บทที่ 877 ความปลอดภัยของแม่และเด็ก

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 877 ความปลอดภัยของแม่และเด็ก

เมื่อเห็นจอนสีขาวของพ่อ ฉินเทียนก็ลังเลอยู่เล็กน้อย แล้วกระซิบว่า “เรื่องทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว คุณก็อย่าเสียใจมากนักเลย”

“ผมรู้ว่า แม่ของผมเป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์ และความปรารถนาสูงสุด ก็คือให้พวกเรามีชีวิตที่ดี”

ฉินฉีใช้แรงตบไปที่แขนของฉินเทียน แล้วทนต่อความตื่นเต้นไว้พลางกล่าวว่า “ตกลง!”

“พวกเราจะมีชีวิตที่ดี!”

“รอให้ซูซูคลอดลูกมาแล้ว พวกเราค่อยไปไหว้หลุมศพแม่ของลูกด้วยกัน”

ฉินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “คุณอยากจะลองกลับไปที่บ้านด้วยกันกับผมไหม?”

“เย็นมากขนาดนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”

ฉินฉีหัวเราะยกใหญ่ “ก่อนหน้านี้เป็นพ่อที่เรียกให้ลูกกลับบ้านกับพ่อ ตอนนี้เริ่มเป็นลูกที่เรียกพ่อกลับบ้านเสียแล้ว”

“ไม่เลวเลย ลูกชายโตมากแล้ว ต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว”

“เพียงแต่ว่า ไม่ต้องหรอก”

“ตอนนี้ซูซูกำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต หากพ่อไปก็มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวายเสียเปล่า ลูกรีบกลับไปเถอะ”

“พ่อก็ต้องรีบกลับไป รอข่าวของลูกกับท่านนักบวช”

“ตกลง!”ฉินเทียนไม่ได้ดึงดันอีก

ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะแก้ไขความเข้าใจผิดกับฉินฉีได้ แต่ทว่าเหินห่างกันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงไม่ค่อยสะดวกใจอยู่บ้างเล็กน้อย

นอกจากนี้ การรักษาโรคให้กับซูซู ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้!

เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน ฉินเทียนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกระซิบถามว่า “มีสามเรื่อง ที่ผมอยากจะถามสักหน่อย”

“เรื่องแรก ในปีนั้นปู่และอาเล็กของผมเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แล้วคุณรู้ไหมว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?”

“เรื่องที่สอง คุณรู้หรือไม่ อันที่จริงแล้วฉินเปียวได้เข้าร่วมกับวิหารเทพสังหารมานานแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในสิบแปดเทพสังหารอีกด้วย”

“เรื่องที่สาม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิหารเทพสังหาร คุณรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน?”

เมื่อได้ยินคำถามทั้งสามข้อนี้ สีหน้าของฉินฉีก็เปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้นมาทันที

ไม่เพียงแค่การแสดงออกนี้เท่านั้น ฉินเทียนก็รู้ได้ในทันที ด้วยคำถามทั้งสามข้อนี้ ฉินฉีจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน

แม้ว่าจะไม่ได้เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทว่าน่าจะรู้ความลับบางอย่างอย่างแน่นอน

หัวใจของฉินเทียน กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง

เขาอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องที่ฉินเปียวเข้าร่วมวิหารเทพสังหาร คงจะไม่ใช่เพราะทำไปตามเจตนารมณ์ของพ่อหรอกนะ?

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น มันจะอธิบายอะไรได้อีก?

ฉินฉีก็เป็นคนของวิหารเทพสังหาร?

ถึงอย่างไรมันกลับทำให้ฉินเทียนรู้สึกว่า การใช้ชีวิตอย่างสันโดษบนภูเขาของฉินฉีนี้ ดูเหมือนคนสมรรถะและไม่คุยถึงเรื่องโลกภายนอก แต่ทว่า คนผู้นี้ไม่ง่ายอย่างนั้นอย่างแน่นอน

ลูกชายคนโตของตระกูลฉินเก่า ในนามที่เป็นเจ้าบ้าน จะเป็นคนที่ง่ายดายได้อย่างไร

ฉินฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มอย่างคลุมเครือพลางกล่าวว่า “พ่อรู้บ้างเล็กน้อย”

“แต่ว่าตอนนี้ไม่อาจบอกลูกได้”

เมื่อเห็นฉินเทียนกำลังจะโกรธ เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวเทียน ในฐานะของผู้สืบทอดตระกูลฉินเก่า เป็นลูกชายคนโตและหลานคนโต แต่ทว่าสำหรับเรื่องในตระกูลฉินเก่าเหล่านี้ กับลูกที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นคนนอกอย่างสมบูรณ์แล้ว”

