ตอนที่ 632 ไป๋ซู่เย่ คุณยังสะอาดอยู่ไหม? (1) โดย Ink Stone_Romance
ขณะที่ไป๋ซู่เย่นอนพักกลางวันอยู่ในห้องพักผ่อน โทรศัพท์ก็สั่นไม่หยุด เมื่อเธอหยิบขึ้นมาจะกดรับกลับเห็นว่าหน้าจอเป็นเบอร์จากคุณหญิงไป๋
เธอไม่ได้โทรกลับไปในทันที แค่ลุกจากเตียงจัดการตัวเองก่อนเดินออกจากห้องพักผ่อน
“รัฐมนตรี คุณหญิงมาแล้ว” ไป๋หลางผลักประตูเข้ามารายงาน
คุณหญิงไป๋มาหาตนได้ เธอพอจะนึกออกแล้วว่ามาเพื่ออะไรจึงรู้สึกชาวาบไปทั้งหัว
“ทำไมโทรหาลูกแล้วไม่รับสายล่ะ?” ไม่รอไป๋หลางไปเชิญมาคุณหญิงไป๋ก็เข้ามาก่อนอย่างกระฉับกระเฉง ด้านหลังมีน้าหลินกับคนขับรถเดินตามอยู่ คนขับรถไม่ได้ตามเข้ามาแค่นั่งรออยู่นอกห้องทำงาน
“เมื่อกี้หนูนอนอยู่ จะกดรับแม่ก็วางสายไปก่อน” ไป๋ซู่เย่ตอบไปพลางหันกลับไปสั่งให้เลขาชงชาเข้ามาสองแก้ว ก่อนถามคุณหญิงไป๋ “แม่มาเอง มีเรื่องอะไรหรือคะ?”
“คืนนี้แม่นัดคนไว้ให้ลูก ลูกต้องไป ยังไงก็ต้องไป”
“แม่”
“นี่คือที่อยู่” คุณหญิงไป๋ล้วงกระดาษข้อความจากกระเป๋ายื่นให้เธอ “อวิ๋นช่วนรอลูกอยู่ คงไม่ต้องให้แม่พูดไปมากกว่านี้สินะ?”
ไป๋ซู่เย่เอือมระอาหน่อยๆ “แม่คะ แม่ไม่เชื่อใจตัวลูกสาวตัวเองขนาดไหนถึงได้กังวลเรื่องแต่งงานของหนูขนาดนี้?”
“ลูกรู้ไหม? เงื่อนไขอย่างลูกนี่แหละแม่ถึงได้กังวลขนาดนี้ ถ้าแม่ไม่จับตาดูให้ลูกหน่อย เลือกไปเลือกมา สักวันต้องเลือกพลาดแน่ๆ แม่ว่าคุณชายตระกูลอวิ๋นนี่ก็ไม่เลว รูปร่างหน้าตา เบื้องหลังครอบครัว การศึกษามารยาท ไม่มีที่ติเลย น้าหลิน เธอว่าฉันพูดถูกไหม?”
“คุณหญิงพูดถูกค่ะ คุณหนูคะ คุณหนูก็ทำตามที่คุณหญิงบอกเถอะค่ะ ถือว่าให้โอกาสตัวเองด้วย ไม่ว่ายังไงมื้อเย็นก็ต้องทานคนเดียวอยู่แล้ว ทานสองคนก็ได้นี่นา”
“อีกอย่างเจ้าเย่ฉิงมีหลานให้ฉันแล้วด้วย แต่ลูกยังเงียบฉี่ขนาดนี้ ถ้าลูกมีแฟนหนุ่มน่าเชื่อถือสักคนพากลับไปให้เราดูหน่อย แม่ก็ไม่มีทางบังคังให้ลูกไปเจอผู้ชายคนอื่นหรอก ใช่ไหมล่ะ?”
