ตอนที่ 631 นายยังลืมเธอไม่ได้? (2) โดย Ink Stone_Romance
ใจสั่นวูบ เขายื่นแขนยาวเกี่ยวตัวเธอไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ไป๋ซู่เย่ล้มทับอกเขา ได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น ความคิดเธอเริ่มตีกันอีกแล้ว “คุณ…ทำอะไร?”
“เรามีเวลาด้วยกันทั้งหมดสามสิบวัน อย่าคิดใช้แผลนี้มาอ้างถ่วงเวลาที่เหลือไป ผมให้เวลาคุณพักฟื้นหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ผมไม่สนใจว่าข้างล่างคุณจะเป็นแบบไหน เช่นเดียวกัน ผมอยากทำอะไรคุณก็จะทำ”
“…”ไป๋ซู่เย่ทำความเข้าใจกับคำพูดของเขา “ที่แท้มาหาฉันโดยเฉพาะ ก็เพราะว่ากลัวฉันเอาเปรียบคุณในสามสิบวันนี้”
“รู้ตอนนี้ก็ไม่สาย”
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีทางใส่ใจขนาดนี้แต่พอรู้เป้าหมายที่แท้จริงก็ผิดหวังเล็กน้อยอยู่ดี
เธอพยักหน้า “คราวหลังฉันจะทายาตรงเวลา”
พูดจบแกะมือเย่เซียวที่วางไว้บนเอวตัวเอง เย่เซียวแรงเยอะเธอแกะไม่สำเร็จ ได้ยินเขาถามเพียง “คุณออกไปดื่มจนเมากับพวกผู้ชายบ่อยๆ เหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ชะงักท่าทางไปกึกหนึ่ง “อืม”
มือเย่เซียวที่วางบนเอวเธอเพิ่มแรงขึ้นหน่อยๆ
“จากนี้ไปดื่มเหล้าให้น้อย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ชาย! ถ้าเห็นหนึ่งครั้งผมจะทำโทษคุณหนึ่งครั้ง!”
ไป๋ซู่เย่เชยตามองเขาที่เอาแต่ใจคนนี้ หัวใจสั่นไหว
แต่ครู่ต่อมาถ้อยคำของเขากลับไร้ความปรานีถึงที่สุด “อย่างน้อยสามสิบวันนี้ทำตัวให้สะอาด! หลังจากสามสิบวันนี้ คุณอยากดื่มกับใครก็ดื่ม อยากปลดปล่อยหลังเมายังไงก็เชิญ ไม่มีใครห้าม!”
ไป๋ซู่เย่นิ่งงันไปชั่วครู่จากนั้นฉีกยิ้ม “รู้แล้ว คราวหลังฉันจะระวัง งานเลี้ยงบางงานถ้าปฏิเสธได้จะพยายามเลื่อนไปหลังยี่สิบเจ็ดวันที่เหลือนี้”
เย่เซียวมุ่นคิ้ว ทั้งที่เชื่อฟังมากแท้ๆ นานทีไม่โต้เถียงเขา แต่ทำไมถึงฟังแล้วเสียดหูขนาดนี้ เขาหาช่องทางมาเอาผิดไม่ได้เลย
“เชิญคุณตามสบาย ฉันนอนก่อนล่ะ ตอนกลับไปช่วยปิดประตูให้ฉันด้วย”เธอจับมือเขาออกด้วยท่าทางเรียบเฉยเช่นเดิม
จากนั้นเดินเข้าห้องตัวเองแล้วล็อกประตูโดยไม่คิดสนใจเขาอีก
……………………
ไป๋ซู่เย่นอนบนเตียง ลืมตามองเพดานห้องนิ่งแต่กลับไร้ความง่วงงุน
สักพัก…
นอกห้องมีเสียง‘ปัง’ ดังแว่วมาที เขากลับไปแล้ว
เธอลุกขึ้นหยิบสมุดจดของตัวเองในกระเป๋ามา ขีดฆ่าเลข ‘27’ ทิ้ง
ยังเหลืออีกยี่สิบหกวัน…
…………………………
วันรุ่งขึ้น
เย่เซียวเพิ่งเซ็นเอกสารในมือเสร็จหยูอันก็ผลักประตูเข้ามาจากด้านนอก “นายท่าน คุณถังมาครับ”
เย่เซียวหน้าถมึงทึง “ให้มันไสหัวกลับไป”
เมื่อคืนคิดแผนบ้าอะไรขึ้นมา!
