ไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว แม้ว่าตนจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่จวนหลัก แต่อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เดือนที่ผ่านมานี้หวางเยียนเห็นได้ว่าสีหน้าของซุนเชี่ยนและเมิ่งซื่อไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วนบรรเทาความเจ็บปวดนี้อย่างไร

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “ดีแล้ว ขอเพียงรั่วหลานไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่น ตรุษจีนปีนี้ ครอบครัวเราก็ยังคงมีความสุข”

 

 

พูดถึงตรงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวนึกคำสั่งของเมิ่งซื่อขึ้นได้ พูดว่า “แม่บอกว่า พรุ่งนี้ให้พี่พาเซิ่งเอ๋อร์ไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน ห่อหลานให้หนาๆ อย่าให้หนาวเอาได้ แต่หากไม่สะดวก ก็จะให้รถม้ามารับพวกเจ้าไป”

 

 

หวางเยียนโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก เดินนิดหน่อยเท่านั้น พวกเราเดินกันไปได้”

 

 

เมิ่งฉีได้ยินคำของนางก็สบายใจขึ้น ขอเพียงพี่ใหญ่ไม่ได้ทำเรื่องร้ายแรง เรื่องอื่นก็พอจะปรับความเข้าใจกันได้

 

 

ทั้งสามพูดคุยกันสักพัก เซิ่งเอ่อร์คงจะหิวแล้วจึงได้ร้องไห้งอแงขึ้นมา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงได้ส่งเขาให้หวางเยียน พูดว่า “ข้าควรกลับบ้านแล้ว”

 

 

หวางเยียนรับลูกมา พร้อมก้มตัวลงจะเอาลูกวางบนคั่ง พูดว่า “อย่างนั้นให้ข้าไปส่งเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามนาง “ข้าไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อยซ้อรองไม่ต้องมีพิธีรีตรองกับข้าหรอก ท่านกล่อมลูกเถิด ให้พี่รองไปส่งข้าก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

เมื่อเส้าเอ๋อร์ได้ยินว่าจะต้องไปแล้ว จึงได้ถอดสร้อยที่คอออกมา วางลงในกล่องอย่างทะนุถนอม แล้วจึงจูงมือเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างรู้ความว่า “คุณอารองข้าขอตัวก่อนนะขอรับ หากมีเวลาว่างแล้วข้าจะมาเยี่ยมน้องใหม่”

 

 

หวางเยียนยิ้มพร้อมพยักหน้า “ได้จ้ะ เส้าเอ๋อร์มาบ่อยๆ นะ มาช่วยอาเลี้ยงน้อง”

 

 

เส้าเอ๋อร์ตอบรับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวของเขา จูงมือเขาออกมาจากห้อง

 

 

เมิ่งฉีเดินตามมาด้านหลัง

 

 

ทั้งสามเดินออกจากบริเวณจวน เมิ่งเชี่ยนโยวเอาเรื่องที่รั่วหลานสารภาพว่าได้ทำการใส่ร้ายเมิ่งเสียนอย่างไรบอกให้เมิ่งเสียนฟัง แต่ว่ากลัวเขาจะไม่สบายใจ จึงได้ไม่บอกว่าเป็นแผนของผู้ว่าการและตระกูลเฉียว บอกเพียงแต่ว่าเป็นแผนที่ตระกูลเฉียวจะทำเพื่อแก้แค้นแทนเฉียวหมิ่น

 

 

 

 

เมื่อเมิ่งฉีได้ฟังแล้วก็รู้สึกโกรธมาก พูดว่า “ครานั้นเป็นเฉียวหมิ่นเองที่ปั้นน้ำเป็นตัว ในใจคิดชั่ว เขาลักพาตัวน้องเล็กไปก่อน จึงได้เกิดเรื่องภายหลังทั้งหมดนี้ขึ้นมา คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะหันกลับมาแก้แค้นเรา บอกว่าเป็นความผิดของเจ้า แล้วยังสร้างเรื่องใส่ความพี่ใหญ่อีก พวกเฉียวของลืมไปเสียงแล้ว ว่าพวกตระกูลเราไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเรื่องอำนาจ หรือเงินทอง ทิ้งห่างจากตระกูลเฉียวมากนัก พวกเขายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก ที่ทำไปเพราะใจกล้า หรือเป็นเพราะมีผู้อยู่เบื้องหลังกันนะ”

 

 

