ตอนที่ 460 สวรรค์ทรงเมตตา / ตอนที่ 461 ระยะนี้มีคนนอกมาไหม

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 460 สวรรค์ทรงเมตตา

 

 

ถึงเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่าการหลอมโอสถทิพย์เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เพียงไร มีการรวบรวมพลังทิพย์มากมาย อย่างนี้แล้วยังจะมีโรคอะไรที่รักษาไม่ได้ ดูจากพวกเขาเอง ต่อให้บำเพ็ญเพียรทั้งวัน ก็ไม่สามารถดูดไอทิพย์ได้มากเท่าโอสถทิพย์ ถ้ามีคนหลอมยาแบบนี้ ก็จะเกิดผู้เข้มแข็งมากมาย หรือไม่ก็ทำให้ไอทิพย์บนโลกนี้หดหายไปเร็วขึ้น

 

 

ในเวลาเดียวกันขณะที่อีลั่วเสวี่ยดำเนินการหลอมโอสถทิพย์อยู่ที่นี่ ผู้ที่มีพลังแข็งกล้าบางคนในสำนักแพทย์โบราณก็รู้สึกได้แล้ว

 

 

“ไอทิพย์สั่นไหวรุนแรงอย่างนี้ ใครกันที่กำลังบำเพ็ญเพียร?” ศิษย์ไม่น้อยของสำนักแพทย์โบราณต่างเรียนวิชาแพทย์พร้อมกับฝึกการบำเพ็ญเพียรกับอาจารย์ไปพร้อมกัน แน่ละมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นซึ่งต้องมีพลังทิพย์อย่างเฟิงฉี่จึงจะรับรู้ถึงการไหลของไอทิพย์ในอากาศได้

 

 

เมื่อการไหลของไอทิพย์ในอากาศเร็วขึ้น คนเหล่านี้ก็ยิ่งใจไม่สงบ ไม่สิ ต่างประหลาดใจมากกว่า แล้วทยอยกันลุกขึ้นจากเตียง

 

 

“แม่คุณ ต้องเร็วหน่อยแล้ว มีคนของสำนักแพทย์โบราณเหมือนจะสังเกตเห็นแล้ว” เจ้าลูกบอลเงินทำหน้าที่เป็นยามคอยลาดตระเวน มองเห็นคนมุ่งมาทางนี้แต่ไกล จึงแจ้งให้อีลั่วเสวี่ยรู้ทันที

 

 

น่าเสียดายที่ตัวมันไม่มีพลังทิพย์ ไม่งั้นมันคงช่วยเธอหลอมยาแล้ว

 

 

พออีลั่วเสวี่ยได้ยินก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “เร็วที่สุดอีกกี่นาทีพวกเขาถึงจะมาถึง?”

 

 

“น่าจะสักห้าหกนาที” ปกติใช้เวลาเดินสิบห้านาที แต่ขณะนี้ที่มาที่นี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียร พวกเขาต้องเร่งฝีเท้าแน่นอน อาจจะนานกว่านี้ก็ได้

 

 

พอลูกบอลเงินพูดจบ อีลั่วเสวี่ยก็ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด “ดูแล้วคงต้องทำอย่างนี้แล้ว”

 

 

“ข้าว่าไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก เจ้าให้สองคนนี้ไปขวางไว้ก่อนไม่ได้หรือ ทำไมต้องทำร้าย…ตัวเองด้วย” เจ้าลูกบอลเงินคาดเดาความคิดของอีลั่วเสวี่ยได้ จึงรีบเกลี้ยกล่อมเธอ แต่มันยังไม่ทันพูดจบ อีลั่วเสวี่ยก็ตัดสินใจเลือกแล้ว

 

 

เธอกัดลิ้นตัวเอง แล้วพ่นเลือดที่สะสมพลังทิพย์ไว้ลงไปในเตาหลอมยา พอยาเหล่านี้ถูกเลือดก็เริ่มหลอมรวมกันเร็วขึ้น นับแต่โบราณมาล้วนมีการใช้เลือดเป็นกระสายยา

 

 

ในฐานะที่เป็นนักหลอมยา เลือดของพวกเขายิ่งสามารถเร่งให้หลอมโอสถทิพย์ได้เร็วขึ้น ทั้งยังเพิ่มอัตราการกลายเป็นยาลูกกลอนมากขึ้น แต่การสูญเสียพละกำลังเช่นนี้ จะทำให้ร่างกายอ่อนแอระยะหนึ่ง