“ฉันมาทวงหนี้จากนายต่างหาก นายติดเงินฉันแล้วยังไล่ฉันอีก มีคนอย่างนายที่ไหนกัน?”ถังซ่งเดินเข้ามาแล้วและไม่สนว่าหน้าเย่เซียวจะไม่สบอารมณ์ขนาดไหน แบกหน้าหนาๆ นั่งลงตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา
“ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างให้นาย”
“เมื่อคืนนายรุนแรงเกินไปหรือเปล่า? เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรนายสักหน่อย ก็แค่ลูบลูกรักสุดหวงของนายนิดเดียวเองนายก็หักแขนหล่อนซะได้ ทำให้ฉันต้องเสียเงินไปก้อนหนึ่ง ทำไม? ของนั่นของนายให้แค่น่าหลันลูบ ไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นลูบหรือไง?”
“เมื่อคืนฉันทำผิดไปจริงๆ” เย่เซียวปิดเอกสาร
ความคิดของถังซ่งสะดุดกึก โอ้โห เย่เซียวที่ปกติเอาแต่ใจเป็นใหญ่ไม่เห็นใครในสายตาคนนั้นรู้จักสำนึกผิดแล้ว?
แต่ในหัวเพิ่งคิดแบบนี้ไปหมาดๆ วินาทีถัดมาได้ยินเพียงใครบางคนเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันน่าจะหักแขนนายมากกว่า!”
“…”ถังซ่งรีบเก็บแขนไว้ด้านหลัง เขาคิดตื้นเกินไปจริงๆ
“ก็นายบอกว่าถ้าว่างแล้วให้ฉันพานายไปฝึกวิชาเอาใจผู้หญิงไม่ใช่หรือไง?”
“เรียนบ้าอะไร!”ต่อให้เรียนก็ไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าหมอนี่พาเขาไปซื้อกิน! ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด
“ไม่เรียนแล้ว?”
เย่เซียวแค่ ‘หึ’เป็นการตอบกลับสั้นๆ
ถังซ่งจิปากที “ไม่เรียนได้ไง? คราวหลังถ้านายทำเธอเจ็บ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ถูกนายรุนแรงใส่แบบนั้น น่าสงสารจะตาย”
“เป็นสิ่งที่เธอติดค้างฉันอยู่แล้ว ฉันจะทรมานเธอยังไงก็เป็นที่เธอต้องทนรับ จะเอาใจก็ควรเป็นเธอที่ไปร่ำเรียนวิชามาเพื่อเอาใจฉัน”
“เธอติดค้างนาย?”ถังซ่งเอียงหัวจ้องเย่เซียวจ้องแล้วจ้องอีก “ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดนี้ยิ่งฟังยิ่งแปลกนะ? คนที่นายทำเธอเจ็บ คงไม่ใช่น่าหลันของนายหรอกมั้ง แต่เป็น…ไป๋ซู่เย่ที่เราเจอเมื่อคืนสินะ?”
“…”เย่เซียวไม่ส่งเสียงใดๆ
“ปฏิกิริยาของนายถือว่ายอมรับกลายๆ แล้ว!” ถังซ่งลุกพรวดด้วยแรงอารมณ์ “เย่เซียว นายนี่มันนักรักจริงๆ! สิบปีก่อนนายตกอยู่ในกำมือเธอ สิบปีผ่านไปนายกลับจะไปเรียนวิชาเอาใจผู้หญิงเพื่อเธอ นายคิดจะตกอยู่ในเงื้อมมือเธออีกครั้งเหรอ?”
