ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****182: ล้อมรอบปีศาจเฒ่า

ด้านบนของสุดของหอคอยลอยฟ้า มันเป็นหอคอยเคลื่อนย้ายที่มีไว้สำหรับศิษย์ชั้นใน มันไม่ได้ใหญ่มาก ขนาดสูงเพียงหนึ่งร้อยฟุตเท่านั้น แต่มีเสาหินมากมายล้อมรอบมันอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจสร้างมันเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้มีผู้ฝึกตนระดับจินตันสามคนอยู่ในสมาธิเพื่อคอยเฝ้าระวัง พวกเขาไม่กล้าละเลยหน้าที่ตนเอง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ใดกล้ารุกล้ำเข้ามา

การป้องกันอย่างแน่นหนาเช่นนี้ไม่ได้กระทำโดยไร้เหตุผล หอคอยลอยฟ้านี้ตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักเสวียนเทียน อีกทั้งศัตรูสามารถแทรกแซงเข้ามาได้ตลอดเวลา ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่สำนักให้ความสำคัญอย่างมาก พวกเขาจำกัดการเข้าใช้งานสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งจัดเวรยามเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันไว้ตลอดทั้งปี

วันนี้เกิดแสงสีเขียวกระพริบจากหอคอยลอยฟ้าที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน ปรากฏชายชราในชุดคลุมสีเขียวออกมา ในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้ เขาดูมึนงง จากนั้นเขาเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมทันทีพร้อมกับมองออกไปที่เสาด้านนอกและเข้าใจทุกอย่างทันที เขากล่าวออกมาอย่างตื่นตระหนก “อา เสาหมื่นมังกรนิทรา! ที่นี่คือสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ?”

เมื่อเขาอุทานออกมา ผู้ฝึกตนระดับจินตันเห็นเขาและจำได้ทันที พวกเขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับตะโกนออกมาพร้อมกัน “ปีศาจเฒ่าเฟิงจากสำนักพันปีศาจ?!”

หลังจากที่ทั้งหมดทราบว่าอาวุโสเฟิงบุกรุกเข้ามา ทั้งสามคนตกใจทันที จากนั้นหนึ่งในสมาชิกร่วมป้องกันตะโกนออกมา “ศัตรูบุกรุก! เปิดการแจ้งเตือน! ป้องกันเสาหมื่นมังกรนิทรา!”

ตามคำสั่งของเขา ทุกคนที่อยู่ภายในหอคอยลอยฟ้าเคลื่อนไหวทันที เจ้าหน้าที่ทุกคนนั้นไม่ใช่บุคคลธรรมดา ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้โง่งม ทั้งหมดปฏิบัติตามคำสั่งทันที

สิ่งแรกที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันกระทำคือสูดหายใจลึก จากนั้นเปิดการใช้งานเสาหมื่นมังกรนิทรา ในขณะที่มันถูกเรียกใช้งาน ปรากฏมังกรนับไม่ถ้วนออกมาเพื่อโจมตีตาเฒ่าเฟิง

แม้ว่าจะรู้สึกหดหู่ในใจ ตาเฒ่าเฟิงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากเรียกใช้งานอุปกรณ์ของตนเอง ในขณะที่เขาปลดปล่อยธงสีดำขนาดใหญ่ออกมา พายุหมุนสีดำหมุนรอบร่างกายเขาไว้เพื่อป้องกัน ในขณะที่หมื่นมังกรนิทราปะทะกับพายุหมุนของเขา มันแตกออกเป็นชิ้น ๆ โดยที่ตาเฒ่าเฟิงไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหมื่นมังกรนิทรา ตาเฒ่าเฟิงทำได้เพียงป้องกันเท่านั้น เขาไม่อาจโต้กลับได้

ผู้ฝึกตนคนอื่นที่อยู่ในหอคอยลอยฟ้าก็เริ่มโจมตีด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยปราณจิตวิญญาณของตนเองเพื่อทำการคุมขังล้อมรอบตาเฒ่าเฟิงไว้อย่างสมบูรณ์ เช่นกัน ตาเฒ่าเฟิงไร้หนทางหลบหนีอย่างสมบูรณ์

