TB:บทที่ 137 วิถีชีวิตของปีศาจ

“นายท่าน ผมพาเธอมาแล้วครับ” ในสี่คนที่กำลังอุ้มตู๋เสวี่ยอยู่ มีชายคนหนึ่งได้ก้มหัวแล้วเอ่ยขึ้น ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงที่เปล่งออกมาถึงได้ดูหวาดกลัวขนาดนี้

ชายที่นั่งอยู่บนเตียงพยักหน้าตอบ “ดี ไปได้แล้ว”

ชายทั้งสี่คนวางตู๋เสวี่ยลง จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ไปปลุกเธอสิ” ชายคนนั้นโยนขวดลายครามขนาดเล็กที่มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง จากนั้นก็หันไปสั่งหญิงสาวทั้งสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง

 

ผู้หญิงคนหนึ่งรีบเก็บขวดเล็กๆที่เขาโยนลงมาไป จากนั้นก็เดินไปหาตู๋เสวี่ย เธอเปิดฝาเล็กๆที่ปิดขวดอยู่ออก จากนั้นก็เอาไปวางใกล้ๆจมูกของตู๋เสวี่ย

กลิ่นจากขวดลายครามทำให้ตู๋เสวี่ยค่อยๆลืมตาขึ้น

เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ชายที่อยู่บนเตียง และภาพทุกอย่างภายในห้อง เธอจึงมีสีหน้าหวาดกลัวออกมา

เมื่อเห็นว่าตู๋เสวี่ยได้ลืมตาตื่นแล้ว หญิงสาวทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่เตียงแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้ง หญิงสาวที่ถือขวดลายครามขวดเล็กยกมือขึ้น แล้วส่งขวดลายครามขวดเล็กคืนให้ชายคนนั้น

ชายคนนั้นลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินลงไป

 

ท่อนล่างของชายคนนั้นถูกปกปิดด้วยผ้าขนหนูสีขาว ส่วนสูงของเขาเกือบถึง 190 เซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งและสมบูรณ์แบบ มัดเนื้อทุกมัดตามร่างกายของเขาเด่นชัด ราวกับมีพลังระเบิดซ่อนอยู่ข้างใน

ชายคนนั้นเดินไปหาตู๋เสวี่ย เขาก้มลงไปมองตู๋เสวี่ยอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าเขากำลังตรวจสอบสินค้าอยู่ยังไงอย่างนั้น

 

ตอนนี้สีหน้าของตู๋เสวี่ยเริ่มหม่นหมอง ถึงเธอจะได้สติดีแล้ว แต่ร่างกายของเธอก็ยังคงอ่อนแอ และไม่เหลือเรี่ยวแรงเลย เวลานี้ สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงร้องขอความเมตตาจากชายคนนี้เท่านั้น “ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลย”

ชายคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวเลยสักนิด เขายังคงจ้องมองตู๋เสวี่ยด้วยความระมัดระวัง

ในตอนนั้นเองที่เฉินหลงได้เห็นหน้าตาของชายคนนั้นผ่านสายตาของตู๋เสวี่ย ชายคนนั้นหล่อมาก หล่อถึงขนาดว่าเป็นปีศาจก็ยังหล่อเลยอ่ะ แต่ถึงจะหล่อขนาดไหน ก็ยังหล่อน้อยกว่าผมอยู่ดี

 

เดิมที เฉินหลงอยากจะใช้เครื่องดักจับตรวจสอบข้อมูลของชายคนนี้ แต่ในครั้งนี้ เฉินหลงไม่สามารถใช้เครื่องดักจับค้นหาตัวตนของชายคนนี้ได้เลย เรื่องนี้ทำให้เขาตกตะลึงไปเลย

“ห๊ะ เป็นไปได้ยังไงละเนี่ย? อย่าบอกนะว่าพังแล้ว?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

‘ข้อมูลของเป้าหมายไม่ได้ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เลยสักเครื่อง ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถทำการระบุตัวตนของเขาได้’ ในตอนนี้ ระบบอัจฉริยะในเครื่องดักจับก็ได้ให้คำตอบต่อเฉินหลงในทันที

สุดท้าย เครื่องดักจับก็ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง เพราะในโลกนี้ยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถทำการค้นหาได้อยู่

 

หลังจากที่เขามองดูตู๋เสวี่ยอยู่ประมาณห้านาที ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แสดงความพึงพอใจออกมาผ่านใบหน้าของเขา “ครั้งนี้ ไอ้พวกขยะทำได้ไม่เลวเลย ได้เด็กบริสุทธิ์ของจริงแบบนี้มา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกบ้าง กว่าจะหาสาวบริสุทธิ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อตกลงแบบนี้มาได้นี่ยากชะมัด”