“ถังซ่ง ถ้านายยังพูดมาก ฉันไม่เดือดร้อนที่จะเย็บปากให้นายนะ!”
“เย็บแล้วก็ไม่มีประโยชน์” ถังซ่งเขม่นมองเย่เซียว “นายยังปล่อยวางไม่ได้ใช่ไหม?”
สายตาของเย่เซียวเลื่อนออกจากเอกสารคืบเดียวแล้วทิ้งไว้จุดใดจุดหนึ่ง “ถ้านายถูกผู้หญิงคนหนึ่งปั่นหัวเหมือนคนโง่ นายลองดูสิว่านายจะปล่อยวางได้ไหม!”
“แล้ว…ตอนนี้นายพัวพันกับเธอ คิดจะทำอะไร? ให้บทเรียนเธอ หรือสานสัมพันธ์เก่าๆ ต่อ?”
เย่เซียวขมวดคิ้ว “สานสัมพันธ์เก่าๆ อะไร? ระหว่างเรายังมีความสัมพันธ์เก่าๆ ให้สานต่อเหรอ?”
ต่อให้มีความสัมพันธ์เก่าๆ จริงนั่นก็เป็นเพียงความแค้น เหลือเพียงความโกรธแค้น…
“นั่นสิ ก็ได้ นายอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ถ้าสุดท้ายเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาค่อยมาหาฉันแล้วกัน จะแผนกสูตินารีเวชเอย บุรษเวชศาสตร์เอย ปัญหาพวกนี้มาถามฉันได้เลย มีอะไรที่ฉันรู้ ฉันบอกหมดเปลือกแน่ๆ”
“ไสหัวไป!”เย่เซียวกำกระดาษหนึ่งกองข้างๆ โยนใส่เขา
ถังซ่งไหวพริบดีรีบถอยห่างไปก่อนหนึ่งก้าว หนีไปจนถึงประตู “ฉันแค่ผ่านมาเฉยๆ เลยแวะมาดูนายสักหน่อย ไปล่ะ”
แวะดู?
ชัดเจนเลยว่าต้องการมาสอดรู้สอดเห็น
ถังซ่งปิดประตูออกไปแล้วเรียกเลขาหนึ่งคนเข้าไปจัดเอกสารที่ถูกเย่เซียวโยนกระจัดกระจายเมื่อสักครู่
ถังซ่งกลับไปเย่เซียวก็เริ่มไม่มีกระจิตกระใจทำงานต่อ พลางโยนเอกสารใส่โต๊ะหันกลับไปทอดมองด้านล่างของตึก ในหัวอดนึกถึงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ นึกถึงจูบเมื่อคืน…
ที่แท้…
ผ่านไปสิบปีจูบของพวกเขายังเข้ากันได้ดีเหมือนเดิม ยังเต็มที่ไร้ความเก้อเขินเช่นเคย
แต่ปากเล็กๆ ของเธอ สิบปีนี้เคยผ่านการจูบผู้ชายมาเท่าไรแล้ว?
จูบผู้ชายอย่างบ้าบิ่นและหลงใหลเหมือนเมื่อคืนมาอีกเท่าไร?
คิดดูแล้วคงไม่น้อยหรอก! ไม่อย่างนั้นตอนที่ตอบโต้เขา ไม่มีทางช่ำชองขนาดนั้นแน่
อีกอย่าง…
ถึงจะรู้ว่าเธอมีอะไรครั้งแรกกับเขาแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าร่างกายของเธอจะไม่เคยถูกผู้ชายอื่นๆ สัมผัสมาก่อน ต้องรู้ว่าสิบปีก่อนพวกเขายังไม่เคยทำถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่ทุกจุดของร่างกายของเธอ เขาเคยลิ้มรสมันมาแล้ว!
พอนึกถึงตรงนี้แล้วอารมณ์ของเย่เซียวก็แย่ลงอย่างมาก
…………………………………..