TB:บทที่ 139 นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?

หลังจากที่ช่วยหญิงสาวทุกคนได้แล้ว หวังฮงได้ส่งคนมาพาพวกเธอออกไปจากวิลล่าในทันที

เมื่อเฉินหลงได้เห็นหน่วยซุ่มยิงที่ได้จับปืนสไนเปอร์ไทป์88 กับใบหน้าที่ได้เพนท์สีแล้ว จู่ๆเขาก็รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาได้เป็นถึงนายพลหลัก แต่น่าเสียดายที่คนอย่างเขาไม่ได้แตะปืนเลยสักนิด

ไม่ได้การละ เห็นทีเราต้องเล่นปืนบ้างแล้ว

ทางด้านหวังฮง เขาได้ติดต่อกับพวกทหาร ในตอนที่ภารกิจเสร็จสิ้น จากนั้นเขาก็ตามไปที่กองทัพและใช้เวลาดีๆร่วมกัน

เนื่องจากว่าเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับปืนและรถสปอร์ต ไม่เว้นแม้แต่เฉินหลง

 

หลังจากนั้น หวังฮงได้สั่งให้นักกำจัดระเบิดมายังวิลล่าเพื่อทำการรื้อถอนระเบิดทั้งหมด

ก่อนที่ตู๋เสวี่ยจะกลับไป เธอได้ขอให้เฉินหลงไปที่บ้านของเธอ เพราะเธอต้องการกล่าวคำขอบคุณต่อเฉินหลง สำหรับคำขอนี้ เฉินหลงทำได้แค่ตอบตกลงเท่านั้น

หลังจากจัดการเรื่องที่วิลล่าเสร็จเรียบร้อย เฉินหลงได้พาหวังฮงไปยังภูเขาอวิ๋นซาน

หลังจากที่อี้หยางได้ทำการหลบหนีออกไปจากวิลล่าแล้ว เฉินหลงคอยจับตาดูอีกฝ่ายผ่านเครื่องดักจับ ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรก เพราะหลังจากหลบหนีไปยังภูเขาอวิ๋นซานแล้ว เขาได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าไปในถ้ำ อี้หยางได้น้ำหินมาปิดช่องทางเข้าจากด้านใน ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถสังเกตเห็นถ้ำที่เขาซ่อนตัวอยู่ได้

 

หลังจากอี้หยางเข้าไปข้างในถ้ำ เฉินหลงสังเกตุได้ว่าถ้ำแห่งนี้ถูกขุดด้วยมือ ภายในถ้ำไม่ใหญ่มากนัก เพราะมีความลึกเพียงสิบเมตรเท่านั้น แถมมันยังแห้งมาก ดูเหมือนว่าข้างในนั้นจะระบายอากาศได้ดี

ใต้ถ้ำมีเตียง น้ำกับอาหาร แล้วยังมีของอื่นๆอยู่อีก และของทั้งหมดนี้ เฉินหลงได้เห็นมันผ่านสายตาของอี้หยาง

หากคนธรรมดาต้องมาอาศัยในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางมองเห็นของต่างๆพวกนี้แน่ แต่อี้หยางไม่ใช่คนธรรมดา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งเหนือขั้นกว่าขอบเขตกำเนิด ทำให้เขาสามารถมองเห็นภาพต่างๆเหมือนกับมองภาพปกติ เฉินหลงที่ใช้เครื่องดักจับมองภาพต่างๆผ่านสายตาของอี้หยาง อี้หยางมองเห็นอะไร เฉินหลงก็มองเห็นแบบนั้น

 

นอกจากนี้ยังและมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบไม่มีเสียงขนาดเล็กตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งในถ้ำ หลังจากเปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แสงไฟดวงเล็กๆได้สว่างขึ้น ทำให้ภาพมืดๆก่อนหน้านี้สว่างขึ้นกว่าเดิม

ถึงอี้หยางสามารถมองเห็นภาพในที่มืดได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์คือการตามหาแสงสว่าง กับอี้หยางก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

หลังจากไฟติดแล้ว อี้หยางเดินไปนั่งไขว้ขาบนเตียง แล้วเริ่มปรับตัว

 

เมื่อกี้นี้ อี้หยางใช้เคล็ดวิชาลับ ‘เซวี่ยตุ้น’ หนีออกมาจากวิลล่าด้วยความเร็ว เพื่อทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลง แถมยังทำลายความรู้สึกของเขาอีกด้วย

การใช้เซวี่ยตุ้นหนึ่งครั้งจำเป็นต้องใช้กระแสที่อยู่ในเลือดถึงครึ่งหนึ่งของร่างกาย ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าไม่ใช่สถานการณ์แบบเมื่อกี้ คนอย่างอี้หยางไม่มีทางใช้เซวี่ยตุ้นง่ายๆแบบนี้เด็ดขาด