“คุณ ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย ที่บ้านของฉันยังมีแม่ที่ป่วยและรอฉันกลับไปดูแลอยู่ ได้โปรด…” ตู๋เสวี่ยที่น้ำตาเอ่อล้นออกมารีบขอร้องและอ้อนวอนคนตรงหน้า “ถ้าคุณต้องการเงิน ฉันจะให้เงินทั้งหมดที่ฉันมีเลย ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย”

ชายคนนั้นจ้องหน้าตู๋เสวี่ยด้วยความสนใจอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่ารายละเอียดของ ‘ของ’ ที่ถูกจับได้ในครั้งนี้ เป็น ‘ของ’ ที่ดีที่สุด

 

“เงิน? เธอคิดว่าฉันสนใจเงินเหรอ? ถ้าให้ไปนับเงินที่ฉันมี ฉันนับมันไม่ไหวหรอกนะ สิ่งที่ฉันต้องการคือเธอต่างหาก ที่ฉันต้องการเธอเพราะเธอสามารถช่วยฉันในการฟื้นพลังให้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องแม่เธอ โทษทีนะ แต่ฉันคงต้องบอกว่าแล้วแต่เวรแล้วแต่กรรมแล้วล่ะ”

ในตอนนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนั้นได้เผยรอยยิ้มบ้าคลั่งออกมาเล็กน้อย

“หวังฮง ครั้งที่แล้วแกทำให้ฉันเจ็บตัว ถ้าฉันฟื้นพลังได้เมื่อไหร่ ฉันจะทำให้แกได้ชดใช้ในสิ่งที่แกทำให้สาสมเลย!”

 

จากนั้น ชายคนนั้นก็หันไปพูดกับผู้หญิงสองคนที่นั่งคุกเข่าอีกครั้ง “พวกเธอ พาเธอไปอาบน้ำแต่งตัวให้ดีๆซะ คืนนี้ฉันจะเอาใจเธอสักหน่อย”

พูดจบ ชายคนนั้นก็เดินออกจากห้องไปทันที

หลังจากที่ชายคนนั้นออกไปแล้ว หญิงสาวทั้งสองที่อยู่ในโอวาทของชายคนนั้น เดินไปหาตู๋เสวี่ย แล้วเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าของตู๋เสวี่ยออก

 

เห็นสถานการณ์แบบนั้นแล้ว เฉินหลงคงทนดูต่อไปไม่ได้อีก ชายคนนั้นเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก เป็นอย่างที่คนนี้พูด พูดยังไงก็เป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เขาบอกว่าตัวเองจะเอาใจตู๋เสวี่ย แน่นอนว่าอนาคตไม่มีทางมีเรื่องแบบนั้นเกิดแน่ๆ ไอ้หมอนี่ไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากที่ไหนกันละเนี่ย?

ว่าแต่ ชายคนนี้สามารถหนีจากเงื้อมมือของหวังฮงมาได้ แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ดูเหมือนว่าหลังจากลงจากเครื่องแล้ว เขาคงต้องติดต่อกับหวังฮงเป็นอันดับแรก

 

“พี่สาวทั้งสองคน ทำไมพี่ต้องช่วยไอ้สารเลวนั่นด้วย? ฉันนึกว่าพี่โดนมันจับมาซะอีก ทำไมเราหาโอกาสแล้วหนีไปด้วยกันล่ะ?” ตู๋เสวี่ยที่ขยับตัวไม่ได้ ยังคงไม่ยอมแพ้ต่อการเกลี้ยกล่อมทั้งสองคน

คำพูดของตู๋เสวี่ยทำให้ใบหน้าของผู้หญิงสองคนฝืนยิ้มขมขื่นออกมา หนึ่งในนั้นตอบว่า “หนีเหรอ? เธอคิดว่าเราจะหนีได้จริงๆเหรอ? ทุกคนที่นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของปีศาจตัวนั้น ถ้าเธออยากหนีจริงๆ มันยากกว่าขอให้ตัวเองได้ขึ้นสวรรค์อีกนะ อย่าโทษเราเลย ถ้าคิดจะโทษก็โทษตัวเองเถอะ เฮ้อ ชีวิตเราก็บัดซบเหมือนกันนั่นแหละ”

 

“คนที่นี่ อย่างน้อยต้องมีสักคนที่มีโทรศัพท์แน่ๆ เราโทรแจ้งตำรวจให้มาจับพวกมันที่นี่ดีไหม?” ตู๋เสวี่ยยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างไม่ยอมแพ้

