ตอนที่ 630 นายยังลืมเธอไม่ได้? (1) โดย Ink Stone_Romance

เย่เซียวรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะวางยาปลุกเซ็กส์เขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นตัวเขาที่ยังไร้ความสนใจต่อผู้หญิงห้าคนนั้นอยู่เมื่อสักครู่ทำไมจู่ๆ ถึงได้ระเบิดความต้องการเหมือนสัตว์ป่าดุร้ายยามเห็นเธอได้ล่ะ?

หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอยังมีแผลอยู่ คืนนี้จุดที่บวมแดงอาจจะไม่ใช่แค่ปากแล้ว

“ยาล่ะ?”เย่เซียวไม่ได้ผละออกทันทีแค่กดเสียงถาม จูบเมื่อสักครู่ร้อนแรงเกินไปจนถึงตอนนี้น้ำเสียงยังฉายแววความต้องการไม่เสื่อมคลาย ฟังแล้วยิ่งเซ็กซี่เย้ายวนมากขึ้น

ไป๋ซู่เย่ถูกจูบจนสติสัมปชัญญะขาดช่วงไปเล็กน้อยจึงไม่ทันตั้งตัวอะไร

“ยาที่ทาตรงนั้นของคุณ” เย่เซียวเหลือบตามองต่ำแวบหนึ่งเป็นการเตือนเธอ

เธอเข้าใจทันควันก่อนเบนสายตาหนีไม่สบตาเขา “อยู่ในห้องฉัน”

“…อยากให้ผมทาให้หรือคุณจะทาเอง?”

“…”เธอใช้การกระทำเป็นคำตอบให้เขาในทันที เดินออกจากใต้อาณัติร่างสูงใหญ่ของเขาเพื่อเข้าไปในห้องนอนของตัวเองโดยไม่คิดจะหันหลังสักนิด

…………………………

เธอปิดประตูห้องนอนดัง ‘ปัง’

พักใหญ่ที่หลับตาพิงประตูอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ หน้าอก หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เธอพยายามกดไว้แต่ไม่อาจสงบลงได้ครู่ใหญ่

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกน่าขำเล็กน้อย เหมือนได้ย้อนกลับไปตอนวัยสิบแปดปีที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เมื่อสิบปีก่อน

แต่ทั้งที่เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่และสุขุมมากขึ้น ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างในอดีต

สิบปีนี้แม้เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอผู้ชายสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ยังเคยคบหากับคนอื่นเป็นระยะสั้นๆ

แต่ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างตอนนี้…

ไม่แม้แต่จะใจสั่นหวั่นไหวเลยสักนิด…

เธอสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงถึงค้นหายาจากลิ้นชักเข้าห้องน้ำไป แต่คืนนี้เย่เซียวมาที่นี่ได้คงไม่ใช่เพราะจะเตือนให้ตัวเองทายาหรอกนะ? เขาไม่ใช่คนช่างใส่ใจขนาดนี้ ยิ่งไม่มีทางรู้สึกผิดเพราะบาดแผลของเธอ ทุกเรื่องที่เขาทำล้วนทำด้วยใจที่คิดว่าถูกต้อง

นอกประตู

เย่เซียวถอดรองเท้าเข้ามาพลางเก็บไว้บนชั้นรองเท้า บนนั้นไม่มีรองเท้าของผู้ชายเขาจึงเดินเท้าเปล่าเข้าไป กวาดมองรอบหนึ่งพบว่าในห้องเหมือนจะไม่มีร่องรอยอาศัยของผู้ชาย ห้องถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อยไม่ได้รกเหมือนที่เธอกล่าวไว้ ในห้องถูกตกแต่งได้หรูหรามีระดับและรสนิยมดี พอจะดูออกว่ามาจากการออกแบบของนักออกแบบชื่อดัง พื้นที่ไม่ใหญ่มากแต่เพียงพอสำหรับการอยู่คนเดียว

เขาไม่เคยถามเธอมาก่อนว่ามีแฟนหรือเปล่า แล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้คบหากับผู้ชายแบบไหนบ้าง เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยสักนิดเดียว เธอไม่ใช่คนที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขาแล้ว ทุกอย่างเป็นเพียงการเสแสร้ง ฉะนั้นหากเขายังสนใจอีกจะยิ่งทำให้ดูเหมือนโง่เขลามากไปกว่าเดิม

แต่ว่า…

เห็นรูปถ่ายคู่ของเธอกับผู้ชายคนอื่นที่วางไว้บนชั้นหนังสืออย่างดี สีหน้าก็ถมึงทึงทันควัน

ในรูปผู้ชายอีกคนกำลังโอบไหล่เธอ รอยยิ้มของเธอสดใส

ขัดตา!

ทำไมในสิบปีที่เขาต้องจมปลักกับความทุกข์ เธอถึงอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายอื่นแล้วยังยิ้มมีความสุขได้ขนาดนั้น?

