ตอนที่ 458 ฟ้าแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ / ตอนที่ 459 กลายเป็นที่สนใจ

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 458 ฟ้าแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ 

 

 

รอจนทั้งสองสนุกกันพักใหญ่เสร็จแล้ว ฝานเจียวเจียวอยู่ในอ้อมกอดซีเหมินหลงเซี่ยว ยิ้มอย่างพึงพอใจ

 

 

“นึกไม่ถึงว่าองค์ชายหลงเซี่ยวจะเป็นคนตรงเช่นนี้” เธอหมายถึงที่วันนี้ทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันได้ง่ายเช่นนี้

 

 

ซีเหมินหลงเซี่ยวยื่นมือออกมาลูบคลำใบหน้าฝานเจียวเจียว “ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าคุณฝานจะเป็นสาวทันสมัยเช่นนี้ หรือว่าคุณอยากให้ผมทำอะไรให้?”

 

 

หรือฝานเจียวเจียวต้องการใช้วิธีนี้มาบีบเขาให้ทำอะไร หึ คนอย่างเขาซีเหมินหลงเซี่ยวไม่ยอมสยบง่ายๆ อย่างนี้ หรอก

 

 

“ไม่ ไม่ค่ะ องค์ชายหลงเซี่ยวเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ ไม่ต้องการให้คุณทำอะไร มีเพื่อนมากขึ้นก็มีหนทางมากขึ้นเท่านั้นเอง”

 

 

ถ้าได้คนที่มีฐานะและศักยภาพอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวเป็นเพื่อน สำหรับเธอแล้วย่อมเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก

 

 

“อ้อ แล้วคุณฝานจะเป็นเพื่อนกับผมอย่างไร?” ซีเหมินหลงเซี่ยวทำเหมือนฟังไม่เข้าใจ เขายื่นมือไปบีบติ่งหูเธอเบาๆ

 

 

ฝานเจียวเจียวเชิดมุมปากขึ้น ขยับเข้าชิดซีเหมินหลงเซี่ยว ลมหายใจหอมดุจดอกไม้ “แล้วองค์ชายหลงเซี่ยวว่ายังไงคะ?”

 

 

ทั้งคู่ที่เดิมสงบลงแล้วก็เริ่มกอดกันอีก ต่างอารมณ์ร้อนแรงและพอใจกันและกัน ไม่มีการบายเบี่ยง

 

 

คนหนุ่มสาว ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งเจอกัน ย่อมทำตามที่ใจปรารถนา

 

 

เมื่อสามบอดี้การ์ดยืนจนขาแทบชาแล้ว ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ซีเหมินหลงเซี่ยวเปิดประตูออกมา

 

 

จากนั้นฝานเจียวเจียวก็เดินหน้าแดงออกมา ท่าทางน่ารักราวกับลูกแมวที่กินอิ่มแล้ว คนที่ตาแหลมย่อมเดาได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

 

 

บรรดาบอดี้การ์ดย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผ่านการฝึกที่จะไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า

 

 

“เจ้านาย” สองบอดี้การ์มองดูซีเหมินหลงเซี่ยว แล้วมายืนอยู่สองข้างพร้อมกับพูดขึ้น ยืนรออยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม

 

 

ซีเหมินหลงเซี่ยวผงกศีรษะ แล้วหันมามองฝานเจียวเจียว มีรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์บนใบหน้าเขา “คุณฝาน ไม่ต้องไปส่งหรอก ต่อจากนี้ความร่วมมือของเราเริ่มแล้ว”

 

 

“ดีค่ะ คุณซีเหมินเชิญค่ะ” ฝานเจียวเจียวยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วขานรับที่ซีเหมินหลงเซี่ยวพูด

 

 

ฝานเจียวเจียวยิ้มพลางมองคนทั้งสามจากไป แล้วหันกลับเดินเข้าไปในห้อง บอดี้การ์ดเดินตามเธอเข้าไป

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่งอีลั่วเสวี่ยด้วยการช่วยเหลือของมั่วเวิ่นและเฟิงฉี่ ในเวลาไม่กี่วันก็สามารถสกัดสมุนไพรทิพย์ออกมาแล้ว

 

 

