บทที่ 371
คนเยอะเกินไป
แต่เมื่อมองไปที่คุณหนูที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข แม่นมก็รู้แล้วว่าถ้าพูดออกไปก็คงจะเปล่าประโยชน์
หลิวจือหลิงสวมชุดกระโปรงสีแดงและดำกับงานปักมือสุดประณีตซึ่งปักเป็นรูปดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ ยิ่งช่วยขับให้ดูสวยและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“ท่านแม่นม ข้าสวยหรือเปล่า?” หลิวจือหลิงยืนขึ้นและหมุนตัวอยู่เบื้องหน้าท่านแม่นม เมื่อคืนองค์จักรพรรดิหลงใหลเธออย่างมาก ถึงแม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่พระมเหสีไม่ถูกลงโทษ แต่ต่อไปเธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว
“สวยมากเพคะ แน่นอนว่าต้องสวยอยู่แล้ว” แม่นมพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะ เราต้องไปขอบพระทัยพระมเหสี” หลิวจือหลิงเงยหน้าขึ้นมาและเดินออกไปก่อน
แม่นมเดินตามไปด้านหลังอย่างใกล้ชิดแต่ยังไงซะเธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างระวัง และพูดใส่หูของ หลินจือหลิงว่า “ความสวยจะเป็นสิ่งที่ทำให้พระมเหสีสนใจนะ เพคะ” เธอเกรงว่าแม่นมคงจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทางแบบนี้เท่าไร
เพียงแค่ว่าหลิวจือหลิงไม่เข้าใจ เธอมัวแต่อิ่มเอมไปกับความรักขององค์จักรพรรดิเมื่อวาน แต่ตอนนี้จะไม่ให้เธอเชิดหน้าต่อหน้าพระมเหสีได้ยังไง
แม่นมค่อนข้างที่จะกังวลอยู่นิดหน่อย ยังไงซะตำแหน่งของพระมเหสีก็ยังอยู่และไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะลงโทษนาง อีกอย่างท่าทางขององค์จักรพรรดิและพระมเหสีเมื่อวานก็ดูแปลกมากๆด้วย ไม่เหมือนสามีภรรยากันเลย แต่เหมือนกับเป็นเพื่อนกันมากกว่า
ไม่นานพวกเธอก็มาถึงตำหนักของมู่หรงเสวี่ย
“ถวายบังคมพระมเหสี”
“ลุกขึ้น” มู่หรงยังคงนอนอยู่บนเก้าอี้พนักพิงกำลังเพลิดเพลินอยู่กับดอกไม้และอาบแดดอยู่เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่าวันนี้นางดูผ่อนคลายและมีความสุขที่สุดเลย
“นั่งก่อนสิ!” มู่หรงพูดเสียงเรียบ
“พระมเหสี” หลินจือหลิงร้องเรียกออกมาด้วยสีหน้าเขินอาย
“ไง เมื่อคืนหนักเลยสิ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ
“คือเมื่อวานองค์จักรพรรดิอบอุ่นอย่างมากเพคะ ข้ายังเจ็บอยู่นิดหน่อยเลย” หลินจือหลิงพูดออกมา ระหว่างคิ้วทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงรสชาติที่หอมหวานที่เป็นครั้งแรก
แน่นอนว่าเธอโตเป็นสาวเต็มวัยภายในชั่วข้ามคืน
มู่หรงพูดออกมาเสียงเรียบ “เจ้าคงลำบากหน่อยนะ”
พระมเหสีไม่โกรธเลยงั้นเหรอ?!
หลิวจือหลิงเงยหน้ามองมู่หรงเสวี่ยอยู่เงียบๆ อีกฝ่ายดูท่าทางผ่อนคลายและไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด เดิมทีหลิวจือหลิงอยากที่จะแวะมาที่นี่เพื่อโอ้อวด แต่ตอนนี้เธอเริ่มที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาหน่อยๆแล้ว เมื่อวานเธอถูกเอาอกเอาใจอย่างมาก พระมเหสีก็ควรที่จะโกรธหรือหึงไม่ใช่หรือไง?! ไม่ว่าจะแย่แค่ไหนก็ตามแต่ก็ควรที่จะไม่พอใจอยู่บ้างสิ อย่างเช่นถ้าเธอทำความเคารพนางก็ควรที่จะไม่บอกให้เธอลุกขึ้น
ทำไมถึงได้ไม่สนใจและเฉยเมยราวกับว่าไม่รู้สึกถึงภัยอะไรเลยล่ะ มันยากมากเลยเหรอที่จะรู้สึกอะไรบ้าง? สายตาของพระมเหสีมองไปที่ทุ่งดอกไม้และทอดยาวไปตลอดทางอย่างสนอกสนใจ นี่ไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามอะไรบ้างเลยหรือไงนะ?!
