บทที่ 370
ยา
คืนนี้องค์จักรพรรดิอ่อนโยนอย่างมาก ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสนี้งั้นเธอควรที่จะสู้ ตอนนี้จู่ๆเธอไม่อยากที่จะใช้มันอีกแล้ว เธอไม่ใช่คนโง่ แล้วถ้าองค์จักรพรรดิปฏิบัติกับตรงกันข้ามก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ
“เป็นอะไร? อาหารไม่อร่อยหรือไง?” หลินหยางถามอย่างอ่อนโยน พร้อมด้วยท่าทางเป็นสุภาพบุรุษอีก
“เปล่าเพคะ อาหารอร่อยมาก” เธอตอบ แค่คำพูดขององค์จักรพรรดิอย่างเดียวก็ทำให้อาหารอร่อยขึ้นเป็น 100 เท่าแล้ว
หลินหยางไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่น ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความรักในชีวิตที่แล้วอีก ยังมีบางคนที่เขายังตัดใจไม่ได้แต่มันก็ต้องใช้เวลา ยังมีคนที่ต้องการเขาอีก ปล่อยให้เธออยู่ในใจเขาไปตลอดกาลเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“มาเถอะ กินเยอะๆนะ” หลินหยางตักเกี๊ยวหยกให้เธอ
“เพคะ” หลิวจือหลิงพูดอย่างอ่อนโยน
เธอรู้สึกสับสนนิดหน่อยจนไม่รู้จะพูดยังไง เธออยากที่จะเข้าใกล้องค์จักรพรรดิ เธอมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับพระองค์ เธออยากที่จะทำตัวให้ดีกว่านี้ ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้นะ
มู่หรงมองไปที่คนทั้งสองด้วยท่าทางสนใจในระหว่างที่กำลังกิน เมื่อสองสามวันก่อนหลินหยางบอกเธอเรื่องผู้หญิงที่เขาชอบ และเธอบอกเขาให้สุภาพกับผู้หญิงหน่อย ไม่งั้นจะไม่มีผู้หญิงมาชอบ
เมื่อมองดูท่าทางของหลินหยางในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เกลียดเพียงแต่ว่าไม่ชอบเท่านั้น
สีหน้าของหลิวจือหลิงทำท่าทางเขินอายแต่ในสายตาของเธอกลับคิดไปถึงเรื่องที่ดำมืดในหัวใจไปแล้ว
มู่หรงเสวี่ยส่ายหัวเล็กน้อย นึกถึงหญิงสาวมากมายที่อยู่ตำหนักด้านหลัง พวกนางต้องรับใช้ผู้ใช้คนเดียวกันและอยากที่จะสู้เพื่อผู้ชายที่รักท่ามกลางผู้หญิงมากมาย
ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงจะยอมรับไม่ได้ โชคดีที่เฟิงจือหลิงไม่มีวันทำแบบนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่หรงเสวี่ยก็อึ้งไปและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เพียงแค่ว่าร่างในความคิดมักจะคอยโผล่ขึ้นมาเป็นครั้งคราวและนั่นทำให้อยู่ดีๆความรู้สึกที่กำลังดีของเธอกลับกลายเป็นเจ็บปวดอย่างมากขึ้นมาทันที
หลิวจือหลิงคิดในระหว่างที่กำลังกิน ถึงแม้คืนนี้องค์จักรพรรดิดูจะใจดีอย่างมากแต่พระองค์จะยอมไปที่ห้องกับเธอหรือเปล่านะ?!
เธอเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ด้านข้าง ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะไม่ได้พูดอะไรแต่เธอก็ยังเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
ในหัวใจยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอยังไม่ลืมว่าครั้งที่แล้วที่เธอมาองค์จักรพรรดิอ่อนโยนกับพระมเหสีมากแค่ไหน แล้วที่ตอนนี้องค์จักรพรรดิทำแบบนี้กับเธอจะเป็นเพราะพระองค์ชอบเธอขึ้นมาจริงๆงั้นเหรอ?!