ไป๋ซู่เย่เอือมระอาอย่างมาก คุณหญิงกับน้าหลินพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลย “แม่คะ หนูยังไม่แก่”
“แม่ว่า ซู่ซู่ ลูกไม่ชอบใจที่แม่เป็นแม่สื่อให้ขนาดนี้เพราะมีคนในใจแล้วใช่ไหม? ถ้าลูกมีก็บอกแม่ แม่จะไม่พูดอะไรอีกเลย”
คุณหญิงไป๋มองเธอด้วยสายตาสงสัยและสีหน้าคาดหวัง ไป๋ซู่เย่ส่ายหัว “ไม่มีค่ะ ไม่มีทั้งแฟนทั้งคนในใจ”
คุณหญิงไป๋ทำหน้าไม่พอใจ พูดคำขาดห้ามปฏิเสธ “ถ้าคืนนี้ลูกไม่ไป ก็ไม่ต้องกลับมาเจอหน้าแม่กับพ่อของลูกอีก”
ไม่เปิดโอกาสให้ลูกสาวได้พูดอะไรอีก คุณหญิงไป๋ถือกระเป๋าเดินไปข้างนอก “น้าหลิน เรากลับกันเถอะ”
“…”ไป๋ซู่เย่ปวดหัว ลุกขึ้นยืนไปส่งพวกเธอ
กลับมาหน้าโต๊ะทำงานเหม่อมองกระดาษที่เขียนที่อยู่ นั่นสิ ทำไมตัวเองต้องไม่ชอบใจกับการไปพบปะผู้ชายคนอื่นขนาดนี้? มีคนที่ชอบหรือ?
มีคนคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเรียกให้เธอยิ่งรู้สึกผิดหวัง
ความรู้สึกที่จมดิ่งลงเรื่อยๆ นั้นไม่ดีเลย
ก่อนเลิกงานคุณหญิงไป๋ได้โทรมาอีกรอบพลางตักเตือนอย่างจริงจังอีกครั้ง
สุดท้ายเธอถอดชุดเครื่องแบบเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดของตัวเองในคืนนี้ จัดการตัวเองลวกๆ แล้วไปตามนัด
ที่อยู่ตามที่คุณหญิงไป๋ทิ้งไว้เป็นร้านอาหารหรูหราแห่งหนึ่ง ลูกค้าด้านในล้วนเป็นลูกค้าที่มีตำแหน่งใหญ่โตหรือกระเป๋าหนัก ไป๋ซู่เย่ใส่ชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าส้นสูง ขับให้ดูสง่าและใจกว้าง
อวิ๋นช่วนกำลังใช้โทรศัพท์เปิดอีเมลดูอยู่ริมหน้าต่าง คล้ายรู้สึกถึงการมาของเธอจึงเงยหน้าขึ้นมา ยามตัวเธอปรากฏในสายตาเหมือนเขาตาวาวขึ้นชั่วขณะ
“ขอโทษที่ฉันมาช้า” เธอยิ้มจางๆ
“เปล่า ผมมาเร็วต่างหาก เชิญนั่งก่อน” อวิ๋นช่วนดึงเก้าอี้ตรงข้ามให้เธออย่างสุภาพบุรุษ “ไม่รู้ว่าคุณชอบอาหารแบบไหนเลยไม่ได้สั่งอาหารไป คุณดูก่อนสิ”
อวิ๋นช่วนยื่นเมนูอาหารให้เธอ
เธอรับมันไปด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น รักษาระยะห่างอย่างมีมารยาทและเป็นมิตร ถือว่าเป็นการรายงานตัวให้คุณหญิงไป๋แล้วกัน
ยังดีที่อวิ๋นช่วนเป็นผู้ชายที่รู้ขอบเขตและเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ได้บังคับฝืนใจอะไร
ระหว่างที่ทานได้เพียงครึ่งเดียวเขาก็สั่งให้คนเอาดอกกุหลาบช่อสวยให้เธอ การมอบดอกไม้แม้จะดูเชยแต่เป็นสิ่งที่หญิงสาวชื่นชอบอยู่ดี
เป็นดั่งที่คุณหญิงไป๋ได้กล่าวไว้ว่าเขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ความจริงไป๋ซู่เย่รู้สึกดีกับเขาอยู่บ้างแต่ความรู้สึกดีแบบนั้นกลับไม่ใช่ความรู้สึกหวั่นไหว
