ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
บทที่****183: ร่วมมือกัน
“ข้าเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น!” จ้าวสำนักพยักหน้าพร้อมกับตำหนิ “เจ้าอ้วนไม่ได้บอกอะไรกับเราก่อนที่จะออกไป อีกทั้งยังลักพาตัวบุตรสาวของข้าไปอีกด้วย! แน่นอนว่าข้าจะถลกหนังของเขาถ้าหากพบเจอกัน!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาโยนตาเฒ่าเฟิงลงบนพื้นพร้อมทั้งบินออกไปยังภูเขาเขียวพร้อมกับภรรยา
นับตั้งแต่สำนักถูกบุกรุก นักบวชฮัวอวิ๋นรีบจัดผู้คุ้มกันเพิ่มเติมทันที
สถานการณ์ฝ่ายเจ้าอ้วน ทั้งสามคนรู้สึกสดชื่นมาเมื่อตาเฒ่าเฟิงถูกส่งออกไป แม้ว่าระดับการฝึกฝนของพวกเขาจะด้อยกว่าแต่พวกเขานั้นครอบครองสมบัติวิญญาณอยู่ในมือซึ่งมีถึงสามชิ้น อีกทั้งฉุ่ยจิ้งยังสามารถทำนายอนาคตได้ แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้
ในขณะนั้นผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งสองคนยังคงไม่หายจากสภาวะตกใจ ผู้ฝึกตนชุดคลุมสีดำกระวนกระวายพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “เจ้าตัวบัดซบทั้งสามกล้าทำเช่นนี้กับอาจารย์ของข้าได้อย่างไร!”
“ฮี่ฮี่ ไม่ใช่พวกท่านงั้นหรือที่ล่อลวงพวกข้าก่อน?” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แต่พวกท่านทำได้อย่างไรที่ปิดกั้นการมองเห็นของฉุ่ยจิ้ง?” เจ้าอ้วนถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าเขาจะดูใจเย็นมากเมื่อครั้งที่ปลอบใจฉุ่ยจิ้ง แต่เขาไม่ได้กล่าวอย่างจริงใจมากนักเพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
หลังจากที่ได้ยินว่าเจ้าอ้วนพูดอะไร ฉุ่ยจิ้งเปลี่ยนแปลงสีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้ทันที
หลังจากที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ยินดังนั้น ผู้ฝึกตนชุดคลุมเขียวกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะเย็นเฉียบ “ที่จริงแล้วพวกเจ้าเป็นเพียงกบที่ว่ายวนอยู่ในอ่างน้ำ อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าไม่ทราบว่ามีอุปกรณ์ที่สามารถปิดกั้นการทำนายได้?”
“ปิดกั้นการทำนาย?” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางสว่างขึ้นพร้อมกับเข้าใจทันที “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของยันต์ไม้เป็นสมบัติวิเศษของสำนักพันปีศาจซึ่งสามารถปิดกั้นการทำนายได้ มันไม่มีความสามารถอื่นนอกจากปิดกั้นการพยากร!”
“อา ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะรู้มากเช่นนี้!” ผู้ฝึกตนชุดคลุมดำกล่าวพร้อมหัวเราะ “มันคือเครื่องบรรณาการจากสำนักอื่น ไม่ว่าใครจะสวมใส่มันอยู่จะทำให้สามารถหลบหนีจากการพยากรของเจ้าได้!”
“อา ใช่แล้ว ช่างน่าสงสารที่อุปกรณ์นี้มีค่ามากเกินไปอีกทั้งยังไม่มีใครรู้ถึงวัสดุที่ใช้ปรับแต่งมัน มันมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นบนโลกใบนี้! ตอนนี้มันอยู่กับอาวุโสเฟิงที่ลานของสำนักเสวียนเทียน ดังนั้นแปลว่าท่านทั้งสองจะไม่สามารถรอดพ้นจากการทำนายของข้าได้!” ฉุ่ยจิ้งหัวเราะเบาๆ
“เหอะ! ข้าสองพี่น้องเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นกลางและกำลังเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิสามคนในตอนนี้ พวกเจ้าเป็นเพียงขนมสำหรับข้าเท่านั้น!” ผู้ฝึกตนชุดคลุมเขียวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “วันนี้ข้าจะจับพวกเจ้าทั้งสามเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับอาจารย์ของเราที่ยืนอยู่ในสำนักเสวียนเทียน!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ทั้งคู่แยกออกจากกัน ผู้ฝึกตนด้านซ้ายถือดาบใหญ่สีดำ ผู้ฝึกตนด้านขวาถือแส้มังกรสีเขียว
ในขณะที่ฉุ่ยจิ้งเห็นเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างสงบ “ศิษย์พี่ถ้าหากพวกมันรวมตัวกันนับว่าเป็นภัยกับเราอย่างมาก ท่านสามารถแยกเขาออกจากกันได้หรือไม่?”