……………………

ไป๋ซู่เย่ทายาเสร็จเดินออกมาจากห้องนอน เธอเตรียมใจไว้แล้วจึงคิดว่าตัวเองน่าจะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่อยู่ข้างนอกตอนนี้ได้

เย่เซียวนั่งไขว่ห้างบนโซฟาท่าทางไม่รีบร้อนที่จะกลับ เปิดโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เทียบกับเธอแล้วเขากลับดูใจเย็นและนิ่งกว่ามาก เหนือความใจเย็นนั่นไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล คอยมองใบหน้ามุมข้างของชายหนุ่ม แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเย็นวาบที่หัวใจแปลกๆ

ที่เขาใจนิ่งได้ขนาดนี้เพราะจูบเมื่อครู่ สำหรับเขาแล้วเป็นจูบที่ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นเลย

จุดประสงค์ของเขาง่ายมาก แค่ปัดไล่ความขุ่นมัวในใจออกไปแล้วปล่อยวางเธอซะ…

“ทาเสร็จแล้ว?” จู่ๆ เย่เซียวก็เอ่ยปาก

เขาไม่ได้หันหน้าไปมองเธอ สายตายังจดจ่อกับโทรทัศน์

“อืม”ไป๋ซู่เย่จัดการอารมณ์ตัวเองเสร็จเดินออกมา เธอเตือนตัวเองไม่ให้ตกพลุมพรางของเขา ชั่วขณะที่เขาคิดจะปล่อยวางเธอเองก็เช่นกัน “คืนนี้คุณดื่มมา ต้องการชาแก้เมาไหม? เมื่อกี้ฉันกลับมาเลยต้มไว้นิดหน่อย”

“อืม”

ไป๋ซู่เย่เดินเข้าห้องครัวเทชาแก้เมายื่นให้เขา เขาไม่ได้รับ “วางไว้”

เธอวางไว้บนโต๊ะเตี้ยข้างๆ

“ทำไมตอนนี้รายการช่วงเที่ยงคืนของประเทศ S น่าเบื่อขนาดนี้?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ได้นั่งใกล้เขาแต่กลับเลือกจุดที่ห่างเขาออกไปเล็กน้อยแทน ระหว่างทั้งคู่มีหมอนข้างกั้นไว้เหมือนจงใจ “ก็น่าเบื่ออยู่หรอกนะ แต่ว่าคุณไม่ชอบดูทีวีไม่ใช่หรือไง?”

“บางครั้งไม่มีธุระอะไรก็ดูเป็นเพื่อนน่าหลัน”

“…”ประโยคเดียวที่ทำเอาไป๋ซู่เย่แทบตั้งรับไม่ทัน จูบดูดดื่มเมื่อครู่ของทั้งสองคนราวกับถูกถังน้ำเย็นราดใส่หัวจนมันเหือดหายไปในพริบตา

เย่เซียวไม่ชอบดูรายการวาไรตี้ตามช่องโทรทัศน์เหล่านี้ที่สุด ถ้าให้เขาพูดก็คือทั้งไม่มีประโยชน์และไม่มีความหมาย หากทำเพื่อคลายความเครียดก็ไปซ้อมมวยยังจะดีกว่า ออกกำลังกายได้แล้วยังเป็นการฝึกเทคนิคไปในตัว ได้ผลประโยชน์ทั้งสองทาง

เธอมักบ่นว่าชีวิตเขาจืดชิดเกินไป อายุยี่สิบกว่าปีแต่กลับทำตัวเหมือนคนแก่ตัวน้อยๆ ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใหม่ๆ อะไรเลย ฉะนั้นเพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตแสนน่าเบื่อของเขาจึงชอบบังคับให้เขาดูภาพยนตร์แนวความรักหลายเรื่อง รายการวาไรตี้หลายรายการ แต่สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปเป็นจุดสิ้นสุด

ไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะดูเป็นเพื่อนน่าหลันเองเสียแล้ว…

“กำลังคิดอะไร?” อยู่ๆ เย่เซียวก็เบนสายตามาจรดที่หน้าเธอ สายตาคู่นั้นคล้ายจะดูเธอให้ทะลุปรุโปร่ง

ไป๋ซู่เย่จะปล่อยให้เขารู้ทันตัวเองได้อย่างไร? รีบดึงรีโมทจากมือเขาไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นช่องอื่นพร้อมตอบกลับเขา “กำลังคิดเหตุผลที่คุณมาที่นี่ในคืนนี้ ต้องไม่ใช่เพราะอยากเตือนให้ฉันทายาแน่ๆ”

“ทำไมไม่ใช่ล่ะ?”เย่เซียวหรี่ตาลงอย่างเกียจคร้าน

“คุณหวังจะให้ฉันเจ็บกว่านี้มากกว่า จะหวังดีแบบนี้เหรอ?”

เย่เซียวแค่นเสียงไปที “งั้นคุณก็รู้ใจผมดีนี่”

“ทิ้งผู้หญิงห้าคนที่คุณเรียกไว้ไม่สนใจแล้วมาที่นี่ ต้องการทำอะไรกันแน่?”

“มาถึงที่ ให้คุณได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำกับผมก่อนหน้าให้เสร็จสิ้นไง ไม่ได้เหรอ?”

“…”ไป๋ซู่เย่เริ่มไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี จูบเมื่อครู่ทั้งที่เขาเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ทำไมสุดท้ายแล้วเหมือนว่าเธอเป็นฝ่ายต้องการจูบแทนล่ะ? คนคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก

“ช่างเถอะ ไม่ว่าคุณจะมีจุดประสงค์อะไรแต่ยังไงตอนนี้น่าจะบรรลุแล้ว คุณดื่มชาแก้เมาเสร็จก็รีบกลับไปเถอะ ขับรถจากนี่ไปบ้านคุณยังมีทางอีกระยะหนึ่ง อีกอย่างนี่ดึกมากแล้ว ฉันต้องนอนแล้ว”เธอบิดขี้เกียจทีแล้วลุกขึ้นยืน พอดีกับสายตาที่หันมาของเย่เซียวที่เห็นเรียวขาขาวละเอียดใต้ร่มผ้าของเธอ ใจสั่นวูบ เขายื่นแขนยาวเกี่ยวตัวเธอไปทันที

……………………………………..