“ซู่เย่ คุณจริงๆ หรือเนี่ย?” ขณะนั้นเองเสียงคุ้นเคยดังแว่วมา
เธอเงยหน้าขึ้นพอดีก็เห็นถังซ่งโอบหญิงสาวหน้าตาสดสวยมายืนข้างพวกเธอ
“บังเอิญจัง” ไป๋ซู่เย่ดันเก้าอี้ออกลุกขึ้นยืน “ถ้าฉันไม่ได้จำผิด เมื่อคืนเราเคยเจอกันแล้ว”
ถังซ่งหัวเราะน้อยๆ “กำลังกังวลอยู่เลยว่าท่านรัฐมนตรีไป๋งานเยอะแล้วจะขี้ลืม”
“อย่าแซวฉันเลยน่า เมื่อคืนฉันดื่มเยอะไปหน่อย”ความจริงไป๋ซู่เย่ไม่นึกเลยว่าถังซ่งจะยังคงท่าทีเป็นมิตรกับเธอได้ขนาดนี้ ซึ่งเธอรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมากในเมื่อคนรอบข้างของเย่เซียวในอดีต ปัจจุบันล้วนเกลียดเธอเข้ากระดูก
“ไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ?” ถังซ่งส่งสายผ่านอวิ๋นช่วน อวิ๋นช่วนลุกขึ้นยืนตั้งนานแล้วจึงยื่นมือออกไป “สวัสดีครับ ผมอวิ๋นช่วน เพื่อนของซู่ซู่”
ซู่ซู่
เรียกได้สนิทสนมเสียจริง
“ผมถังซ่ง เป็นเพื่อนเก่าของซู่ซู่ล่ะ”
อวิ๋นช่วนยิ้มกว้างกว่าเดิม “ยินดีที่ได้รู้จัก”
ไป๋ซู่เย่รู้ว่าถังซ่งคงเข้าใจผิดไปแล้ว แต่เห็นอวิ๋นช่วนไม่ได้อธิบายอะไร เธอจึงไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่านี้ อย่างไรเสียไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับถังซ่งบ่อยๆ อยู่แล้ว
ถังซ่งไม่ได้อยู่นานก่อนจะย้ายไปนั่งอีกโต๊ะ ไป๋ซู่เย่กับอวิ๋นช่วนถึงนั่งลงใหม่
ระหว่างทั้งคู่แม้จะไม่มีเรื่องให้พูดคุยมากนักแต่ข้อดีจุดหนึ่งของผู้ชายคนนี้คือไม่มีทางทำให้คุณรู้สึกแย่หรืออึดอัด ยิ่งไม่ปล่อยให้สถานการณ์ตรงหน้าเงียบจนอึดอัด เขาจะพูดขึ้นประโยคสองประโยคเพื่อคงบรรยากาศราบเรียบนี้ต่อไป
นี่คงเป็นข้อดีหากได้คบกัน
ไป๋ซู่เย่คิด หากคบกับเขาตามใจคุณหญิงไป๋ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
เพียงแต่ว่า…
……………………
วันนี้นานทีเย่เซียวจะทำงานให้เสร็จทุกอย่างก่อนมื้อเย็น กลุ่มหยูอันรอเขาที่โรงจอดรถภายในตึกตั้งนานแล้ว
เขาขึ้นรถล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรไปยังเบอร์หนึ่ง
“เรียกน้าหลี่มารับสาย” เขาพูดสั่งไปประโยคหนึ่งหลังอีกฝั่งรับสาย
“นายท่าน”ไม่นานเสียงน้าหลี่ดังมาจากอีกฟากของสาย
เย่เซียวทอดสายตาไปนอกหน้าต่างถึงถามเสียงนิ่ง “คืนนี้เธอได้บอกไว้ไหมว่าจะกลับมากี่โมง?”
“ท่านหมายถึงคุณไป๋หรือคะ?”
“อืม”
“วันนี้เธอไม่ได้ติดต่อดิฉัน คิดว่าน่าจะไม่ดึกค่ะ”
เย่เซียวพยักหน้า “ให้ครัวเตรียมมื้อเย็นไว้ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ผมน่าจะถึง”
“ค่ะนายท่าน”น้าหลี่ตอบรับเสร็จเย่เซียวถึงวางสาย
…………………………………………..