หญิงสาวคนหนึ่งส่ายหน้า จากนั้นก็ตอบอีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง “เปล่าประโยชน์ เราไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ถึงเราจะได้โทรศัพท์มือถือมาแล้วโทรแจ้งตำรวจ แต่พวกเขาไม่รู้ตำแหน่งของที่นี่อยู่ดี แถมตำรวจพวกนั้นอาจจะคิดว่าเราเป็นพวกแกล้งโทรไปหลอกตำรวจอีกก็ได้”

เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวคนนั้นแล้ว หัวใจของตู๋เสวี่ยก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แล้วอย่างนี้ใครจะช่วยเธอได้ล่ะ?

 

หลังจากเฉินหลงลงจากเครื่อง เขาไปส่งจี้โม่ซีที่วิลล่าของตัวเอง จากนั้นก็ติดต่อไปหาหวังฮงผ่านเกาเฟิงเซียวในทันที

“นี่ นายหมายความว่า นายรู้ที่อยู่ของมันอย่างนั้นเหรอ?” หลังจากฟังเรื่องราวต่างๆของเฉินหลงแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของหวังฮงก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักผู้ชายคนนั้นจริงๆด้วย

เฉินหลงพยักหน้าตอบ “ครับ ผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“เข้าใจแล้ว พาฉันไปหามันเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ปีศาจตัวนี้ นอกจากจะใช้ชีวิตในโลกนี้แล้ว ยังทำให้ผู้คนมากมายต้องพบเจอกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอีกด้วย” หวังฮงลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หลังจากนั้น เฉินหลงและหวังฮงก็ได้ออกเดินทางไปยังรังปีศาจในทันที

 

ระหว่างทาง หวังฮงได้บอกให้เฉินหลงรู้ว่า ‘อี้หยาง’ คือชื่อของชายคนนั้น เขาเคยเป็นมือขวาของผู้อาวุโสที่มีวถีชีวิตของปีศาจ เมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นอี้หยางกล้าลงมือสังหารผู้นำของประเทศจีน ในฐานะผู้คุ้มกันของท่านผู้นำ หน้าที่ของหวังฮงคือปกป้องผู้นำให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ด้วยเหตุนี้สงครามครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้น ในตอนนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองคือขอบเขตพลังลมปราณ(ปลดปล่อยลมปราณเป็นพลัง)​ ความสามารถของหวังฮงที่ได้เปรียบกว่าของอี้หยางเล็กน้อย ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาจับตัวมันไว้ไม่ได้ มันถึงได้หลบหนีไปด้วยเคล็ดวิชาลับ

 

ในศึกครั้งนี้ หวังฮงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่มันก็เป็นความโชคดีในการเปลี่ยนแปลง หลังจากการรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเลื่อนจากขอบเขตพลังลมปราณ เป็นครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ในปัจจุบัน

หลังจากที่อี้หยางหนีไป เขาก็ได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ หวังฮงยังคงต้องการฆ่าชายคนนี้อยู่ตลอด แต่เขากลับตามหาตัวมันไม่เจอเลยสักที่ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะได้ข่าวเกี่ยวกับมัน คราวนี้มันไม่มีทางหนีจากเขาไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง

 

“ราวกับว่าทะเลในโลกนี้ลึกเสียจริง ถึงหนทางของปีศาจจะน่าพิศวงขนาดไหน แต่โลกที่น่าอัศจรรย์แบบนั้น ถ้าผมได้เข้าร่วมด้วย มันต้องทำให้เขาตกใจกว่าเดิมแน่” หลังจากได้ยินเรื่องราวของหวังฮงแล้ว ในใจของเฉินหลงในตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์และความปราถนาอันแรงกล้า

ด้วยความที่อยากจะเซอร์ไพรส์เฉินหลง หวังฮงถึงกับใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารบินไปยังซูตูเลยทีเดียว

 

สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหวังฮงและเฉินหลงก็มาถึงซูตู

ในตอนนี้ ที่วิลล่าถูกห้อมล้อมโดยหน่วยรบพิเศษจากกองทัพ

เฮลิคอปเตอร์ได้ลงจอดห่างจากวิลล่าไม่ไกลนัก หลังจากที่เฉินหลงกับหวังฮงก้าวเท้าลงจากเครื่อง เฮลิคอปเตอร์ได้บินออกไปจากตรงนั้นเพื่อไปเติมเชื้อเพลิงในทันที

พวกเขาเดินตรงไปยังวิลล่าโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพักเลยแม้แต่น้อย