TB:บทที่ 138 สารเลว
หวังฮงเดินไปยังประตูเหล็กของวิลล่า เขาใช้มือข้างหนึ่งออกแรงผลักประตูเหล็กเบาๆ จากนั้นประตูเหล็กที่แข็งเหมือนกับรถบรรทุกก็พังลงมาในทันที
ในตอนที่ใครบางคนใช้กำลังบุกเข้าไปข้างในนั้น บอดี้การ์ดชุดดำในวิลล่าก็รีบพุ่งเข้าใส่เฉินหลงทีละคน เนื่องจากมือปืนของประเทศจีนนั้นแม่นยำมาก ส่วนบอดี้การ์ดพวกนี้มีแค่ไม้กระบองอยู่ในมือเท่านั้น
“พวกแกกำลังทำอะไร? ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว รีบออกไปดีๆ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไร้เมตตา”
“ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
……
กลุ่มบอดี้การ์ดที่มีมากกว่าสิบคนพุ่งเข้าหาเฉินหลง แต่พวกเขาก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน
ทันใดนั้นหวังฮงก็ได้ทำท่าส่งสัญญาณ ห่างออกไปไม่ไกลจากพวกเขาหน่วยพิเศษที่ซุ่มอยู่นั้นก็ได้รับคำสั่งในทันที หลังจาที่ทำการกล็อคเป้าหมาย พวกเขาวางตำแหน่งนิ้วไว้ที่ไกปื่นสไนเปอร์ แล้วงอนิ้วในทันที
ทันใดนั้นบอดี้การ์ดแปดคนจากทั้งสิบกว่าคนถูกยิงเข้าอย่างจัง
หลังจากผ่านไปแค่ห้าวินาทีหลัง บอดี้การ์ดที่ถูกยิงก็หมดสติล้มตึงลงไปกองที่พื้นในทันที
ส่วนที่บอดี้การ์ดที่เหลืออีกเก้าคนที่เห็นพรรคพวกอีกแปดคนที่จู่ๆก็ล้มลงไปอย่างไม่มีสาเหตุ จึงหยุดชะงักในทันที
ในเวลาเดียวกัน หน่วยซุ่มยิงก็ได้ยิงกระสุนออกไปที่บอดี้การ์ดที่ยืนนิ่งอยู่อีกรอบ
ในเวลานี้ มีเพียงใบหน้าของบอดี้การ์ดที่ได้เปลี่ยนเป็นสีซีดเพราะความหวาดกลัว ขาของเขาเริ่มมีอาการสั่น จากนั้นกางเกงที่เขาสวมใส่อยู่ก็เริ่มชื้น แถมส่งกลิ่นยูเรียไหลออกมาจากเรียวขาทั้งสองอีกต่างหาก
ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจสุดขีดที่เห็นพวกพ้องล้มลงไปกองพื้น
“อ๋า!”
ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงได้ร้องออกมาทันที
มีเพียงบอดี้การ์ดคนเดียวเท่านั้นก็ได้ยินเสียงของเฉินหลง เขาทำอะไรไม่ถูกเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ตอนนี้เขาหวาดกลัวเฉินหลงมาก ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวจากนั้นก็เป็นลม…
“เสี่ยวเฉิน นายเก่งมาก นายเกือบจะเก่งเท่ากับจางเฟย*ที่อยู่บนฉางปานโปแล้วนะเนี่ย” ในตอนนี้หวังฮงที่อารมณ์ดีสุดๆกำลังพูดหยอกล้อเขาอยู่
จากนั้น เขาก็ตะโกนไปทางวิลล่า “อี้หยาง ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน รีบออกมาแล้วก็รีบๆตายซะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! คิดไม่ถึงเลยว่า ฉันซ่อนตัวอยู่ที่นี่มาตั้งห้าปี ในที่สุดแกก็หาฉันเจอ แต่ว่าฉันสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ฉันแทบไม่ออกจากบ้านมาตั้งห้าปี ฉันอยากรู้ว่าแกหาฉันเจอได้ยังไง? “
เมื่อประตูของวิลล่าเปิดออก อี้หยางเดินออกมาจากข้างใน แต่เขาถืออะไรบางอย่างที่เหมือนกับเครื่องควบคุมไว้ในมือของเขา
“สิ่งนี้เรียกว่า ‘ตาข่ายแห่งสวรรค์’ มันมีขนาดใหญ่แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะเล็ดลอดผ่านมันไปได้ คนอย่างแกไม่มีทางหนีมันไปได้ จากนั้นฉันก็จะทำการสังหารแกซะ” หวังฮงจ้องหน้าอี้หยางอย่างดุเดือด
คนในเหมยชิงเต่านอกจากจะทำลายความรู้สึกของตัวเองแล้ว ยังจะทำลายความรู้สึกคนอื่นอีกด้วย เหมยชิงเต่าเป็นองค์กรแอลไคดา และสมาชิกของพวกมันเป็นผู้ก่อการร้ายทุกคน
ไม่ว่าอี้หยางจะลอบสังหารผู้นำหรือไม่ แต่ตราบใดที่เขาเป็นคนในเหมยชิงเต่า เขาก็จะจัดการสังหารมันทีละคน
