เธอไปที่ออฟฟิศ แต่หัสดินกลับไม่อยู่ เลขาบอกว่าเขามาที่นี่ เธอเลยไม่ไว้วางใจทันที ดังนั้นเธอจึงตามมา จากนั้นก็เห็นฉากนี้อยู่ตรงหน้าเธอ
เรนนี่สวมรองเท้าส้นสูง ค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้า บนหินอ่อนที่แวววาวมีเสียงดังเกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเธอเดินไป คว้าแขนยู่ยี่ไว้ทันที “คุณมาทำอะไรที่นี่”
ยู่ยี่หันกลับไป โดยโดนสองสามีภรรยาจับแขนไว้คนละข้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“ทำไมต้องถามฉันแบบนี้ด้วย คุณควรถามคุณสามีของคุณ ไม่ใช่ฉัน เข้าใจไหม”
เรนนี่เยาะเย้ย “สามีของฉันทำไมเหรอคะ สามีของฉันดีมาก ก็มีเพียงสุนัขจิ้งจอกสะบัดหางออกมายั่ว จนทำผู้ชายคลั่งเท่านั้นแหละ”
“ต่อหน้าฉันกรุณาระวังคำพูดด้วยนะคะ” ยู่ยี่ทำหน้าเย็นชา และพูดตักเตือน
“คุณสามารถทำเรื่องอื้อฉาวได้ แล้วทำไมฉันจะพูดอะไรที่น่าเกลียดไม่ได้ล่ะ มายั่วผู้ชายที่มีภรรยาแล้วในที่นี้ คุณยังไม่อายคนอื่น หรือละอายใจเลย” เรนนี่รู้สึกเพียงว่าการที่หัสดินจับแขนของยู่ยี่ไว้นั้นมันระคายเคืองตามาก ด้านหนึ่งปล่อย ด้านหนึ่งก็ค่อยพูดเสียงดัง
รอบๆมีผู้คนอยู่มากมาย สายตาทั้งหมดกับจับจ้องมา ลองดู การลากดึงไปมา และการด่าทอเสียงดังของทั้งสามคน
ตอนนี้ข้อมือของยู่ยี่ถูกปล่อยออกแล้ว ถือว่าเป็นความดีความชอบของเรนนี่ เธอยืนขึ้น และจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างสง่า แล้วพูดกับหัสดิน “รบกวนสั่งสอนภรรยาของคุณให้ดีหน่อยนะคะ อย่าปล่อยให้เธอกัดคนอื่นไปทั่วเหมือนสุนัขบ้า”
เมื่อพูดจบ ก็เดินจากไป เรนนี่ตะโกนใส่หลังเธอ “ใครกัดคนอื่นไปทั่วเหมือนสุนัขบ้า คุณต่างหากที่มันทุเรศ ยั่วสามีฉันยังไม่รู้จักอาย แถมตอนนี้ยังมาโทษแต่คนอื่น”
สายตาจับจ้องมากขึ้นเรื่อย ๆ หัสดินหงุดหงิดใจ พูดอย่างเย็นชา“บ้าพอหรือยัง”
เรนนี่เลิกมอง“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“แล้วคุณล่ะ มาทำเพื่ออะไรที่นี่ ที่ทำให้ตัวเองเป็นจุดความสนใจของผู้คนแบบตอนนี้ได้ คงรู้สึกเป็นเกียรติมาสินะ” หัสดินชี้ไปที่สายตาที่อยากรู้อยากเห็นด้วยความสงสัยของผู้คนรอบข้าง
แม้ว่าเสียงของเธอจะอ่อนโยน แต่มันกลับมีความแหลมเกินไปเบาๆ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงได้ยิน กันหมด
ความโกรธของเขา เรนนี่รับรู้ได้ แต่ในตอนนี้ เขามีสิทธิ์ที่จะโกรธเธอเหรอ
“ตอนนี้คุณรังเกียจฉันที่ทำให้คุณเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบๆเหรอคะ” เรนนี่พูด ด้วยน้ำเสียงดุดัน ไปด้วยเปลวเพลิงที่เดือดพล่าน
ตอนนี้หัสดินไม่อยากจะสนใจเธอแม้แต่หน่อย จึงหันหลัง เดินออกไปข้างนอกบริษัททันที
เรนนี่ยอมปล่อยให้เขาจากไปสักที่ไหนล่ะ จึงเอื้อมมือ คว้าข้อมือของเขาไว้ “เมื่อกี้เธอยั่วคุณใช่ไหมคะ”
เธอที่พูดถึง คือยู่ยี่อย่างแน่นอน