“ตระกูลเฉียวมีเพียงลูกสาวและลูกชายอย่างละหนึ่งคน เฉียวหมิ่นเองก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน แม้ว่าครานั้นจะถูกกดดันจากท่านเปา จึงได้ถอดใจจากลูกคนนี้ แต่ว่าอย่างไรก็คงไม่ยอมให้จบเช่นนี้ ครั้งก่อนที่พวกจูหลานไปเยี่ยมเปาอี้ฝานที่เมืองหลวงก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ บอกว่าตระกูลเฉียวกำลังคิดหาทางเอาเฉียวหมิ่นกลับบ้าน ตอนนั้นข้าไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ก็ดีแล้ว ถือเป็นบทเรียนราคาแพง คราหน้าพี่ใหญ่จะได้รอบคอบมากขึ้น”

 

 

เมิ่งฉีทำธุรกิจมาหลายปี เข้าใจโลกมากขึ้น เขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะบางอย่าง ไม่ง่ายอย่างที่เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเป็นแน่ ส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าคิดว่าเรื่องนี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าว่า หากตระกูลเฉียวเพียงแต่ต้องการหาทางให้เฉียวหมิ่นกลับบ้าน เพียงแค่แอบลักลอบเข้าไปด้านในก็พอแล้ว เหตุใดจะต้องมาใส่ความพี่ใหญ่ พวกเขาไม่กลัวว่าหากเรารู้เรื่องเข้าแล้วจะแก้แค้นเขาได้หรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ แต่ใบหน้าไม่ปรากฏสีหน้าออกมา พูดว่า “รั่วหลานบอกข้ามาเพีนงถึงเท่านี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นนางอาจจะไม่รู้ หรืออาจจะโกหกเจ้าค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไร ขอให้ผ่านตรุษจีนไปได้ด้วยดีก่อนค่อว่ากัน ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนอะไรก็ตาม พวกเราจะไม่ติดกับเด็ดขาด”

 

 

วันพรุ่งก็จะเป็นวันก่อนตรุษจีนแล้ว ไม่เหมาะที่จะสบสวนเรื่องนี้ เมิ่งฉีพยักหน้า “ได้ เรื่องทั้งหมดรอผ่านตรุษจีนไปก่อนค่อยว่ากัน”

 

 

เมื่อทั้งสองพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็จูงเส้าเอ๋อร์กลับบ้าน เมิ่งฉีมองพวกเขาเดินจากไป จึงได้กลับเข้าบ้านของตน

 

 

เมิ่งฉีนำคำที่เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าให้ฟังบอกหวางเยียนทุกคำ หลังหวางเยียนได้ยินแล้วก็ถอนหายใจไม่หยุด รอจนถึงหลังตรุษจีนไปแล้วจะต้องจัดการตระกูลเฉียวให้สาสมทีเดียว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจูงเส้าเอ๋อร์กลับไป เส้าเอ๋อร์เล่าเรื่องของตนให้เมิ่งเชี่ยนโยวฟังด้วยเสียงน้อยๆ เมิ่งเชี่ยนโยวฟังไปยิ้มไป แต่เมื่อใกล้จะถึงบ้านแล้ว กลับมีเสียงของพ่อค้าดังลอยมา

 

 

สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนไป หยุดฝีเท้าลง

 

 

เส้าเอ๋อร์แปลกใจ จึงได้เงยหน้าขึ้นมองนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้าลง ยิ้มและพูดว่า “อาได้ยินเสียงของพ่อค้ามาขายของ เส้เอ๋อร์อยากไปดูหรือไม่ว่ามีอะไรน่าซื้อหรือไม่ เลือกได้ตามใจเลยนะ”

 

 

เส้าเอ๋อร์พยักหน้าอย่างดีใจ “ขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับ พาเส้าเอ๋อร์เดินไปตามเสียงของพ่อค้า

 

 

พ่อค้าแบกหายแร่ขายของอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวพาเส้าเอ๋อร์เดินมา ก็ยังคงทักทายอย่างกระตือรือร้น “แม่นาง ในหายของข้ามีทุกอย่างเลย มาดูก่อนสิ ชอบอันไหนก็ซื้ออันนั้น ใกล้ตรุษจีนแล้ว ข้าบดราคาให้”

 

 

“ได้สิ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบรับ “มีของเล่นเด็กหรือไม่ ข้าจะซื้อให้หลานเล่น ตรุษจีนแล้ว จะได้มีของเล่น”

 

 

“มีสิ มีสิ” พ่อค้ารีบตอบรับ ววางหาบแร่ลง “วันก่อนข้าเพิ่งไปรับของมา ของเล่นแปลกๆ มีทุกอย่าง ให้ท่านชายน้อยเลือกดูสิ”

 

 

พูดจบก็เปิดผ้าคลุมหาบแร่ออก เผยให้เห็นสินค้าด้านใน

 

 

สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแปลกใจ “โอ้ สินค้าของเจ้าดีเหลือเกิน คนบ้านนอกอย่างเราไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นของดีๆ เช่นนี้”