อี้หยางเหยียดยิ้มออกมาผ่านใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วตอบว่า “สวรรค์? หวังฮง นายนี่นอกจากจะแก่แล้วยังไร้เดียงสาอีกด้วยสินะ ถ้ามีชายชรายืนอยู่ตรงนั้น แล้วถ้าเขาดูถูกพวกเรา มีหวังเขาได้ตายเพราะถูกฟ้าฝ่าลงกลางหัวก่อนแน่ ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่นานขนาดนี้เหรอ? การที่ฉันมีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ นี่ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลคือแกไง ไอ้งั่ง ไม่ใช่ว่าแกมาที่นี่เพื่อฆ่าฉันเหรอ? เข้ามาสิ ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง ตรงหน้าแกเนี่ย เข้ามาเลย แต่ฉันได้ซ่อนระเบิดเอาไว้เยอะอยู่นะ และสิ่งที่อยู่ในมือของฉันคือเครื่องควบคุม สำหรับฉันแล้ว การสังหารแกที่มีความแข็งแกร่งในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ง่ายพอๆกับกดปุ่มระเบิดตรงนี้เลยล่ะ ข้างใต้วิลล่าของฉันมีคนอยู่ไม่น้อย แถมคนมากมายพวกนั้นก็จะได้ตายไปพร้อมกับฉันด้วย เห็นไหม มีเพื่อนตายไปพร้อมกันตั้งหลายคน ฉันไม่เห็นจะขาดทุนตรงไหนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า! “
ตั้งแต่ที่อี้หยางได้มาถึงที่นี่ เขาได้ทำการฝังระเบิดทีเอ็นทีเอาไว้ข้างใต้วิลล่า เขาวางแผนนี้มาตั้งนานแล้ว เพราะถ้าวันไหนหวังฮงได้หาตัวเขาเจอ ในตอนที่เขายังบาดเจ็บอยู่ อย่างน้อยเขาก็สามารถสังหารมันได้เช่นกัน
หลังจากได้ยินคำพูดของอี้หยางแล้ว หวังฮงได้ดูถูกอีกฝ่ายผ่านทางสีหน้า “อี้หยาง ขอบคุณที่แกยังเป็นคนฉลาดไม่เคยเปลี่ยนนะ ถึงกับใช้วิธีสกปกแบบนี้ได้ นายนี่เก่งเรื่องทำให้คนอื่นดูถูกนาย ไสหัวไปซะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน เอาไว้คราวหน้าฉันค่อยเอาชีวิตหมาๆของแกไปก็แล้วกัน”
ถึงครั้งหนึ่งหวังฮงเคยคิดว่าอี้หยางเป็นศัตรูของเขาก็จริง แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย
นอกจากนี้ ความตั้งใจในการสังหารอี้หยางในใจของหวังฮงนั้นแรงกล้ากว่านั้นมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! หวังฮง อย่างนั้นแหละ… มารดาแกสิ! ถ้าฉันเป็นแก ตราบใดที่ฉันยังมีศัตรูคู่แค้นอยู่แบบนี้ ฉันจะฆ่ามันให้ตายไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม” เมื่อเห็นว่าแผนของเขาได้ผล อี้หยางก็ระเบิดหัวเราะออกมา “หวังฮงความแข็งแกร่งของแกดีกว่าฉัน แล้วไง? ครั้งนี้แกฆ่าฉันไม่ได้ ครั้งต่อไปแกก็ฆ่าฉันไม่ได้เหมือนกัน แล้วถ้าแกไม่ฆ่าฉันให้ตายๆไปสักทีแบบนี้ ชีวิตของแกได้มีปัญหาตามมาแน่”
พูดจบ อี้หยางก็หัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นก็รีบวิ่งหัวจุกตูดออกไปจากวิลล่าในทันที
“จับตาดูเขาไว้ อย่าให้คราดสายตาเด็ดขาด” หวังฮงออกคำสั่งอีกครั้ง
“รายงาน เป้าหมายกำลังเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เราไม่สามารถติดตามเขาได้”
“รายงาน เป้าหมายได้เข้าสู่อวิ๋นซาน จากนั้นเป้าหมายก็ได้หายไป”
หลังจากที่ติดตามอี้หยางต่อไปไม่ได้ หวังฮงก็คงทำได้แค่ยอมแพ้เท่านั้น
หลังจากนั้น เฉินหลงก็ได้พาหวังฮงไปที่โรงรถของวิลล่า แล้วเปิดประตูลับที่ถ้าไม่สังเกตุให้ดีก็ไม่มีทางหาเจอได้อยู่ในโรงรถ
หวังฮงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเฉินหลงกำลังเปิดประตูลับอยู่ “เสี่ยวเฉิน นายรู้ได้ยังไงว่าตรงนี้มีประตูลับอยู่ด้วย?”