“พ่อสามารถบอกลูกได้แค่ว่า มีความลับบางอย่าง ที่มีเพียงเจ้าบ้าน หรือผู้สืบทอดเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รู้ได้”

“อยากรู้หรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวลูกเองแล้ว”

ฉินเทียนงงงัน

สิ่งนี้เท่ากับฉินฉีได้เอาคำถามโยนกลับมา หากเขาต้องการที่จะรู้ความลับให้มากกว่านี้ ก็จะต้องกลายเป็นศูนย์กลางของตระกูลฉิน

มีเพียงแต่ต้องเป็นผู้สืบทอดหรือเป็นเจ้าบ้านถึงจะสามารถรู้เรื่องราวได้ ซึ่งมันสามารถจินตนาการได้ว่า ความลับนั้นจะเป็นเรื่องอะไร

นี่เป็นการตบตาของฉินฉีที่จะเชิญเขากลับไป

ฉินเทียนเงียบไป

“ไม่รีบ”

“เรื่องเหล่านี้ ไม่รีบร้อนอะไรเลย จากนี้หากมีเวลาก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป”

ฉินฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องหนึ่งได้ จึงกล่าวว่า “ในเมื่อลูกถามเรื่องเหล่านี้ เช่นนั้นพ่อจะไม่ถือสาแล้วบอกข่าวลูกข้อหนึ่ง”

“ลูกรู้หรือไม่ว่าพ่อกับท่านนักบวชอายุยืนเห็นคำใบอะไรจากหนังสือโบราณนั้น?”

“นั่นก็คือคำใบเรื่องโรคของซูซูที่นำมาสรุปวิธีการรักษาจากนี้ไป”

“อะไรหรือ?”ฉินเทียนรีบร้อนถามขึ้น

“มีประโยคที่ว่า : สายเลือดเทพสังหาร ความเจริญของลูกแลกชีวิตแม่”

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”ฉินเทียนราวกับโดนตีแสกหน้า

ฉินฉียิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก และรีบพาราชาถงจิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ฉินเทียนที่ถูกทิ้งเอาไว้ ตะลึงจนตัวแข็งทื่อ ท่ามกลางดวงตาของเขาคู่นั้น ต่างเต็มไปด้วยความตกใจอย่างหาที่สุดไม่ได้

สายเลือดเทพสังหาร ความเจริญของลูกแลกชีวิตแม่…จากความหมายตามประโยคข้างต้นนี้ ก็คือ ทายาทแห่งสายเลือดเทพสังหาร ความเจริญรุ่งเรืองของลูก แลกมากับการเสียชีวิตของมารดา…

หรือว่า…

ข้อมูลนี้ใหญ่มากเกินไปแล้ว เขาไม่กล้าที่จะเอามาคิดง่าย ๆ!

“พี่เทียน ประธานซูหมดสติไปอีกแล้ว พี่รีบกลับไปดูเถอะ!”

หลินเซวี่ยพุ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ตื่นตกใจ

อะไรนะ?

ฉินเทียนได้สลัดความคิดทั้งหมดของเขาออกไป ดุจดั่งสายลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่ง แล้วรีบพุ่งกลับไป

ซูซูหมดสติไปอีกครั้งเนื่องจากสูญเสียเลือดลม ฉินเทียนฝั่งเข้มให้เธอรอบหนึ่ง เพื่อฟื้นคืนเลือดลม และช่วยทำให้นางฟื้นขึ้นมา

“ที่รัก คุณมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”

“ฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้วใช่หรือไม่? บอกฉันมาเถอะ ฉันไม่กลัวหรอก”

เมื่อมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หญิงสาวที่อ่อนแอ ฉินเทียนก็รู้สึกราวหัวใจถูกมีดกรีด

เขากัดฟันกรอด จู่ ๆ ก็ไม่อยากที่จะไปทดลองสูตรยาที่ฉินฉีและท่านนักบวชค้นคว้าออกมานั้นแล้ว

สูตรยานั้นเดิมแล้วแค่ทดลองเท่านั้น อีกทั้งยังไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถรักษาซูซูให้หายได้ หากรักษาไม่หาย ไม่ใช่ว่าจะให้ซูซูได้รับความทุกข์ทรมานโดยเปล่าประโยชน์หรือ?

เข้าฝืนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะบอกคุณแล้วกัน”

“หมอบอกว่า ลูกของพวกเรามีปัญหา เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว”

“พรุ่งนี้พวกเราไปหาหมอกัน ไปผ่าตัด แล้วเอาเขาออกไปดีไหม?”