“เจ๊ เราสามคนทำงานมาหลายวัน ในที่สุดก็สกัดตัวยาออกมาได้หมดแล้ว ต่อจากนี้ต้องทำอะไรอีก บอกมาเลย” สีหน้าเฟิงฉี่แสดงความอยากรู้

 

 

เขาอยากเห็นจริงๆ ว่าเมื่อยาวิเศษเหล่านี้ผสมเข้าด้วยกันจะเป็นภาพอย่างไร

 

 

อีลั่วเสวี่ยถอนหายใจ “จากนี้ก็เริ่มหลอมยาได้แล้ว แต่ว่าคุณคงได้แต่ดู ไม่อาจร่วมทำได้”

 

 

จากนี้เธอต้องใช้พลังทิพย์เพื่อทำให้ฤทธิ์ยาเหล่านี้ผสมกัน หลอมรวมกัน ซึ่งต่างจากการสังเคราะห์ยาของโลกนี้

 

 

ไม่เพียงแตกต่างกัน เธอยังต้องหาสถานที่กว้างขวางเพื่อทำการหลอมยา เพราะถึงตอนนั้นจะเกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้น

 

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่ได้ดูก็พอแล้ว ผมอยากดูว่าคนโบราณหลอมยาอย่างไร”

 

 

ถึงตอนนี้มั่วเวิ่นก็เดินมา “ฉันดูด้วยได้ไหม?” น้ำเสียงเหมือนเกรงอกเกรงใจ

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “แน่นอนว่าได้ค่ะ แต่พวกคุณต้องหาสถานที่ที่กว้างให้ฉัน การหลอมยาต้องทำข้างนอก”

 

 

“ข้างนอก ข้างนอกจะหลอมยาอย่างไร เอาเครื่องมือพวกนี้ไปใช้ข้างนอกไม่ได้หรอก” สีหน้ามั่วเวิ่นแสดงอาการแปลกใจ ทำอย่างที่ว่าได้หรือ

 

 

“ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพวกนี้ ฉันย่อมมีวิธี” สีหน้าอีลั่วเสวี่ยมั่นใจมาก เครื่องมือทันสมัยเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

ตอนที่ 459 กลายเป็นที่สนใจ 

 

 

“งั้นเราจะหลอมยากันเมื่อไหร่?” เฟิงฉี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว จะหลอมยาแล้ว การหลอมยาที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างไรกันแน่

 

 

อีลั่วเสวี่ยชะงักเล็กน้อย “รอให้ฟ้ามืดกว่านี้อีกหน่อย เราหาสถานที่ที่ค่อนข้างสงบเงียบ ดีที่สุดก็คืออย่าให้คนอื่นพบเห็น”

 

 

“ฉันรู้ที่ ตรงหลังเขามีสวนสมุนไพร มีเพียงตอนกลางวันจึงจะมีคนดูแล พอกลางคืนปกติจะไม่มีคนไปที่นั่น ทั้งที่นั่นยังมีศาลาหลังหนึ่ง ฉันคิดว่าเหมาะที่จะใช้เป็นที่หลอมยา” มั่วเวิ่นคิดแล้วพูดออกมา

 

 

ดวงตาอีลั่วเสวี่ยเจิดจ้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินที่มั่วเวิ่นพูด “อย่างนั้นหรือ ดีมากเลย เรากินมื้อเย็นเสร็จก็ไปกันเลย”

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้หลังจากกินมื้อเย็นแล้ว มั่วเวิ่นก็นำทางอีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ไปที่ศาลาแห่งหนึ่งด้านหลังสำนักแพทย์โบราณ ไม่พบคนอยู่ที่นั่น

 

 

“ฉันจะเริ่มแล้ว” อีลั่วเสวี่ยบอก จากนั้นก็เอาเตาหลอมยาที่ครอบครัวเฟิงฉี่มอบให้ออกมา ส่งพลังทิพย์กระตุ้นบวกกับไฟทิพย์ เตาหลอมยาค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น สุดท้ายกลายเป็นเตาหลอมขนาดเล็กใบหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

 

 