“มันเป็นความสามารถของผมครับ นอกจากนี้ คนอย่างอี้หยางไม่มีทางหนีผมได้หรอกครับ เขารู้ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน หลังจากจัดการเรื่องตรงนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไว้เราค่อยไปจัดการเขากันนะ” เฉินหลงตอบ
หวังฮงที่เพิ่งเคยเจอเฉินหลง ถามด้วยความจริงจังว่า “หรือว่านายเป็นพวกมีพลังวิเศษ?”
การเป็นคนที่มีขอบเขตกำเนิดตั้งแต่หนุ่ม ทำให้หวังฮงรู้สึกชื่นชมเฉินหลงมาก และตอนนี้เฉินก็มีความสามารถในการตามหาคน มันทำให้หวังฮงตกใจมากกว่าเดิม
พลังคือความสามารถที่น้อยคนนักจะเกิดมาพร้อมกับมัน บางคนเกิดมาพร้อมพลังที่ยิ่งใหญ่ บางคนเกิดมาพร้อมกับความเร็วในการเคลื่อนที่ และบางคนมีความสามารถในการทำนายชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคนพวกนี้ นอกจากผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่มีพลังอื่นไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่ความสามารถของเฉินหลง ทำให้หวังฮงได้แต่นึกสงสัยในกฎของมันจริงๆ
แน่นอน ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเฉินหลงไม่ได้ใช้พลังพวกนั้นได้ เขาจะไม่สงสัยเลยสักนิด หรือว่าเด็กนี่เป็นลูกเทพ?
“ก็…ไม่รู้สิครับ” เฉินหลงไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ ปล่อยให้เขาสงสัยต่อไปอย่างนี้แหละดีแล้ว
ตอนนี้เวลากำลังเดินอยู่ หวังฮงจึงไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ต่อ แล้วเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน
เมื่อเข้ามาในห้องใต้ดิน หลังจากเฉินหลงทำการเปิดประตูเหล็กตรงหน้า ทันใดนั้นภาพที่เขาได้เห็นตรงหน้าก็คือผู้หญิงที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว! !
นอกจากเฉินหลงยังเข้าใจความหมายของตัวเลข ตัวอักษรและคำต่างๆที่อยู่บนประตูเหล็ก ตัวเลขคืออายุของผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตัวอักษรคือขนาดของร่างกาย และคำอื่นๆพวกนี้ก็เป็นอาชีพของพวกเขานั่นเอง นอกจากอี้หยางจะเป็นคนไม่มีหัวใจแล้ว ไอ้นี่ยังเป็นคนวิปลาสอีก ถ้าไม่ฆ่ามันให้ตาย เห็นทีคงต้องไอ้นี่เอาไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลจิตเวชแล้ว!
ในตอนที่พวกผู้หญิงรู้ว่าตัวเองได้รับการช่วยเหลือแล้ว ดวงตาที่มีแต่ความสิ้นหวังของพวกเธอทุกคนได้กลับมามีความหวังอีกครั้ง
ในห้องที่อยู่ลึกที่สุด ตู๋เสวี่ยที่กำลังรออี้หยางมาที่นี่ด้วยความสิ้นหวัง พอได้เห็นหน้าของเฉินหลงแล้ว เธอกลับรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ
“ห-หลง เฉินหลง ฮึก ขอบคุณ..นะ ขอบคุณจริงๆ ฮือออ!” ทันใดนั้นตู๋เสวี่ยก็ได้กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินหลง แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ
ตอนแรก เธอได้ทำใจยอมรับชะกรรมแล้วก็ได้วางแผนที่จะรับใช้อี้หยางเป็นอย่างดี เผื่ออีกฝ่ายจะใจอ่อนแล้วยอมปล่อยเธอไป แต่ในตอนนี้ เธอไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว มันเหมือนกับการได้ขึ้นสวรรค์และได้หลุดพ้นจากนรกบ้าๆนี่สักที และความรู้สึกของเธอถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
เฉินหลงตบหลังเธอเบาๆเป็นการปลอบโยนแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว ไม่กลัวแล้วนะ”
* “เตียวหุย” หรือ “จางเฟย” (Zhang Fei, 張飛) ในภาษาจีนกลางเป็นตัวละครในนิยายสามก๊ก