ถ้าคราวนี้อี้หยางมีเวลามากพอ เขาจะใช้ ‘วิถีแห่งปิติ’ ของเสี่ยวชิงเต๋า โดยใช้พลังลมปราณและโลหิตของหญิงบริสุทธิ์ มาเติมเต็มและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา

 

โชคไม่ดีที่แผนการของเขาถูกหวังฮงจับได้เสียก่อน แล้วมันยังทำให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น แถมต้องทำให้เขาต้องมาหลบๆซ่อนๆ อยู่ในสภาพที่เหมือนกับหนูสกปกโสโครกไม่มีผิด คิดๆแล้วเจ็บใจนัก!

เขาไม่รู้ว่าเฉินหลงเป็นคนช่วยหวังฮงในการตามหาที่ซ่อนของเขา ถ้าเขารู้มาก่อนว่าเฉินหลงเป็นคนทำลายชีวิตดีๆของเขาแบบนี้ เขาจะฉีกร่างของเฉินหลงให้เป็นชิ้นๆเลย คอยดู!

 

ในตอนที่อี้หยางนั่งขัดสมาธิแล้วพยายามปรับลมหายใจอยู่นั้น ส่วนเฉินหลงกับหวังฮงได้ใช้เวลาในการตามตัวเขาอยู่ด้านนอกถ้ำ

 

ทันใดนั้นเฉินหลงได้ชี้ไปที่หลุมที่ถูกปิดอยู่ แล้วกล่าวว่า “อี้หยางหลบอยู่ในถ้ำนี้ครับ”

หวังฮงนำของที่ปิดหลุ่มอยู่ออกทำให้เห็นหลุมที่ถูกหินทับถมไว้อีกชั้น

หวังฮงยื่นมือออกไปจับก้อนหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางเข้าถ้ำ จากนั้นเขาก็หยิบหินที่มีน้ำหนักหลายร้อยจินออกไปให้พ้นทาง แถมเขายังหยิบมันออกด้วยท่าทางสบายๆอีกด้วย

ในตอนที่หวังฮงขยับหินก้อนใหญ่ที่ปิดปากถ้ำอยู่ อี้หยางที่เดิมทีกำลังปรับลมหายใจ ถึงกับหยุดชะงักไป

“ที่นี่ไม่มีทางเกิดแผ่นดินไหวได้แน่นอน” อี้หยางที่ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่า ถ้ำที่เขาทำการซ่อนมันเอาไว้เป็นอย่างดี จะมีคนหาเจอ

 

อี้หยางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองต้องเผชิญกับความจริงแบบนี้ เพราะในตอนนี้ เขาเห็นหวังฮงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา โดยที่ไม่มีอะไรมาปิดกั้น

“อี้หยาง คิดไม่ถึงเลยนะว่าเราจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ คราวนี้แกจะหนีไปไหนอีกล่ะ?” หวังฮงยืนประจันหน้ากับอี้หยางซีอานหยานตี้แล้วพูดออกมา

ครั้งนี้อี้หยางได้รับบาดเจ็บสาหัส เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาไม่มีทางหนีมันพ้นแน่ เขาจึงทำได้แค่ฝืนยิ้มขมขื่นออกมาแล้วตอบกลับไปว่า “นาย นายรู้ได้ยังไงว่าฉันซ่อนตัวอยู่ที่นี่?”

 

เขาใช้เวลาตั้งห้าปีในการเตรียมทุกอย่างที่นี่ แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะที่นี่จะถูกคนอื่นหาเจอได้เร็วขนาดนี้ เขาอยากรู้เหตุผลจริงๆว่าทำไมพวกมันถึงหาเจอ หรือว่าเขาจะทำอะไรผิดไปเอง? เห่ย ไม่น่าจะใช่มั้ง มันต้องเป็นความผิดของไอ้พวกนี้แน่ๆ ไม่มีทางความผิดของเขา!

“อยากรู้จริงๆเหรอ?” ในเวลาเดียวกัน เสียงของเฉินหลงก็ดังขึ้นจากด้านหลังของหวังฮง จากนั้นเฉินหลงก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งจากยืนข้างหลังเป็นยืนข้างๆหวังฮงแทน

“ห๊ะ นี่ แกอีกแล้ว?”

ก่อนที่เฉินหลงกับหวังฮงจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน อี้หยางสังเกตเห็นเขาแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจชายคนนี้

 

เฉินหลงตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วครับ ผมเอง ขนาดที่อยู่เก่าของคุณ ผมก็ยังหาเจอเลย เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยใช่ไหมครับ?”

ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของอี้หยางก็ผุดรอยยิ้มแปลกๆออกมา “แกนี่เอง! ถ้าอย่างงั้น แกตาย! ระเบิดโลหิต!”

หลังจากอี้หยางพูดออกมา ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏสิ่งที่เหมือนกับเส้นเลือดขึ้นมา

เมื่อได้เห็นท่าทางของอี้หยาง ใบหน้าของหวังฮงก็เปลี่ยนไปในทันที เขารีบวิ่งไปคุ้มกันร่างของเฉินหลงเอาไว้ “ไม่นะ! เสี่ยวเฉิน รีบหนีไปจากที่นี่เร็วเข้า!”

 

จู่ๆเครื่องดักจับของเฉินหลงยังพบว่าค่าความแข็งแรงของอี้หยางได้เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่ผิดปกติ พร้อมกับคำแนะนำว่า ‘วัตถุระเบิด’ ปรากฏขึ้น

ในตอนที่เฉินหลงกำลังจะรีบวิ่งออกไปจากถ้ำ เขาก็ได้ยินเสียงอันบ้าคลั่งของอี้หยางดังขึ้นมาจากข้างหลังเขา

“สายไปแล้ว!ฮ่าฮ่า”

อี้หยางกล่าว ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างก็เป็นเหมือนกับบอลลูนที่ถูกอากาศอัดเข้าไปจนเต็ม

 

อี้หยางได้ทำการระเบิด ทำให้ลมปราณในร่างกายของเขารีบพุ่งไปหาหวังฮงและเฉินหลงในทันที

หวังฮงคิดไม่ถึงว่าการระเบิดของตัวเองของอี้หยางจะมาถึงระดับครึ่งเทพครึ่งมนุษย์แล้ว ทำให้เขาต้องใช้พลังในการป้องกันการโจมตีไปไม่น้อย

แต่พลังของอีกฝ่ายกลับเล็ดลอดผ่านมือของเขาไปได้ แล้วโจมตีเฉินหลง

เฉินหลงรู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังตามหลังเขามา จึงก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ‘บัดซบ! ไอ้หมอนี่ จะตายแล้วก็ไม่ยอมตายคนเดียว ยังจะตามให้เขาไปตายเป็นเพื่อนอีก เหอะ ฝันไปเถอะ คนอย่างเขาน่ะไม่ยอมตายง่ายๆหรอกโว้ย!’

 

ทันทีที่เขานึกอะไรขึ้นมาได้นั่นก็คือ ‘โล่คุ้มกัน’ จู่ๆโล่ในความคิดของเฉินหลงก็ได้ปรากฏออกมาข้างนอกจริงๆ ตอนนี้โล่พลังได้อยู่ในมือของเฉินหลง พร้อมกับเปิดการใช้งานเรียบร้อยแล้ว

พลังลมปราณรุนแรงพวกนั้นที่พุ่งมาทางเขา ได้โจมตีเข้าใส่โล่พลังของเฉินหลงแทน ทำให้เฉินหลงที่หลบอยู่ข้างหลังโล่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็รีบออกจากถ้ำ

ถึงเฉินหลงจะหลบพลังพวกนั้นได้ แต่เพราะมันระเบิดที่กระจายไปทั่ว ในไม่ช้าถ้ำนี่ก็จะถล่ม แล้วเขาก็ไม่อยากถูกฝังทั้งเป็น!

 

ส่วนหวังฮง เขาเป็นถึงครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ เฉินหลงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเขาเลยสักนิด ณ จุดนี้ เขาควรจะห่วงตัวเองก่อนเถอะ

หลังจากเฉินหลงวิ่งออกมาจากถ้ำแล้ว เขาเห็นว่าไม่นานถ้ำก็ถูกหินที่ตกลงมาจากด้านบน

ฝังจนมิด

สามสิบวินาทีต่อมา ได้มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากภูเขา

แน่นอนว่าชายคนนี้คือหวังฮง

 

ตอนแรก หวังฮงเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าสร้อย เฉินหลงเป็นเด็กหนุ่มที่ควรจะมีอนาคตที่สดใส แต่เพราะเรื่องของเขาเองแท้ๆ ทำให้ตอนนี้อีกฝ่ายต้องถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาแห่งนี้ ในใจของเขารู้สึกผิดต่อเฉินหลงมาก

ในความคิดของเขา ความแข็งแกร่งของเฉินหลงไม่มีทางสกัดลมปราณพวกนั้นได้แน่นอน

แต่เมื่อ เขาได้เห็นเฉินหลงยืนอยู่ตรงหน้า แถมยังมีสภาพที่น่ามองกว่าตัวเขาเสียอีก ทันใดนั้นดวงตาของฝ่ายก็จ้องมาทางเขา

“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?!”