เธอนึกถึงความอ่อนโยนที่หาได้ยากขององค์จักรพรรดิเมื่อคืน และหัวใจของเธอก็นิ่งมากขึ้น
“พระมเหสี นี่เป็นของขวัญจากองค์จักรพรรดิที่ให้มาเมื่อเช้านี้ ข้าคิดว่ามันสวยมากเลย ข้าจะเอาไปสวดมนต์ด้วย ข้าหวังว่าพระมเหสีน่าจะชอบ” หลิวจือหลิงให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังหยิบไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่ออกมา
ไข่มุกนี้ล้ำค่าจริงๆ สวยมาก สายตาของหลิวจือหลิงแวบประกาย
พร้อมด้วยท่าทางร่าเริง องค์จักรพรรดิคงจะพอใจเธออย่างมากถึงได้มอบรางวัลให้ ใช่ไหม?!
มู่หรงโบกมือ แล้วสาวใช้ก็รีบหยิบไข่มุกสีดำออกมาทันที
“เจ้ามีน้ำใจมาก เจ้าไม่ต้องเอาของมีค่าขนาดนั้นมามอบให้ข้าหรอก และที่นี่เองก็มีของแบบนั้นอยู่แล้วด้วย”
หลิวจือหลิงมองไปที่ไข่มุกที่ใหญ่กว่าชิ้นที่เธอหยิบออกมาอีก เธอรู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อย
“ขอบพระทัยเพคะพระมเหสี” เพียงแค่ว่าไข่มุกนี่ช่างเปล่งประกายเหลือเกิน
นี่พระมเหสีหมายความว่ายังไงกันแน่?! นี่นางจะบอกว่านางได้รับความรักมากกว่าเธองั้นเหรอ?! หลิวจือหลิงขย้ำผ้าเช็ดหน้าจนเป็นก้อนกลมพร้อมทั้งพยายามรักษารอยยิ้มอย่างยากลำบาก
มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ สาวน้อย เจ้ายังอ่อนประสบการณ์อีกมาก “เป็นอะไรหรือเปล่า? เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างอ่อนโยน
“จะไม่สบายได้ยังไงล่ะเพคะ? ข้าก็แค่คิดว่า องค์จักรพรรด์คงจะรักพระมเหสีอย่างมากจริงๆถึงมองของที่ล้ำค่าขนาดนี้ให้ ข้าเกรงว่าข้าก็หาของแบบนี้มามอบให้ท่านไม่ได้แน่ๆ” หลิวจือหลิงพูดเสียงเบาแต่สีหน้านางก็ยังไม่สู้ดีเท่าไร
ความอ่อนโยนขององค์จักรพรรดิเมื่อคืน เป็นสิ่งที่พระมเหสีได้รับมาแล้วมากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งแรก องค์จักรพรรดิไม่มองเธอเลย แต่ความอ่อนโยนในสายตาก็ดูแปลกอย่างมากแต่ไม่ว่ายังไง สักวันองค์จักรพรรดิก็จะต้องหันมามองเธอแน่ๆ
ในตอนนี้มีเสียงรายงานจากด้านนอกดังขึ้นมา
“ถวายบังคมพระมเหสี” เป็นเฟิงอู๋ซีนั่นเอง
สายตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายอย่างห้ามไม่ได้ “ลุกขึ้นแล้วนั่งก่อนสิ”
เฟิงอู๋ซีไม่ได้สนใจ สีหน้าที่มองมาที่มู่หรงแสดงถึงความไม่แยแส สายตาแวบประกายเย็นชา แน่นอนว่าเธอได้ยินเรื่องของสนมหลิวเมื่อคืนแล้ว
ในตอนนี้สายตาหันไปมององค์หญิงหลิวจือหลิงด้วยสายตาที่เกลียดมากขึ้นกว่าเดิมอีก ในเรื่องของความสวย เธอดูสวยกว่าตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?! ทำไมองค์จักรพรรดิถึงเลือกนางแต่ไม่ใช่เธอ
“เมื่อสองสามวันก่อน ข้าไม่ค่อยสบายเท่าไรก็เลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมพระมเหสีเลย วันนี้ข้าจึงอยากที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย หวังว่าคงไม่ทำให้พระมเหสีไม่พอใจนะเพคะ” เฟิงอู๋ซีพูดออกมาอย่างไม่เคารพเท่าไร