เฟิงฉี่มองจนตาค้าง “เตาใบนี้เป็นของบ้านผมนี่นา คิดไม่ถึงว่าจะวิเศษขนาดนี้ เยี่ยมจริงๆ!” สิ่งที่ตกทอดมาของหลิงเป่าถังไม่ธรรมดาจริงๆ

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “งั้นคุณคงนึกเสียดายที่เอาให้ฉันใช่ไหม?” ถ้าเสียดายล่ะก็เธอพร้อมจะคืนให้เสมอ อย่างไรในแหวนหยกของเธอก็มีเตาหลอมยา แต่ว่าเป็นเตาที่ขั้นสูงกว่า เวลานี้ถ้าเอาออกมาใช้ต้องใช้พลังทิพย์มากเป็นพิเศษ

 

 

เฟิงฉี่รีบโบกมือ “ไม่ ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น เราสกุลเฟิงพูดคำไหนคำนั้น ของที่มอบให้ไปแล้วจะขอคืนได้อย่างไร”

 

 

อีกอย่างเตาหลอมใบนี้อยู่กับสกุลเฟิงมาหลายปีก็เป็นแค่ของสะสม ไม่มีความสามารถที่จะนำมาใช้ สู้เอาไว้กับอีลั่วเสวี่ยไม่ได้ ยังใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเตามีจิตวิญญาณก็คงจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน

 

 

“ฉันพูดเล่นหรอก พวกคุณตั้งใจดูนะ” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็ไม่พูดอะไรอีก เธอตั้งเตาหลอมไว้ ส่วนบนโต๊ะเป็นยาที่สกัดและผสมกันแล้วส่วนหนึ่ง แยกใส่ไว้ในหลอดแก้ว

 

 

อีลั่วเสวี่ยเพ่งสมาธิควบคุมไฟทิพย์ให้เผาเตาหลอมจนร้อนขึ้น จากนั้นจึงหยิบยาขึ้นมา ใส่ลงไปในเตาหลอมทีละชนิด ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

ส่วนเฟิงฉี่และมั่วเวิ่นยืนดูอยู่อีลั่วเสวี่ยอยู่นอกศาลา ไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าจะรบกวนเธอ

 

 

ตัวยาที่เปี่ยมด้วยไอทิพย์ผสมเข้าด้วยกัน ที่สองคนนี้เห็นเป็นไอทิพย์ที่สว่างจ้าขึ้น ที่นี่ไอทิพย์เข้มมาก ยังดูดไอทิพย์ในอากาศเข้าไปด้วย

 

 

“โอ้โห…” ในใจเฟิงฉี่ตื่นเต้นมาก ดูภาพตรงหน้าคล้ายกับที่เห็นในทีวี ไม่ใช่พวกเขาคิดเพ้อฝันไปเอง แต่เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง บางทีในอดีตกาลโลกนี้อาจเป็นเหมือนโลกของอีลั่วเสวี่ยก็ได้ เป็นโลกของผู้บำเพ็ญเพียร

 

 

แต่เพราะการพัฒนาในเวลาต่อมา ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโลกแบบปัจจุบันนี้

 

 

แล้วเห็นอีลั่วเสวี่ยจ้องมองการเปลี่ยนแปลงของเตาหลอมยาอย่างไม่กะพริบตา ขณะนี้ทั้งมั่วเวิ่นและเฟิงฉี่ย่อมไม่รู้ว่าด้วยบทบาทของพลังทิพย์ทำให้ฤทธิ์ยาในเตาหลอมหมุนวนแล้วหลอมเข้าด้วยกัน โอสถทิพย์เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

 

 

พอมาถึงขั้นตอนสุดท้าย อีลั่วเสวี่ยก็ยิ่งไม่กล้าสะเพร่า แม้แต่การหายใจก็พลอยช้าลง เธอค่อยๆ ใช้น้ำยาที่เพิ่งสกัดจากสมุนไพรทิพย์ที่สำคัญที่สุดหยดช้าๆ ทีละหยดลงไปบนโอสถทิพย์ที่เพิ่งก่อรูปขึ้น

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันไอทิพย์รอบๆ เหมือนถูกอะไรบางอย่างดึงดูด เริ่มไหลลงไปในเตาหลอมยาอย่างรวดเร็ว พอทั้งสองคนเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็ถึงกับอ้าปากค้าง