 

 

“เจ๊ เป็นอะไรไป” เฟิงฉี่เห็นเช่นนั้นก็ร้อนใจมาก อยากขึ้นไปบนศาลาทันที แต่ถูกมั่วเวิ่นขวางไว้ ขณะเดียวกันอีลั่วเสวี่ยก็โบกมือห้าม พลางสั่นหัว แล้วหลอมยาต่อ

 

 

สองนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลอมโอสถทิพย์สำเร็จแล้ว ไอทิพย์ในอากาศหยุดเคลื่อนไหวแล้ว

 

 

ส่วนอีลั่วเสวี่ยไม่มีเวลาตรวจดูโอสถทิพย์ รีบพุ่งมาที่ตรงหน้ามั่วเวิ่นและเฟิงฉี่จับไหล่ของคนทั้งสอง ชั่วพริบตาก็หายไปจากที่นั่น พอปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ห่างจากสถานที่หลอมยาในระยะเดินสามสี่นาทีแล้ว

 

 

แต่หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่ถึงสามสิบวินาที มีหลายคนทยอยกันมาถึงที่นี่ แต่น่าเสียดาน นอกจากกลิ่นยาจางๆ ในอากาศแล้ว ก็ไม่ใครอื่น

 

 

“ท่านผู้อำนวยการ ท่านอยู่ที่นี่?” หลายคนที่มาทีหลังเห็นผู้อำนวยการสำนักแพทย์โบราณยืนอยู่บนศาลา ยังคิดว่าเขาเป็นคนที่ทำเรื่องนี้ขึ้น

 

 

ผู้อำนวยการหรี่ตาเล็กน้อย ไม่ตอบที่คนเหล่านี้ถาม แต่เดินลงมาจากศาลา เดินรอบศาลาพลางมองดูรอบๆ

 

 

ทุกคนขยับเข้ามาใกล้ พบว่าสมุนไพรที่ปลูกอยู่ใกล้ศาลาเติบโตดีมาก ดูราวกับปลูกไว้ก่อนแล้วหลายปี แต่ที่จริงเพิ่งปลูกสมุนไพรเหล่านี้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

 

 

“มองเห็นอะไรไหม?” ดวงตาของผู้เฒ่าที่ได้รับการเรียกขานว่าผู้อำนวยการฉายปัญญาออกมา มีประกายตื่นเต้นขึ้นในตา ส่วนคนอื่นๆ ต่างชะงักแล้วส่ายหน้า

 

 

“หรือว่าสวรรค์ทรงเมตตา?” นอกจากการมอบให้จากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขานึกไม่ออกว่ามีสาเหตุจากอะไร

 

 

 

 

ตอนที่ 461 ระยะนี้มีคนนอกมาไหม

 

 

อยู่ดีๆ สมุนไพรจะโตเร็วอย่างนี้ในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร ต้องเกี่ยวข้องกับการสั่นไหวของไอทิพย์เมื่อกี้แน่นอน ยังมีศูนย์กลางอยู่ที่ศาลาหลังนี้ น่าสงสัยจริงๆ

 

 

“สวรรค์ประทานความเมตตา? ตรงกับเวลานี้พอดี?” ศาลาหลังนี้ตั้งอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว เมื่อก่อนที่นี่ใช้เป็นที่เก็บน้ำ ด้านหลังมีแหล่งน้ำโดยเฉพาะ จึงได้สร้างศาลา

 

 

สาเหตุที่สร้างศาลาเพราะต้องมีคนคอยเฝ้าป้องกันนกขโมยกินสมุนไพรทิพย์

 

 

ผ่านมาหลายปีแล้วไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดปกติ อีกอย่างเวลานี้ไอทิพย์เลิกสั่นสะเทือนแล้ว ศาลาไม่ปรากฏความผิดปกตใดๆ ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าไม่ใช่เหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติอะไร!