“ข้าไม่พอใจจริงๆแหละ ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าต่อไปข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้าอีก?” มุ่หรงพูดเสียงเรียบ
หัวใจของเฟิงอู๋ซีเย็นวาบขึ้นมา “พระมเหสีและสาวงามหลิวก็กำลังสนุกกันอยู่ที่นี่ ข้าก็คงจะทำตัวขี้เกียจไม่ได้ใช่ไหม เพคะ?” แล้วเธอจะเจอองค์จักรพรรดิได้ยังไงถ้าไม่มาที่นี่ อีกอย่างผู้คนต่างก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกันหมดแล้วด้วย
ในเมื่อองค์จักรพรรดิไม่ได้ตำหนิคนที่ใช้วิธีหน้าไม่อาย งั้นเธอก็จะทำแบบเดียวกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกถึงผงแป้งที่อยู่ด้านในแขนเสื้อแต่เธอไม่โง่พอที่จะเอามันมาใช้ที่นี่ วันนี้
ยังไงซะมันก็ดูน่าเกลียดเกินไปที่จะใช้วิธีเดิมเป็นครั้งที่สอง บางทีเธอควรที่จะใช้วิธีอื่น
“ฮึ! ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ได้แวะมาหาข้าหรอก” หลิงหยางมัวทำอะไรอยู่เนี่ย? ไหนบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ไม่ใช่หรือไง?! ทำไมเฟิงอู๋ซีถึงยังมาสร้างปัญหาอยู่นี่ได้อีก อย่าประเมินพวกผู้หญิงต่ำไปเชี่ยวนะ ผู้หญิงเวลาที่โหดขึ้นมาน่ากลัวกว่าพวกผู้ชายอีกนะ อีกอย่างในบรรดาทุกคนก็มีเฟิงอู๋ซีนี่แหละที่อยากได้ชีวิตของหลินหยาง แล้วจะปล่อยให้อยู่แบบนี้ได้ยังไง
“ข้านึกถึงพระมเหสีอยู่ตลอดเวลานะเพคะ นี่เป็นโสมที่ข้าเอามาจากดินแดนสายลม หวังว่าพระมเหสีจะทรงชอบนะ เพคะ” นางต่างหากที่จะต้องถูกกิน โสมนี้ถูกนำไปแช่ในยาพิษก่อนที่จะนำมาที่นี่แล้ว แน่นอนว่ามันไม่ได้ออกฤทธิ์หลังจากที่กินไปแค่ครั้งเดียว แต่มันจะค่อยๆกัดกร่อนร่างกายและทำให้ตายไปในที่สุด
“โอ้” มู่หรงมองไปที่โสม สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกัน ปกติแล้วเธอก็ค่อนข้างที่จะระวังเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้วและนี่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าโสมนี่มีอะไรที่ดูผิดปกติไป แต่นางก็ช่างกล้าเหลือเกิน เข้ามาพูดแบบนี้โดยที่ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรู้เจตนาบ้างเลยหรือไง?!
“เข้ามารับโสมนี่ไปแล้วทำซุปมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” มู่หรงเสวี่ยสั่ง
“เพคะพระมเหสี” ในตอนนี้ สาวใช้เดินเข้ามาพร้อมรับโสม
เฟิงอู๋ซียิ้มอยู่ในใจ ใครๆก็รู้ว่าโสมเป็นของดี แถมนี่ยังเป็นโสมพันปีอีก ไม่แปลกใจเลยที่พระมเหสีถึงกับรอไม่ไหวที่จะได้ชิม
แน่นอนว่ามู่หรงสังเกตเห็นสีหน้าของนาง มีความสุขงั้นเหรอ?! เดี๋ยวนะ นางมีความสุข
ตั้งแต่ที่เฟิงอู๋ซีเข้ามาหลิวจือหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากที่จะพูดแต่อยู่ดีๆก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา เธอถึงขนาดรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยด้วยซ้ำ
เมื่อวานองค์จักรพรรดิจะพอใจหรือเปล่านะ?! จะคิดว่าพระมเหสีดีกว่าหรือเปล่า? หรือว่าทั้งหมดเป็นแค่เพราะยาเท่านั้น?