เธอแทบจะเดาคำตอบไม่ออกเลย ถ้าในครั้งแรกพระองค์แทบจะไม่มองหน้าเธอเลย แล้วครั้งที่สองนี่พระองค์จะมาชอบเธอได้ยังไง รอยยิ้มของพระมเหสีค่อยๆเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ หรือนี่จะเป็นเพราะความคิดของพระมเหสี เธอนี่ช่างน่าเศร้าอะไรขนาดนี้นะ
เมื่อสองสามวันก่อนมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องเฟิงอู๋ซี องค์หญิงแห่งดินแดนสายลมที่ใบหน้าสวยกว่าเธอมากแต่ก็ยังทำให้องค์จักรพรรดิสนใจไม่ได้เลยสักนิด
แล้วทำไมถึงคิดว่าเธอจะทำได้ล่ะ บางทีองค์จักรพรรดิอาจจะทำเพราะต้องการปกป้องพระมเหสีก็ได้ เธอนึกถึงจดหมายที่ท่านแม่ส่งมาให้เธอเมื่อสองวันก่อน ในจดหมายบอกว่าพวกรัฐมนตรีกำลังจะฟ้องพระมเหสีที่เก็บองค์จักรพรรดิไว้คนเดียวและเตรียมพร้อมที่จะโจมตีนางด้วย อย่างไรก็ตามอยู่ดีๆวันนี้ องค์จักรพรรดิก็ดีกับเธอและก็ทรงเป็นมิตรอย่างมาด้วย หัวใจเธอหมองหม่นลงทันที
เธอเรียนรู้เรื่องการเมืองมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เธอไม่รู้สึกว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรผิดหรอก องค์จักรพรรดิก็แค่รักพระมเหสีมากจนยอมให้เธอนั่งอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สติของ หลิวจือหลิงก็นึกถึงของที่อยู่ใต้แขนเสื้อขึ้นมา
เล็บยาวบังเอิญตักไปที่ผงแป้งที่อยู่ข้างในแล้วเธอจึงดึงมือออกมาและรีบหยิบถ้วยที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา เธอใส่ผงแป้งลงไปในถ้วยซุปโดยตรงซึ่งไม่มีใครสังเกตสิ่งที่เธอทำเลย
แล้วเธอก็ก้มหัวลง สายตาแวบประกายพร้อมทั้งยกถ้วยขึ้นดื่มอย่างหนักแน่น เธอจะยอมเรื่องที่พระมเหสีเป็นคนโปรดได้ยังไงกัน เธอเพียงแค่ต้องการให้องค์จักรพรรดิมองเธอมากกว่านี้
ตอนนี้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ผู้ชายแบบนี้ใครบ้างจะไม่อยากได้ไว้คนเดียว เธอเองก็ต้องการพระองค์เหมือนกัน
ความรัก, ความอ่อนโยน, รอยยิ้มของพระองค์ ทั้งหมดต้องเป็นของเธอ มีเพียงตำแหน่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอได้ฝังอยู่เคียงข้างพระองค์หลังความตาย
แล้วทำไมเธอจะไม่แย่งมาล่ะ? ต่อให้เธอไม่ทำ คนอื่นก็ต้องเข้ามาแย่งอยู่ดี อย่างองค์หญิงเฟิงอู๋ซีที่พยายามอยู่เมื่อสองสามวันก่อนนั่นไง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวจือหลิงก็ยิ่งมุ่งมั่นมากกว่าเดิมอีก
มู่หรงและหลินหยางไม่ทันได้สังเกตเลย
“องค์จักรพรรดิ…” หลิวจือหลิงกัดริมฝีปากจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงที่เปล่งออกมา
หลินหยางหันหัวกลับมาและได้เห็นสีกหน้าที่แดงระเรื่อของหลิวจือหลิง เธอกำลังกัดริมฝีปากราวกับว่าพยายามที่จะอดทนกับอะไรบางอย่างอยู่
“เจ้าเป็นอะไรเหรอ?” หลินหยางถามพร้อมขมวดคิ้ว
“องค์จักรพรรดิ ข้าร้อนมากเลยเพคะ” เมื่อพูดจบ หลิวจือหลิงก็แทบจะทนไม่ไหวจนต้องดึงเสื้อผ้าตัวเอง
สีหน้าของหลินหยางเปลี่ยนไปในทันทีและรีบกดมือของนางไว้และก็รู้สึกว่ามันร้อนอย่างมาก เขาแตะไปที่หน้าของนางที่ร้อนราวกับเป็นไข้ “มานี่เร็ว หมอหลวงฉิง”
สายตาของมู่หรงดูจะแปลกไปนิดหน่อยและอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่หลิวจือหลิงที่กำลังบิดไปมา สีหน้าของนางดูแปลกอย่างมาก
หลินหยางกดมือที่กำลังขัดขืนของหลิวจือหลิง ในตอนนี้ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนี้นะ? ท่าทางแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?!
สติของหลิวจือหลิงเริ่มที่จะรางเลือนนิดหน่อยแล้ว แต่สายตาของเธอก็ยังจ้องไปที่พระมเหสีที่อยู่ไม่ห่าง และทันใดนั้นก็มีท่าทางไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย องค์จักรพรรดิไม่เข้าใจหรือไงกันนะ?!