 

 

คำถามของผู้เฒ่าทำให้คนเหล่านี้ไม่พูดอะไร พากันก้มหน้านิ่ง คิดไม่ออกว่ามีสาเหตุจากอะไร ตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ก็ไม่เห็นมีใคร

 

 

ผู้อำนวยการไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินไปที่กลางศาลา ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือไปแตะรอยเปื้อนขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าว เอามือมาจ่อที่จมูกดมดู

 

 

เลือด! เป็นเลือด เลือดคนแน่นอน ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง มีคนอยู่ที่นี่ แต่เป็นใครกันแน่ ถึงกับมีความเร็วเหนือกว่าพวกเขา ออกไปจากที่ก่อนหน้าพวกเขาก้าวหนึ่ง

 

 

ในสำนักแพทย์โบราณแห่งนี้ ไม่มีใครมีพลังฝีมือเหนือกว่าเขา อีกทั้งคนที่พอมีฝีมือบ้างก็ล้วนอยู่ที่นี่ ไอทิพย์ที่ติดอยู่ในเลือดก็ไม่เหมือนไอทิพย์แบบที่พวกเขาฝึกปรือ มียอดฝีมืออยู่ในสำนักแพทย์โบราณ!

 

 

“ท่านผู้อำนวยการ พบอะไรไหมครับ?” คนอื่นๆ มาตรวจดูอย่างละเอียด แต่ไม่พบอะไร

 

 

ผู้เฒ่ากลอกตารอบหนึ่ง “เมื่อกี้มีคนบำเพ็ญเพียรที่นี่ แต่เพราะเราเข้ามาใกล้ ฝ่ายนั้นคงตกใจ ส่งผลกระทบต่อการฝึกปรือ แล้วรีบผละไป เลือดนี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด”

 

 

เขาพูดพลางยื่นนิ้วออกไป คราบเลือดบนนั้นจางมาก แต่ทุกคนสามารถมองเห็นไอทิพย์ที่ตกค้างอยู่

 

 

คนเหล่านี้มองหน้ากันไปมา จะจริงหรือเท็จ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ใครกันแน่ที่สามารถหลบไปจากสายตาพวกเขาได้เร็วเช่นนี้

 

 

“ตามประสบการณ์ของอาจารย์ คนผู้นี้ไม่ใช่คนของสำนักแพทย์โบราณเราเน่” ถ้าเป็นคนของพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องหนี

 

 

“ถ้าไม่ใช่คนสำนักแพทย์โบราณเรา งั้นใครลอบเข้ามาในสำนักเรา เขาคิดจะทำอะไร?” คนที่เหลือได้ยินก็เครียดขึ้นมาทันที กลัวว่าจะมีคนมุ่งร้ายต่อสำนักแพทย์โบราณ

 

 

ผู้อำนวยการสั่นศีรษะ “อาจารย์คิดว่าเขาไม่ใช่ศัตรู ไปตรวจดูซิว่าเร็วๆ นี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในสำนักแพทย์โบราณไหม” สำนักแพทย์โบราณของพวกเขาดูแลอย่างเข้มงวด ถ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรของสำนักแพทย์โบราณแล้วจะเข้ามาไม่ได้ ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรที่จะเข้ามาล้วนต้องได้รับการเชิญจากพวกเขา จึงตรวจสอบได้ง่ายมาก

 

 

“ครับ อาจารย์” มีคนขานรับคำสั่งของผู้อำนวยการ จากนั้นคนเหล่านี้ก็แยกย้ายกันไป

 

 

อีกด้านหนึ่งอีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าหมอกเลือดที่ตนเองพ่นออกไปมีส่วนหนึ่งหยดลงบนโต๊ะในศาลา จนถูกสงสัยแล้ว

 

 

เธอเพิ่งหลอมยาเสร็จทั้งยังใช้วิชาลับพามั่วเวิ่นและเฟิงฉี่หลบออกมา ขณะนี้จึงรู้สึกเลือดลมในทรวงอกปั่นป่วน อาจจะกระอักเลือดออกมาได้ตลอดเวลา แต่เธอกลั้นไว้

 

 

ถ้าเธอกระอักเลือดออกมาเวลานี้ คนพวกนั้นจะตามกลิ่นเลือดมาพบเธอ ที่เธอพ่นออกมาไม่ใช่แค่เลือด ยังมีไอทิพย์ด้วย เป็นพลังทิพย์ที่ได้จากการบำเพ็ญเพียร

 

 

“เจ็ คุณเป็นอย่างไรบ้าง ผมจะพยุงคุณกลับ” เฟิงฉี่เห็นใบหน้าอีลั่วเสวี่ยขาวซีด รู้สึกสงสารรีบประคองแขนเธอ

 

 

อีลั่วเสวี่ยพยักหน้ายื่นเตาหลอมยาที่หดเล็กแล้วให้มั่วเวิ่น เม้มริมฝีปากแน่น เกาะแขนเฟิงฉี่เดินไป