“ข้าจะพยายามแต่ข้าไม่อาจถูกขัดจังหวะได้!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างเขร่งขรึม
“เข้าใจแล้ว!” ฉุ่ยจิ้งพยักหน้า จากนั้นนางโบกมือพร้อมเรียกใช้งานกระดองเต่าดำพร้อมกับเหรียญชะตาฟ้าดินเพื่อเปิดการทำนายทันที
สำหรับผู้ฝึกตนระดับจินตันที่เห็นภาพตรงหน้า พวกเขาจะยอมให้นางทำตามใจได้เช่นไร? พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกับเริ่มโจมตีพร้อมกัน
พวกเขายิงลำแสงจิตวิญญาณลงบนพื้นเป็นการเรียกใช้การปิดกั้น ปรากฏแสงสีดำออกมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งสามคนติดอยู่ในความมืดอีกครั้ง ความมืดไม่เพียงแต่ปิดกั้นการมองเห็นของพวกเขาเท่านั้น มันยังจำกัดสัมผัสวิญญาณของพวกเขาทั้งสามอีกด้วย สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือแสงสีดำเหล่านี้จำกัดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขา
แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งสองคน แสงสีดำเหล่านั้นไม่ส่งผลกระทบกับเขาเลย พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระพร้อมทั้งรับรู้การเคลื่อนไหวของทั้งสามได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทั้งสามจึงเปิดการโจมตีทันทีที่พวกเขาเรียกใช้งานแสงสีดำ
ทั้งสองคนยกมือขึ้นส่งดาบสีดำยาวร้อยฟุตไปยังฉุ่ยจิ้ง พร้อมทั้งแส้สีเขียวก็มีเป้าหมายคือฉุ่ยจิ้งเช่นกัน
ชัดเจนว่าทั้งสองกลัวความสามารถในการทำนายของนาง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงคิดจะสังหารนางก่อน
แต่ทั้งสองคนประเมิณความสามารถของทั้งสามน้อยเกินไป ในขณะที่กำลังจะโจมตี ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างสงบ “ศิษย์พี่ปกป้องเราด้วย!”
ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาโยนระฆังทองแดงออกไปอย่างไม่ลังเล ระฆังขยายออกยาวกว่าร้อยฟุตและสูงราวสามร้อยฟุต ปกป้องทุกคนไว้ภายในนั้น
ในเวลาถัดมาการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับจินตันก็มาถึงเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นสองครั้ง ชั้นลมทองแดงถูกร่อนออกไปบางส่วนประมานสิบฟุตซึ่งชั้นลมทองแดงนั้นไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยหลุมลึก
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำลายเปลือกนอกของระฆังได้ แต่ว่าไม่อาจเจาะเข้าไปถึงตัวระฆังได้ การโจมตีเหล่านั้นถูกสะท้อนกลับอย่างแรง
หลังจากที่การโจมตีถูกสะท้อนกลับ ฉุ่ยจิ้งตะโกนออกมาราวกับว่านางมองเห็นเหตุการณ์ภายนอก “โจมตีพร้อมกัน!”