คำพูดนี้ทำให้หัสดินขมวดคิ้วขึ้น และรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย“ปล่อย กลับบริษัทเดี๋ยวนี้”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนความคิดง่ายๆแน่ แต่ว่า คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” เรนนี่ยังคงจี้ถามคำถามเหล่านั้นไม่เลิก
หัสดินถือเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งชื่อเสียงในเมืองSคนหนึ่ง แถมเขาก็มักจะออกทีวีบ่อ นิตยสาร บ่อยๆ จึงทำให้คนในบริษัทมักจะรู้จักคุ้นเคยกับเขาอยู่แล้ว
ในเวลานี้พนักงานที่ผ่านไปมาในบริษัทมากมายก็หยุดเดิน จ้องมองทั้งสอง และเหมือนกำลังชี้ซุบซิบนินทาอะไรบางอย่างไม่ยอมเลิก แถมมีบางคนยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ด้วย
สุดท้ายก็เกิดความโมโหขึ้นมา หัสดินจึงเดินด้วยความเร็ว ไปแย่งโทรศัพท์ของพนักงานหญิงพร้อมกับปิดหน้าปิดตา “ถ่ายอะไรกัน”
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและเย็นชามาก ทำให้ผู้คนหนาวสั่นอย่างไม่รู้ตัว พนักงานหญิงรู้สึกกลัว จนไม่กล้าพูดอะไร
อารมณ์ที่ดื้อรั้นของเรนนี่เผยออกมาในเวลานี้ โดยดึงมือหัสดินไว้แน่นๆไม่ยอมปล่อย ยังคงไม่หยุดถามหาความผิดโดยไม่สนใจใดๆ
ในตอนนี้ความอดทนของหัสดินถูกทำลายลงไปจนหมดแล้ว แค่เพียงแขนที่มากพลังสะบัดออก ก็สามารถทำให้เรนนี่ที่ทรงตัวไม่นิ่งอยู่แล้วล้มลงกับพื้นได้ทันที
เขาขมวดคิ้ว ก้าวเท้าเดิน จากไป
เรนนี่ในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก แถมยังรังเกียจเล็กน้อย
เรนนี่สวมรองเท้าส้นสูง บวกกับยังยืนไม่นิ่ง การล้มครั้งนี้ จึงทำให้ข้อเท้าแพลง มันเจ็บจนคิ้วขมวดชนกันในทันที
แต่หัสดินไม่หันกลับไปมอง โดยหายไปกับรถเบนท์ลีย์สีดำในหน้าอาคารบริษัททันที
ความรู้สึกเจ็บปวดบีบคั้นหัวใจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เรนนี่ไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย จนในที่สุดก็ลุกขึ้นด้วยการพยุงจากพนักงานที่อยู่ตรงนั้น
ทิ้งเรื่องข้อเท้าแพลงไว้ก่อน เพียงแค่เผชิญหน้ากับสายตารอบข้าง เรนนี่ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย สุดท้ายยังโดนคนอื่นพยุงขึ้นมาอีก
ขาที่เจ็บจากการแพลง เธอค่อยๆเดินออกไปอย่างช้าๆ ด้านหลังมีสายตามากมายจ้องอยู่ กลับรู้สึกเหมือนเข็มบางๆทิ่มแทงเข้าไป มันเจ็บยิบๆยับเต็มไปหมด
ในวินาทีนี้ ความขุ่นเคืองในใจของเรนนี่ที่มีต่อหัสดินมันมากถึงขีดสุดแล้ว เหมือนน้ำร้อนที่เดือดพล่านจนมีไอสีขาวพุ่งออกมาอย่างไม่หยุด มันเพียงพอที่จะลวกผู้คนให้ได้รับบาดเจ็บได้แล้ว
เมื่อยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ยู่ยี่ก็สามารถเห็นสถานการณ์ตรงหน้าได้ชัดเจน ตอนนี้ทั้งสองทะเลาะกันมากพอแล้ว จึงทำให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
เธอยักไหล่ ไม่รู้สึกไม่รู้สาอะไรมาก กลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วยุ่งกับการทำงานต่อ