พระองค์ไม่ได้ชอบเธอเลยหรือเปล่านะ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของหลิวจือหลิงก็ซีดเผือดขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องพยายามที่จะสงบใจเอาไว้ ไม่สิ เมื่อคืนตอนที่กินอาหารองค์จักรพรรดิก็อ่อนโยนกับเธอจะตาย
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีนางสนมอีกสองสามคนที่แวะเข้ามา มู่หรงเสวี่ยบอกให้พวกนางนั่งลงทีละคนๆ พวกนางต่างก็มาเพื่อที่จะเจอกับหลินหยาง
อนิจจา ในยุคโบราณพวกพระราชามักที่จะโหดเหี้ยมและเธอก็ไม่รู้ว่าในอนาคตหลินหยางจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ ยังไงซะเธอก็จะไม่อยู่ในโลกนี้อยู่แล้ว
เหล่านางสนมที่นั่งลงต่างก็พูดชื่นชมมู่หรงกันไม่หยุด
“พระมเหสีสวยมากเลยเพคะ”
“ใช่ไหม? ยิ่งได้มองใกล้ๆก็ยิ่งเห็นว่าผิวของพระองค์เปล่งประกายอย่างมากจริงๆ”
“ยิ่งสวมชุดสีทองยิ่งช่วยขับผิดใหญ่เลย”
“…”
นี่มันช่างฟังแล้วลื่นหูดีจริงๆ มู่หรงเสวี่ยยิ้ม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีแต่คนอยากมานั่งในตำแหน่งนี้
วิวจากสูงสูงสุดนี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
เฟิงอู๋ซีรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ทุกคนต่างก็มาที่นี่ เธอคิดว่าวันนี้คงไม่มีโอกาสแล้ว ทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อที่จะได้เจอกับ องค์จักรพรรดิ
หลังจากนั้นสักพักองค์จักรพรรดิก็เข้ามาจริงๆแล้วเหล่านางสนมมากมายก็แทบจะรีบลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น
องค์จักรพรรดิ ในที่สุดพวกเธอก็ได้เจอกับองค์จักรพรรดิ
มู่หรงแลบลิ้นออกมาแต่ก็ไม่มีใครเห็น ถ้านี่เป็น…
มู่หรงหยุดไปชั่วขณะ จู่ๆก็นึกไม่ออก ถ้าเป็นใครนะ? เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย
ใครกันนะ? ร่างที่เห็นนั่นคือใครกัน?
มู่หรงรู้สึกปวดหัวจึงเอามือนวดไปที่ขมับ หลินหยางรีบเดินเข้ามาโดยไม่สนใจเหล่าสาวงามที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เขา นี่เจ้าจะทำอะไรเนี่ย? ไม่มีอะไรแค่คนมันเยอะเกินไปข้าก็เลยปวดหัว
ถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบาย งั้นก็ใช้ข้าเป็นเกราะสิ
นี่เจ้าอยากจะให้พระมเหสีทำอะไรอีกเนี่ย?! บ้าจริงหลินหยาง ข้าไม่ใช่พระมเหสีของเจ้าจริงๆนะ
แต่ยังไงซะก็เป็นพระมเหสี ช่วยข้าหน่อยไม่ได้เหรอ? ผู้หญิงพวกนี้ เจ้าช่วยข้าแก้ปัญหานี่หน่อยได้ไหม?!
ใครสนกันล่ะ? ไปเลยนะ
ไม่! ไม่ต้องกังวลนะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก
บ้าเอ่ย ออกไปเลยนะ!
มู่หรงเสวี่ยและหลินหยางจ้องตากันอยู่นาน เหล่าผู้หญิงที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเย็นๆต่างก็รู้สึกสับสนไปหมด
ตอนที่องค์จักรพรรดิเข้ามา พระองค์มองไม่เห็นพวกเธอเลยหรือไง?! โดยเฉพาะหลิวจือหลิงที่แทบอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว เมื่อคืนองค์จักรพรรดิไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ เมื่อคืนพระองค์อ่อนโยนกับเธออย่างมาก แต่ทำไมตอนนี้พระองค์กลับไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ เธอคือสาวงามหลิวไม่ใช่หรือไง?
!
องค์จักรพรรดิลืมความสุขที่ทำร่วมกันเมื่อคืนแล้วหรือไง?! แล้วทำไมเธอยังจำไม่ลืมเลยล่ะ?
ดวงตาของหลิวจือหลิงแดงระเรื่อ นี่พวกเธอนั่งคุกเข่ากันมานานแค่ไหนแล้วนะ? องค์จักรพรรดิเห็นเพียงแค่พระมเหสีเท่านั้น
พระมเหสีไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับพวกเธอด้วยซ้ำ
ตำแหน่งที่เฟิงอู๋ซีนั่งอยู่เห็นมู่หรงได้อย่างชัดเจน เป็นอย่างที่คิดไว้เลยว่านางไม่ได้อยากให้พวกเธอได้เจอกับ องค์จักรพรรดิเลยสักนิด ไม่งั้นทำไมนั่งอยู่ตั้งนานไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่พอองค์จักรพรรดิเข้ามานางก็ทำตัวอ่อนแอบอบบางขึ้นมาทันทีเลย