เธอแสดงท่าทางออกจะชัดเจน ทำไมองค์จักรพรรดิถึงไม่เข้าใจอีกนะ “องค์จักรพรรดิ ข้ารู้สึกไม่ดีอย่างมากเลยเพคะ” เธอกัดริมฝีปากจนแทบจะเลือดไหลออกมาอยู่แล้ว
ทันใดนั้นหลินหยางก็มองไปที่มู่หรงด้วยสายตาแปลกๆ
มู่หรงจ้องกลับมาที่เขา “เจ้าคิดว่าข้าทำหรือไง? ข้าเป็นแพทย์แผนจีนนะ เจ้านั้นคิดว่าเป็นข้าหรือไง”
เมื่อหลิวจือหลิงได้ยินแบบนี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าพระมเหสีจะต้องตายแน่ๆ เวลาแบบนี้ถ้าเธอฉลาดก็ควรที่จะอยู่เงียบๆไม่ใช่เหรอ?! ท่ามกลางทุกคนยังไม่มีการยืนยันว่านี่เป็นยาพิษ คนรู้ว่านี่เป็นยาพิษก็ควรจะเป็นผู้ต้องสงสัยไม่ใช่เหรอ?!
หัวใจของหลิวจือหลิงแวบความรู้สึกภูมิใจ ยังไงซะเธอก็รู้สึกว่าสุดท้ายพระมเหสีก็ต้องจบเห่เพราะความโง่เขลาของตัวเองซะแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่นานองค์จักรพรรดิก็กลับมาได้สติ ไม่น่าจะใช่ฝีมือมู่หรงเสวี่ย เธอไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องอะไรแบบนี้ ยังไงซะนี่ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับเธอเลยใช่ไหมล่ะ?!
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นด้วย ทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่การแสดง “เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” หลินหยางพูดออกมาเสียงเรียบ
มู่หรงเลิกคิ้วสูง และมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง เขาสงสัยเธอจริงๆด้วย อย่างที่คิดไว้เลยว่าธาตุแท้ของผู้จะเผยออกมาก็ต่อเมื่อได้อำนาจไว้ในกำมือ
“เจ้าไม่พานางไปที่ห้องหรือไง มัวรออะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ? เจ้าคิดว่าหมอหลวงรักษานางได้ไม่ใช่หรือไง” มู่หรงพูดเสียงเรียบ
ถึงแม้หลิวจือหลิงจะเริ่มลางเลือนแต่เธอก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง บทสนทนาระหว่างองค์จักรพรรดิและพระมเหสีกระแทกเข้าที่หน้าเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขา องค์จักรพรรดิเชื่อนาง แล้วเธอล่ะ?! ต้องตายฟรีหรือไง?
ทำไมองค์จักรพรรดิยังไม่พาเธอกลับไปที่ตำหนักอีกล่ะ นี่จะรอให้เธอตายก่อนหรือไง? นี่เธอแพ้พนันงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นหลิวจือหลิงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที กลัวที่จะต้องตาย เธอจับไปที่มือขององค์จักรพรรดิแน่น “องค์จักรพรรดิ ข้าเสียใจเหลือเกิน…” ช่วยเธอด้วย เธอยังไม่อยากที่จะตาย
สีหน้าของหลินหยางยุ่งเหยิง เขามองไปที่มู่หรง “นางยังเด็กอยู่เลย…” ภาพที่เห็นคือเด็กสาวน่ารัก
มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้ม พูดแบบนี้ก็แปลว่าหลิวจือหลิงทำตัวเอง เธอไม่เชื่อหรอกว่าหลินหยางจะมองไม่ออก
“เจ้าไม่ได้ทรมานซะหน่อย จะทำหน้ายุ่งแบบนั้นทำไม?” เนื่องจากท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาเมื่อเย็นนี้ มันก็เห็นอยู่ชัดๆว่านี่หมายความว่าไง ไม่งั้นจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?!
เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ องค์จักรพรรดิบอกว่าเธอเป็นเด็กได้ยังไงกัน? นี่รูปร่างของเธอดูไม่มีเสน่ห์มากพองั้นเหรอ?! เธออดที่จะหันไปมองพระมเหสีอีกครั้งไม่ได้แต่นางก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอมากเท่าไรเลย หรือเพราะองค์จักรพรรดิรักเพียงแค่พระมเหสี พระองค์ก็เลยไม่อยากที่จะแตะต้องผู้หญิงคนอื่นนอกจากพระมเหสี
พระมเหสีช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ น้ำตาที่เอ่อล้นของหลิวจือหลิงหยดลงไปที่มือของหลินหยางซึ่งร้อนอยู่เล็กน้อย
หลินหยางรีบอุ้มหลิวจือหลิงขึ้นมาทันทีและพาเข้าไปในตำหนัก
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของมู่หรงเสวี่ยนั่นยิ่งใหญ่กว่า “อย่าเข้าไปที่ห้องข้า เจ้าพานางไปที่อื่นสิ”
หลินหยางหยุดเดินและรีบเดินออกไปข้างนอกอย่างเร็ว มีปัญหาและข้อเรียกร้องเยอะจริงๆ
หลิวจือหลิงรู้สึกไม่สบายมากขึ้นเรื่อยๆ เธออดไม่ได้ที่จะเกาะองค์จักรพรรดิแน่น สายตาของหลินหยางเต็มไปด้วยความปรารถนา
ร่างกายที่อ่อนนุ่มพร้อมด้วยกลิ่นหอมและใบหน้าที่อ่อนเยาว์ที่ย้อมไปด้วยสีแดงระเรื่อจึงทำให้ดูอ่อนหวานราวกับสาวเต็มวัย
หลินหยางอุ้มเธอเข้าไปในตำหนัก ขันทีที่สายตาแหลมคมและสาวใช้รีบเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนสะอาดเพื่อเจ้านายทันทีพร้อมทั้งรีบเตรียมซุปร้อนๆไว้ด้วย
“ทุกคนออกไป” หลินหยางไม่อยากให้คนอื่นต้องเห็นสิ่งที่เขาจะทำ ทุกคนรีบถอยออกไปด้วยความเร็วพร้อมทั้งปิดประตูอย่างระวังและยืนรออยู่ข้างนอก
“องค์จักรพรรดิ…” หลิวจือหลิงดึงเสื้อผ้าของตัวเอง
ครั้งนี้หลินหยางไม่ได้ห้ามเธอ แต่เขากลับถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วย หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความโรแมนติก หลิวจือหลิงก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า หลินหยางนอนอยู่ที่เตียงและรีบลุกขึ้นมาอย่างเร็ว ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว เขาจึงรีบไปอาบน้ำ
สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงก็รีบเข้ามารับใช้และเตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนให้หลินหยางทันที พร้อมทั้งเตรียมเสื้อผ้าให้หลิวจือหลิงที่อยู่บนเตียงด้วยแต่นางก็ไม่ได้หันไปมองอะไร
มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในสวนกำลังกินอย่างบ้าคลั่งเพราะรู้สึกว่าวันนี้น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมายแน่ๆ แน่นอนว่าผ่านไปแค่วันเดียวบรรดาสาวๆในแต่ละตำหนักก็ได้ยินข่าวแล้ว
หลิวจือหลิงเองก็ได้รับฉายาว่า “หญิงงามหลิว” และเลื่อนอันดับของเธอขึ้นมาอีกอันดับและทำให้สาวๆในฮาเร็มเริ่มที่จะมีความหวังขึ้นมาได้ในที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ใช่เพียงแค่พระมเหสีเท่านั้น
หลิวจือหลิงนั่งเขินอายอยู่ในห้อง คืนก่อนเธอนอนกับองค์จักรพรรดิ ช่างน่าอายจริงๆเลย
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นองค์จักรพรรดิแล้วแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอมีความสุข อย่างน้อยองค์จักรพรรดิก็ปฏิบัติกับเธออย่างเท่าเทียม ใช่ไหม?!
นี่เป็นก้าวแรก ในอนาคตจะต้องดีกว่านี้แน่ๆ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สายตาของหลิวจือหลิงก็แวบประกายความปรารถนาอย่างแรงกล้าขึ้นมา
ส่วนคนที่มีความสุขที่สุดก็คือแม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิวจือหลิง เธอไม่คิดเลยว่าผลมันจะดีขนาดนี้ แม้แต่พระมเหสีก็ยังหยุดไม่ได้เลย ว่าแต่ทำไมพระมเหสีถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ พระองค์รักองค์จักรพรรดิจริงๆหรือเปล่าน่ะ?! แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรหรอก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเธอไปอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ แม่นมคิดว่าเส้นทางของคุณหนูไม่ได้ง่ายเลย
บางทีน่าจะไปสู้เพื่อตำแหน่งพระสนมองค์จักรพรรดิทั้งสี่มากกว่าการมาสู้กับพระมเหสี
เพียงแค่ว่าหลังจากเรื่องเมื่อคืน พระมเหสียังจะอยู่นิ่งได้จริงๆหรือเปล่า?!