ในขณะเดียวกันระฆังเตือนภัยได้ดังขึ้นแล้ว ซึ่งความดังของมันนั้นสนั่นไปทั่วสำนักเสวียนเทียน เหล่าศิษย์มากมายจากทั่วทุกแห่งเริ่มวิ่งมารวมกัน เพื่อค้นหาผู้บุกรุก จ้าวสำนัก ภรรยา และนักบวชฮัวอวิ๋นไม่ล่าช้า พวกเขานำพาผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งหมดตามมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อทั้งสามคนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาพอใจกับภาพตรงหน้าอย่างยิ่ง

ในตอนแรกพวกเขาทั้งหมดคิดว่าถูกรุกรานโดยกองทัพขนาดใหญ่จึงรีบวิ่งมาอย่างสุดชีวิต ในตอนท้ายพวกเขาเห็นตาเฒ่าเฟิงยืนอยู่เพียงผู้เดียว อีกทั้งยังเป็นคนที่พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี แต่กลับมาติดกับดักมังกรหมื่นนิทราภายในสำนักเสวียนเทียน แม้ว่าเขาจะมีสามเศียรหกกรก็ไร้ประโยชน์! มันคล้ายกับการไล่จับเต่าที่อยู่ในขวดแก้ว แถมเต่าตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก!

จ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นเริ่มหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสถานการณ์ที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตาเฒ่าเฟิงกลับรู้สึกร้องไห้อยู่ภายใน!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” นักบวชฮัวอวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวถากถาง “ฮ่าฮ่า นี่ไม่ใช่ตาเฒ่าเฟิงงั้นหรือ? แล้วลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่? หรือว่าลมพัดแรงไปหน่อยเจ้าเลยมาอยู่ที่นี่?”

ใบหน้าของตาเฒ่าเฟิงกลายเป็นสีเขียวแต่ไม่สามารถตอบโต้ได้

จ้าวสำนักเข้าร่วมถากถางด้วยอย่างสนุกสนาน “สหายเฟิงมาอยู่ที่นี่เพื่อดื่มชากับข้างั้นหรือ? เจ้าอยู่ในอารมณ์แบบไหนกัน?”

สุดท้ายแล้วตาเฒ่าเฟิงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไปเขาคำถามออกมาอย่างอดกลั้น “มีแต่พวกสารเลวเท่านั้นที่อยากร่วมดื่มชากับเจ้า! ข้าถูกส่งมาที่แห่งนี้โดยเจ้าไขมันบัดซบ!”

“ว่าอะไร?” ในขณะที่พวกเขาได้ยินเช่นนั้น รู้สึกผิดแปลกทันที

จ้าวสำนักถามออกไปอย่างรวดเร็ว “ไขมันบัดซบ? เจ้าไม่ได้หมายถึงอ้วนน้อยใช่หรือไม่?”

“แล้วผู้ใดจะสามารถกระทำการบัดซบได้เท่ามันอีกล่ะ?” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวอย่างขื่นขม

ในขณะที่ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขางงงวยและเริ่มมองหน้ากัน

ภรรยาจ้าวสำนักถามต่อ “บุตรของเราทำอะไรกับท่าน? ทำไมถึงได้เกลียดชังเขามากมายขนาดนี้?”

