสับสน “วิทยายุทธของพวกเรานับว่าชั้นยอด แต่อายุขัยก็แค่ไม่กี่แสนปีเท่านั้น ส่วนตำนานของเทพเจ้าและเทพเซียนกล่าวไว้ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ได้หลายศตวรรษหรือหลายชาติหลายภพ พวกเราแตกต่างกันเยอะมากๆ”

 

“ศิษย์พี่….”

 

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ชายวัยกลางคนก็นิ่งไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่ศิษย์พี่ตัวเองรู้มากกว่าตัวเองเยอะ เห็นได้ว่าเมื่อหลายล้านปีก่อนที่ผืนดินฉางไห่ยังมีเทพเซียนและเทพเจ้าอยู่ แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่มีโอกาสนี้แล้ว

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาที่ใฝ่ฝันถึงการมีอายุยืนยาวที่สามารถอยู่ได้ถึงวันโลกาวินาศก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวๆ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาก็เสียโอกาสที่จะกลายเป็นเทพเซียนและเทพเจ้าไปซะแล้ว

 

เนิ่นนาน คิ้วของเขาขมวดเป็นปม พลางพูดเสียงขรึม “ศิษย์พี่ชาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสืบที่มาของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนให้ได้ บางทีนี่อาจเป็นโอกาสวาสนาสำหรับพวกเราผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทุกคน

 

“เจ้าหมายความว่า…”

 

เจ้าโถงไม่ได้พูดจนจบ 2 ศิษย์พี่น้องมองหน้ากันและเห็นความหมายที่ต้องการจะสื่อในสายตาของอีกฝ่าย

 

วันที่ 3

 

หยูเฮงน้อยและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั่งสบายๆอยู่บนเก้าอี้ ส่วนคนอื่นพุ่งไปรอบๆด้วยความร้อนใจ อื้มใช่ พุ่งไปรอบๆจริง

 

เพราะวันนี้เป็นวันที่ฟางหมิงเห้อฟื้นฟูกลับมา

 

ไม่ใช่แค่แต่ละคนของบ้านใหญ่ตระกูลฟางที่ตื่นเต้นและเฝ้ารอ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลฟางก็มาอยู่ที่นี่ทั้งหมด

 

ถ้าใช้คำพูดของหยูเฮงน้อยก็ต้องพูดว่า ตาแก่เหล่านี้นี่หน้าไม่อายจริงๆ เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยก้าวเข้ามาในบ้านของบ้านใหญ่เลย ตอนนี้กลับวิ่งเข้าวิ่งออกทุกวัน ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

 

ตาแก่เหล่านี้มาเบียดกันในสวนบ้านที่ทรุดโทรมนี้ทุกวันจริงๆ ที่จริงพวกเขาจัดบ้านใหม่ให้บ้านใหญ่ย้ายเข้าไปอยู่ตั้งแต่วันแรก แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บของฟางหมิงเห้อไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้น 3 วันนี้ทุกคนก็ยังคงอยู่ที่นี่

 

ในเวลานี้ทุกคนเพ่งความสนใจไปที่ห้องของฟางหมิงเห้อ มีแต่หยูเฮงน้อยที่เอาผลไม้จากมิติมานั่งกินและมองผู้คนที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุก

 

ส่วนพวกตาแก่ส่วนใหญ่ก็เพ่งความสนใจไปที่หญิงงาม 2 คนตรงหน้าพวกเขา ราวกับอยากจะเข้ามาคุยด้วยและทักทาย แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมได้ พวกเขาจึงได้แต่เข้าๆออกๆในห้องรับแขกนี้โดยหวังว่าจะดึงดูดความสนใจของหญิงงาม 2 คนนี้ได้

 

แต่พวกเขาก็คงต้องผิดหวังไป ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าๆออกๆอีกกี่ครั้ง 2 สาวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกก็ยังคงอ่านหนังสือและกินผลไม้ต่อไป ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยิ่งไม่หวังว่าพวกนางจะเป็นฝ่ายสนใจพวกเขา

 

“บูมๆๆๆๆ”

 

ทันใดนั้น ท้องฟ้าเหนือเขตบ้านส่วนหนึ่งภายในบ้านตระกูลฟางก็มีการรวมตัวของพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล

 

ความปรวนแปรของพลังวิญญาณที่ท่วมท้นไปทั่วฟ้าดินดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที รวมถึงเหล่าอิทธิพลและพวกตาแก่ในชิงยางด้วย

 

เดิมที 2 วันที่ผ่านมานี้ก็มีเรื่องราวเป็นที่พูดถึงเกี่ยวกับตระกูลฟางมากมาย โดยเฉพาะคุณหนูผู้เป็นญาติ 2 คนของบ้านใหญ่ตระกูลฟางที่เพิ่งกลับมา ว่าพวกนางมีพลังที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญที่สุดคือพวกนางยังเป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์ จึงเป็นที่จับตามองของทุกคนมานานแล้ว

 

เมื่อตระกูลฟางมีเรื่องเกิดขึ้นอีก คนจากสารทิศก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างอยากรู้ว่าที่ตระกูลฟางเกิดอะไรขึ้นอีก

 

ไม่ใช่แค่คนภายนอกที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ผู้คนในตระกูลฟางเองก็มีหลายคนที่ไม่รู้เรื่อง และไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ตาแก่ไม่น้อยที่เฝ้าอยู่ที่นี่แสดงท่าทีทั้งตกใจและดีใจ 1 ในนั้นตะโกนขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กหมิงเห้อกำลังจะบรรลุ”

——————————–