“คุณพูดอะไร?”

“ไม่!”

“ฉันไม่เชื่อ!”

ไม่รู้ว่าซูซูนั้นเอาความแข็งแกร่งมาจากไหน ทันใดนั้นก็ใช้แรงทั้งหมดผลักฉินเทียนออกไป ท่าทางของเธอในตอนนี้ ราวกับสัตว์ร้ายตัวเมียที่ได้รับฟังสิ่งที่น่าตื่นตกใจ

ฉินเทียนก็ไม่คาดคิดว่า ปฏิกิริยาตอบสนองของซูซูจะมากถึงเพียงนี้ และในเวลานี้ ก็ได้แต่อ้าปากค้าง และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

“ฉินเทียน คุณพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ นี่คุณโกหกฉันใช่ไหม?”

“ฉันไม่ต้องการผ่าตัด ฉันต้องการลูก!”

เธอพูดขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “ฉันอุ้มท้องเขามายากลำบากขนาดนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเริ่มขยับอยู่ในท้องของฉัน ฉันก็รับรู้ได้ถึงชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตหนึ่งนี้”

“ตอนนี้คุณอยากจะเอาเขาออกไป ไม่สู้ฆ่าฉันเสียดีกว่า!”

มีคำกล่าวที่ว่า ผู้หญิงตอนเป็นสาวจะอ่อนแอ พอเป็นแม่เธอจะแข็งแกร่งดังเหล็กกล้า

ท่าทางของซูซูในเวลานี้ มองดูแล้วช่างทั้งอ่อนปวกเปียกยากที่จะช่วยเหลือ และทั้งค้านหัวชนฝาจริง ๆ

เนื่องจากอาการตื่นเต้น ทำให้ลมหายใจของเธอถี่เร็ว และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำอย่างคนป่วย

ฉินเทียนตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบเข้าไปกอดเธอไว้ แล้วปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวล ท่ามกลางความสิ้นหวัง จึงได้พูดถึงเรื่องโรคที่แท้จริงของแม่ตัวเองออกมา

เพียงแต่ว่า เรื่องที่เพ้อฝันว่าเป็นสายเลือดเทพสังหารนั้น ได้ข้ามไปไม่กล่าวถึง

เดิมทีคิดว่า หลังจากที่ซูซูได้ยินแล้ว อาจจะเปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ และให้ความร่วมมือเอาเด็กออก

ใครจะไปรู้ว่า เธอจะเงียบลงไปอย่างไม่คาดคิด

หลังจากที่ผ่านไปนาน จึงได้กล่าวราวกระซิบขึ้นมาว่า “แม่ของคุณเป็นผู้หญิงที่ดีมากจริง ๆ เพื่อลูกแล้ว เธอยอมที่จะเสียสละตัวเอง”

แล้วรอยยิ้มที่น่าหลงใหลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เหตุใดฉันถึงจะไม่สามารถเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมได้กันล่ะ?”

“เหมือนกับแม่ที่ยอดเยี่ยมคนนั้นของคุณ”

“ที่รัก เด็กคนนี้ ฉันตัดสินใจแล้ว คุณต้องรับปากฉัน ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม และไม่ว่าจะสถานการณ์ใด คุณก็จะต้องช่วยฉันรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ให้ได้”

“เช่นนี้ ฉันก็จะตายตาหลับแล้ว”

ขณะที่พูดนั้น เธอก็หลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา หยดน้ำตาคริสทัล ที่ส่องแสงแวววาวแล้วสะท้อนออกมานั้นล้วนแล้วแต่คือความรักของแม่

ฉินเทียนจ้องมองเธออย่างเลื่อนลอย ราวกับว่าได้มองเห็นแม่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนของตัวเอง

“ตกลง!”

“ผมรับปากคุณ!”

“เช่นนั้นคุณก็จะต้องเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง และจะต้องให้ความร่วมมือในการรักษาด้วย”

“เพราะว่า ผมไม่เพียงแต่ต้องการลูก และผมก็ต้องการคุณมากกว่าด้วย”

“มันขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ฉันไม่เชื่อว่า จะมีเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อยู่ในโลกนี้ด้วย!”

“ต่อให้ผมจะต้องจะทลายฟ้า ก็จะปกป้องคุณสองแม่ลูกให้ปลอดภัยให้ได้!”

ในวินาทีนี้ เขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญแล้ว!

แววตาที่แน่วแน่ ดูเหมือนว่าเขาต้องการใช้กำลังของตัวเอง เพื่อยกท้องฟ้าที่กำลังจะพังทลายขึ้นไป!