“มัน… มันกล่าวว่าจะมอบแก่นศิลาสายลมให้กับข้า แต่ว่ามันกลับแอบซ่อนยันต์เคลื่อนย้ายระดับต่ำเอาไว้ภายใน ข้าไม่ได้ตรวจสอบให้ดีและใส่ปราณจิตวิญญาณลงไปเพื่อตรวจสอบว่ามันเป็นศิลาของจริงหรือไม่ จากนั้นข้าก็ติดกับดักและถูกส่งมาที่นี่!” ตาเฒ่าเฟิงไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาระบายออกมาอย่างโกรธแค้นพร้อมกับน้ำตาที่แทบไหลอาบสองแก้ม

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขารู้แล้วว่าความตายเท่านั้นที่รอคอยเขาอยู่ ถ้าหากเขาต่อสู้อย่างสุดกำลังและตายภายในเงื้อมมือของนักบวชฮัวอวิ๋นและจ้าวสำนักเสวียนเทียน เขายังไม่รู้สึกแย่มากเท่านี้ แต่ปัญหาก็คือผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเดินเข้าไปติดกับดักของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิเช่นเจ้าอ้วน! แล้วเขาจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาโกรธจัดจนน้ำตาไหลอาบแก้ม

หลังจากจ้าวสำนักได้ยินว่าเขากล่าวอะไร เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่เคยคาดหวังว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขายังพบเห็นว่าเจ้าอ้วนยังคงอยู่ในสำนักเสวียนเทียน แล้วเขาจะออกไปพบปะตาเฒ่าเฟิงได้อย่างไร?

ดังนั้นจ้าวสำนักจึงกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “เจ้าพบอ้วนน้อยที่ไหน? แล้วนอกเหนือจากเจ้ามีผู้ใดอยู่ที่นั่นอีก?”

“เหอะ!” ในขณะที่ตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มชั่วช้าและกล่าวว่า “ข้าบอกได้เพียงว่ามีศิษย์ข้าอีกสองคนระดับจินตันอยู่ที่นั่น หึ ถึงแม้ว่าข้าจะตายตกอยู่ตรงนี้ แต่โอกาสที่ไขมันบัดซบจะมีชีวิตรอดได้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น!”

จ้าวสำนักและภรรยาตกใจทันที “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาจะต้องออกจากสำนักเสวียนเทียน?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น ยังมีบุตรสาวของเจ้าและฉุ่ยจิ้งอีกด้วย แม้ว่าชายชราผู้นี้จะตาย แต่ว่าข้าจะมีเพื่อนร่วมเดินทางไปนรกด้วยกันถึงสามคน! ฮ่าฮ่าฮ่า” อาวุโสเฟิงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวของเขาถูกคุกคามโดยผู้ฝึกตนระดับจินตัน จ้าวสำนักและภรรยากังวลและเริ่มสอบปากคำทันที “สารเลว! พูดออกมาว่าบุตรสาวของเราอยู่ที่ใด!”

“ฮ่าฮ่า พวกเขาอยู่สักที่ในเทือกเขาใหญ่แห่งนี้และกำลังค้นหาบางอย่าง!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นว่าเขาคิดอย่างไร จ้าวสำนักและภรรยารู้ได้ทันทีว่าตาเฒ่าเฟิงไม่ได้ตอบคำถาม เขารู้ว่าจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปจึงคิดที่จะพาเด็กทั้งสามลงเหวไปกับเขาด้วย

เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวสำนักโกรธจัดพร้อมกับหยิบดาบบินของตนเองออกมา “โจมตีพร้อมกัน แต่ห้ามให้มันตาย ความตายง่ายเกินไปสำหรับมัน!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาเรียกใช้งานดาบพร้อมปลดปล่อยลำแสงออกมา

ภรรยาจ้าวสำนักที่ยืนอยู่ด้านข้างโกรธจัดเช่นกัน นางหยิบเอาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีออกมานับร้อยลูก ในขณะนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นไม่รอช้า เขาใช้ทุกอย่างที่มีเช่นกัน เพราะเกรงกลัวว่าความล่าช้าของเขาจะทำให้ราคาที่ต้องจ่ายคือชีวิตของหงหยิงและฉุ่ยจิ้ง