ตอนนี้นิสัยของเรนนี่ค่อยๆเปิดเผยออกมาแล้ว ช่างผยองเอาแต่ใจยิ่งนัก
ตอนเที่ยง ฉันทัชโทรมา บอกว่า จะกลับไปที่เมืองS ในอีกสองสามวัน
ยู่ยี่ขอให้เขาอย่าคิดฟุ้งซ่าน เธออยู่ที่นี่สบายดี แถมยังมีโก๋มารับมาส่ง ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ข้อนิ้วยาวของฉันทัชนวดตรงขมับเบาๆ สถานการณ์ในสองสามวันนี้ ไม่ค่อยดีนัก
หลังจากที่อาคิระรู้แล้วว่าตระกูลหฤทัยไพรุณจะไม่ยุ่งเรื่องของเอวาอีกแล้ว กลับทำให้อารมณ์ร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และมาที่คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณเป็นประจำไม่ขาด
“ใช่แล้ว คุณท่านบ่นคิดถึงคุณตลอดเลยนะ บอกว่าอยากเล่นปิงปองกับคุณ และถามผมว่าคุณจะมาเมื่อไหร่……” น้ำเสียงอ่อนโยนของฉันทัช พูดอย่างเบาๆ
คำพูดนี้ ยู่ยี่รู้สึกไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เธอกับคุณท่าน เพิ่งเจอกันได้เพียงครั้งเดียว เวลาที่อยู่ด้วยกันนั้นน้อยมาก คุณท่านจะบ่นคิดถึงเธอได้ยังไง
เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนประเภทที่เห็นครั้งแรกก็สามารถทำให้คนอื่นชอบได้ทันที แถมยังสนิมยากอีกด้วย
“พูดผมจริงนะ เขาบอกว่าคุณมันคนโกหก พูดตกลงกับเขาแล้วว่าจะมาหาเขาอีกแต่ก็กลับเมืองS ไปแล้ว ผมขอรับกันด้วยชื่อเสียงของผม และผมไม่เคยโกหกคุณเลยด้วย ใช่ไหม”
คุณท่านคิดถึงจริงๆ เขารู้สึกเบื่อทุกวัน จึงเรียกคนในตระกูลหฤทัยไพรุณมาเล่นปิงปองกับเขา
แต่ตีเร็วเกินไปเร็ว คุณท่านรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่กลับเหงื่อออกเต็มหัว จึงทำให้เกิดอารมณ์เสียขึ้นทันที ไม่มีใครได้ดั่งใจสักคน
ยู่ยี่อดหัวเราะไม่ได้ “โอเค รู้แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันจะไปทานอาหารกลางวันแล้วนะคะ”
“กินอะไรที่มีประโยชน์หน่อยนะ อาหารในบริษัทเป็นยังไงบ้าง” ฉันทัชพูด
“ก็พอได้มั้งคะ”
“โทรหาโก๋ ให้เขาพาคุณไปทานข้าว คุณชอบดื่มซุปปลาที่นั่นไม่ใช่เหรอ……”
ยู่ยี่รีบส่ายหัว แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขามองไม่เห็นหรอก จึงรีบพูด“ก็ดีนะคะ ฉันได้ยินจากเพื่อนร่วมงานว่าเที่ยงนี้มีซุปปลาด้วยค่ะ แถมยังเป็นซุปปลาเนื้อนุ่ม รสชาติดีมากเลยค่ะ”
……
เธอไปด้วยกับเพื่อนร่วมงาน เมื่อมาถึงร้านอาหาร ใครที่รู้ว่าอาหารกลางวันยังทำไม่เสร็จ พ่อครัวกำลังยุ่งกันอยู่
ยู่ยี่อดที่จะสงสัยไม่ได้ เธอขมวดคิ้ว ตอนเวลาทานอาหารเที่ยงนั้นมีการสั่งไว้แล้ว โดยปกติยังไม่ถึงเวลาทาน อาหารเที่ยงก็ทำเสร็จแล้ว แต่วันนี้เป็นอะไรไป
เมื่อมองดูเวลา เธอก็คิดว่าจะออกไปทานข้างนอก มีเสียงจากข้างในลอยออกมา ให้รออีกสิบนาทีก็เสร็จแล้ว ตอนนี้ให้ทานอาหารว่างไปก่อน
บริษัทมีอาหารว่างเพิ่มมาเมื่อไหร่กัน ไปกลับก็ยุ่งยากเหมือนกัน และที่สำคัญสุดคือเธอรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นเธอจึงไม่ออกไปแล้วกัน เลยเลือกหยิบของหวานมาเล็กน้อย เพื่อการรอ