 

 

เส้าเอ๋อร์ก็ถูกดึงดูดโดยหน้ากากของเล่นตรงหน้า ย่อตัวลง เลือกรูปแบบที่ตนชอบ แล้วลองสวมใส่บนหน้าอย่างระวัง ถามอย่างดีใจว่า “ท่านอา สวยหรือไม่”

 

 

“สวยจ้ะ หากเส้าเอ๋อร์ชอบก็เลือกไปอีกสิ เลือกไปเผื่อพี่เยวี่ยร์เอ่อร์แล้ะน้องหงเอ๋อร์ด้วย รอมีเวลาแล้วพวกเราเอาไปฝากเขา”

 

 

เส้าเอ๋อร์ตอบรับด้วยความดีใจ จากนั้นก็ก้มหน้าลงเลือกอย่างตั้งใจ

 

 

พ่อค้าถอนหายใจออกมา พูดว่า “แม่นางไม่รู้อะไร ปกติข้าขายอยู่ในเมือง แต่บ้านเป็นคนที่นี่ ช่วงนี้ไม่ใช่ใกล้ตรุษจีนหรือ ข้าเองก็อยากกลับมาฉลองที่บ้าน แต่ก็ไม่อยากกลับมามือเปล่า จึงได้ไปรับของมาขายที่บ้านเรา แต่คนกลับมองว่าข้าขายของแพง ขายมาหลายวันแล้วยังไม่ไปไม่ได้เท่าใดเลย”

 

 

“สินค้าเจ้าดีจริงๆ ราคาก็ถือว่าไม่แพง เพียงแต่แถวนี้ยังมีบ้านคนยากคนจนอยู่ คงจะไม่อยากซื้อของแพงเช่นนี้ให้เด็กเล่น” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

พ่อค้าพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของนาง “แม่นางพูดถูก ข้าเองก็ไปขายมาหลายหมู่บ้านแล้ว ตอนแรกคนก็มามุงดูกัน แต่พอบอกราคาไปก็หายไปกันหมด ตอนหลังมีคนใจดีมาบอกข้าว่าคนในหมู่บ้านนี้พอจะเงินกัน ให้ข้ามาลองขายดู ข้าเพิ่งจะเข้าหมูบ้านมา ก็ได้พบกับเจ้า ดูท่าแล้ววันนี้ข้าคงไม่ต้องเหนื่อยเปล่าแล้วล่ะ”

 

 

เส้าเอ๋อร์เลือกหน้ากากที่ไม่เหมือนกันขึ้นมาหกอัน ยื่นให้เมิ่งเชี่ยนโยว เงยหน้าน้อยๆ ถามอย่างรอคอยว่า “ข้าซื้อพวกนี้ทั้งหมดเลยได้หรือไม่ ข้าชอบทั้งหมดเลย”

 

 

“ได้สิ เส้าเอ๋อร์ชอบก็ต้องซื้อให้อยู่แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ พูดจบก็ถามพ่อค้าว่า “ทั้งหมดราคาเท่าไรหรือ”

 

 

“หน้ากากพวกนี้ปกติจะขายอันละสองตำลึง ของท่านมีทั้งหมดหกอัน ก็สิบสองตำลึง แต่ตรุษจีนแล้ว ถือเสียว่าข้าขายราคาถูก ขายราคาทุนให้ท่าน ให้ข้าสิบตำลึงก็พอ”

 

 

“เถ้าแก่จริงใจเสียจริง ภายหน้าจะต้องขายดีขึ้นเป็นแน่” เมิ่งเชี่ยนโยวพลางยิ้มพร้อมเชยชมเขา พลางหยิบตำลึงในแขนเสื้อออกมาจ่าย

 

 

“อัยหยา แม่นางพูดดีเสียจริง ข้าชอบฟัง ตรุษจีนแล้วถือเป็นคำมงคลนะ”พ่อค้าพูดอย่างยินดี

 

 

แต่สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับแข็งทื่อ พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษดวยนะเถ้าแก่ ข้าไม่ได้เอาตำลึงติดมาด้วยมากเพียงนั้น ท่านตามข้าไปเอาที่บ้านได้หรือไม่”

 

 

พ่อค้าพูดอย่างยินดีว่า “ได้สิ บ้านแม่นางอยู่ที่ใดเล่า ข้าจะเดินตามไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ไปทางบ้านของตน สีหน้าของพ่อค้าเปลี่ยนไปทันที สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็กลับมาเป็นดั่งเดิม ก้มลงแบกหาบแร่ของตนแล้วพูดว่า “ไปเถิดแม่นาง ข้าจะเดินตามเจ้าไป”