จ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นโจมตีอย่างบ้าคลั่ง การโจมตีที่รุนแรงของพวกเขาตัดผ่านพายุหมุนที่ปกป้องร่างกายของตาเฒ่าเฟิงไว้อย่างง่ายดาย ยิ่งกังวลเกี่ยวกับบุตรสาวของตนเองมากเท่าไหร่ การโจมตีของภรรยาจ้าวสำนักยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น นางยิงสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีออกไปราวกับมันเป็นก้อนหินไร้ค่า แม้ว่าพลังของธงสีดำจะสามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายดาย แต่ในเวลานี้มันกลับไม่สามารถต้านทานสิ่งใดได้และพังทลายลงอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งมังกรหมื่นนิทราที่ถูกควบคุมโดยผู้ฝึกตนระดับจินตันนับสิบคนโจมตีไปที่ตาเฒ่าเฟิงอย่างไร้ความปราณี ทุกสิ่งอย่างคล้ายกับพายุลูกใหญ่กำลังพุ่งเข้าไปหาเขา

ด้วยพลังของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสามคนกับพลังของมังกรหมื่นนิทรา พลังอำนาจนั้นอยู่เหนือกว่าที่ทุกคนจะสามารถจินตนาการได้ เกิดลำแสงสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้า ทุกสิ่งอย่างระเบิดออกมาเกิดเสียงดังสนั่น

แม้ว่าตาเฒ่าเฟิงจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีก็ยังไม่อาจป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้ สมบัติวิเศษที่เขาใช้แตกหักลงทั้งหมด ในตอนสุดท้ายแม้แต่ธงสีดำของเขายังถูกทำลายโดยสายฟ้าของภรรยาจ้าวสำนัก

เนื่องจากธงสีดำของเขาถูกทำลาย ตาเฒ่าเฟิงบาดเจ็บสาหัสทันที จ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นหยุดการโจมตีทุกอย่างทันทีเพื่อต้องการที่จะให้เขามีชีวิตอยู่

หลังจากที่จับกุมเขาได้แล้ว จ้าวสำนักกล่าวกับตาเฒ่าเฟิงอย่างกระวนกระวายใจ “เจ้าจะพูดออกมาหรือไม่ หรือว่าเจ้าจะพูดหลังจากที่ถูกถลกหนังออก?”

ไม่ว่าอาวุโสเฟิงจะปากแข็งและเอาแต่ใจมากเพียงใด เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถทนทุกข์ทรมานจากการถลกหนังทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ นอกจากนั้น ในตอนนี้ผ่านมาแล้วประมานหนึ่งชั่วโมงและต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่จ้าวสำนักจะเดินทางไปถึงสถานที่แห่งนั้น ดังนั้นเขาคาดว่าจ้าวสำนักคงจะไปถึงเพียงเพื่อพาศพของทั้งสามคนกลับมาเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดเผยสถานที่ทันที “ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ฮ่าฮ่า พวกเขาทั้งสามอยู่ที่เทือกเขาเขียวด้านทิศตะวันตก เจ้าสามารถไปพบพวกเขาได้ที่นั่น!”

“เทือกเขาเขียว? พวกเขาไปทำอะไรที่นั่น?” จ้าวสำนักถามกลับ

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าเพียงพบพวกเขาทั้งสามโดยบังเอิญเท่านั้น!” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้โกหก?” จ้าวสำนักคำรามออกมา

“มันก็เรื่องของเจ้า ถ้าหากว่าไม่เชื่อข้าก็ช่างปะไร!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมา

“เจ้า!” จ้าวสำนักโกรธจัดจนเลือดลมขึ้นหน้า

ในขณะนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นกระโดดออกมาพร้อมกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินมาว่าไขมันบัดซบกำลังติดตามเบาะแสของครอบครัวตนเองในสถานที่สุดท้ายที่พวกเขาหายไป! ถ้าหากข้าจำไม่ผิด ครอบครัวของเขาหายไปในเทือกเขาเขียวทางด้านทิศตะวันตก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างเข้าใจเรื่องราวทันที “อย่าบอกนะว่าเขาไปสถานที่แห่งนั้นเพื่อค้นหาซากศพของบิดาและมารดา?”