ตามคำสั่งของนางเจ้าอ้วนโบกมือขึ้นเพื่อยกระฆังออกจากร่างกายของพวกเขา
ภายใต้การปกป้องของกระดองเต่าดำ ฉุ่ยจิ้งเรียกใช้งานเหรียญชะตาฟ้าดิน ด้วยท่าทางที่สวยงามพวกเขาทั้งหมดโจมตีไปที่ผู้ฝึกตนชุดคลุมเขียว
สำหรับหงหยิงนางเรียกใช้งานกระบี่เฟิ่งหมิง ตามด้วยเสียงของมันเกิดแสงสีทองพุ่งออกไป เป้าหมายของมันคือผู้ฝึกตนชุดคลุมดำ
ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัวการป้องกันของระฆังทองแดงอย่างมาก พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าระฆังลมทองแดงพังๆจะสามารถป้องกันพลังของสมบัติวิเศษได้ สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเกินไป ภายใต้สถานการณ์ปกติระฆังทองแดงควรจะถูกทำลาย แต่ในวันนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน
เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งสองคนไม่อาจตั้งรับได้ทัน พวกเขากระเด็นออกไปตามแรงการโจมตี แต่ในขณะนั้นเหรียญชะตาฟ้าดินและกระบี่เฟิ่งหมิงเป็นสมบัติวิญญาณ ซึ่งแสงสีดำที่ปกคลุมพวกเขาไว้ป้องกันได้เพียงสมบัติวิเศษเท่านั้น ภายใต้การนำของฉุ่ยจิ้งแม้ว่าจะมีอุปสรรคคือความมืดแต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เล็ดลอดสายตาของนางไปได้เลย
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคือผู้ฝึกตนระดับจินตัน การโจมตีเช่นนี้ไม่อาจสังหารพวกเขาได้ ดาบสีดำพร้อมกับแส้สีเขียวกลับคืนสู่มือของเจ้านายมันโดยที่ไม่อาจโจมตีฉุ่ยจิ้งและหงหยิงได้เลย
แต่ในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของเจ้าอ้วนได้ เจ้าอ้วนขึ้นไปอยู่ด้านบนของระฆังพร้อมกับร่อนลงบนพื้น จากนั้นเขายกมือขึ้นพร้อมกับใส่ยันต์วิญญาณลงไป และทุบลงที่ด้านบนระฆังอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ คลื่นเสียงวิ่งเข้าไปถึงแกนกลางของโลกและน่าเกรงขามอย่างมาก แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ว่าสามารถวัดความรุนแรงของมันได้จากฝุ่นที่คลุ้งไปทั่วพื้นที่ พื้นดินทั้งหมดถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แบบพร้อมกับแสงสีดำที่จับกุมทุกคนไว้นั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าแสงสีดำได้หายไป ผู้ฝึกตนระดับจินตันตกใจอย่างมาก ฉุ่ยจิ้งและหงหยิงรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
ในตอนนี้แม้ว่าแสงสีดำจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งสองจะยอมรามือ ภายใต้สถานการณ์ปกต ผู้ฝึกตนระดับจินตันย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ผู้ฝึกตนระดับจินตันหนึ่งคนสามารถจัดการกับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิได้ถึงสิบคน อีกทั้งในตอนนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันสองคนกำลังแลกเปลี่ยนอยู่กับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิสามคนเท่านั้น กล่าวก็คือพวกเขาได้เปรียบ
ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ได้เกรงกลัวสิ่งใดอีกทั้งยังหัวเราะออกมา ผู้ฝึกตนชุดคลุมเขียวกล่าวออกมาว่า “เจ้าเด็กน้อยเอ๋ยอย่าได้เย่อหยิ่งเกินไปนัก แม้ว่าเราจะปราศจากแสงสีดำแล้ว แต่ว่าเราสามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสามตายตกไปได้ในวันนี้!”
“ฮ่าฮ่า ไร้สาระ!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย “ถ้าหากเราเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิที่ครอบครองสมบัติวิเศษ ท่านทั้งสองสามารถต่อสู้กับบุคคลเช่นเราได้นับสิบ แต่ในเวลานี้พวกข้ามีสมบัติวิญญาณในมือถึงสองชิ้น ซึ่งมันไม่ง่ายนักที่พวกท่านจะเอาชนะเรา!”
“เหอะ! ความสามารถของสมบัติวิญญาณสามารถแสดงพลังของมันได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น พวกเจ้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น วันนี้พวกข้าสองพี่น้องจะส่งเจ้าไปสู่นรกและครอบครองสมบัติเหล่านั้นเอง!” ผู้ฝึกตนชุดคลุมดำกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“กล้าหาญยิ่งนัก! เจ้าคิดว่าสามารถเอาชนะพวกเราได้งั้นหรือ?” หงหยิงกล่าวออกมา จากนั้นนางหันไปถาม “ศิษย์พี่ฉุ่ยจิ้ง เราควรต่อสู้อย่างไร?”
เจ้าอ้วนรีบกล่าวออกมา “ศิษย์น้องได้โปรดแนะนำด้วย! ตราบใดที่เราสามารถจัดการถังขยะสองใบนี้ได้ ข้ายินดีฟังเจ้า!” แน่นอนว่าเจ้าอ้วนและหงหยิงเชื่อถือในการพยากรของฉุ่ยจิ้งและทั้งสองยินดีที่จะให้นางเป็นผู้นำ
ในขณะนั้นทั้งสองฝ่ายต่างกล้าหาญและไม่มีใครคิดยอมแพ้ ดังนั้นฉุ่ยจิ้งจึงไม่กล้าที่จะประมาทพร้อมกล่าวออกมาว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นศิษย์น้องคนนี้ขอออกกำลังสั่ง ศิษย์พี่โปรดจัดการกับหนึ่งในนั้น หงหยิงและข้าจะร่วมมือกันจัดการกับอีกคนหนึ่ง! เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเราจะกลับมาช่วยศิษย์พี่!”