บทที่ 479 ทำไมคุณไม่อธิบายให้ฟังผม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขากำลังเตรียมการสำหรับอนาคตของเขาทั้งสองคน ต่อจากนี้ที่ยาวนาน ไม่ใช่การชั่วคราวเช่นนั้น อยากที่จะปักหลักปักฐาน จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า

ในขณะนี้ ในใจเขาเกิดความกลัว และความไม่สบายใจเล็กน้อย

หากไม่มีเธอ เขากลัวว่าต่อไปจะไม่สามารถได้พบกับผู้หญิงที่ทำให้เขาใจเต้นเช่นนี้ได้อีก

ในวัยนี้ของเขา ได้ผ่านผู้คนและเรื่องมากมาย และผ่านอุปสรรคมามากมายแล้ว รู้สึกเฉยเมยต่อผู้คนและสิ่งต่างๆมากมายแล้วในระดับหนึ่ง

แต่ว่า จนกระทั่งได้พบกับเธอ เขาถึงเข้าใจว่าหัวใจที่นิ่งสงบของตัวเองมันใช้ไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ

เขาไม่ใช่คนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเธอ มันกลับรุนแรงจนตัวเขาเองก็รู้สึกแปลกใจ

ตอนนี้เธอกำลังท้อง มีลูกตัวเองอยู่ในท้อง เขาจึงทำได้แค่อดทน และงับอารมณ์ที่เดือดพล่านอย่างรุนแรงไว้

ความรู้สึกที่ต้องอดทนแบบนั้นมันไม่ง่ายเลย แต่เขากลับเพลิดเพลินกับมันมาก การทรมานก็คือการเพลิดเพลินแบบหนึ่ง

“อย่าให้ผมเป็นห่วงนะ โอเคไหม” ฉันทัชแหนบหน้าผากมาชิดหน้าผากเธอ ทั้งสองตากัน ในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

“ฉันจะไม่ทำให้คุณเป็นหวังนะคะ ฉันขึ้นเที่ยวบินล่าสุดกลับ จากนั้นจะให้โก๋รอฉันที่สนามบินค่ะ หลังจากที่ฉันถึงบ้านแล้ว จะโทรกลับไปหาคุณเป็นลำดับแรกเอย่างแน่นอน คุณดูสิว่าฉันสามารถทำให้คุณวางใจได้ ใช่ไหมคะ” มือของยู่ยี่สัมผัสใบหน้าของเขา คำพูดนั้นเอ่ยอย่างจริงใจมาก

“ไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนผมแล้วจริง ๆ เหรอ” เขาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกหมดหนทาง และอาลัยอาวรณ์“ไม่ใช่ไม่ยอมค่ะ การที่ฉันอยู่ที่นี่มันช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยนะคะ ฉันอยู่ที่เฮทเค ทุกวันคุณก็ต้องค่อยคิดอยากอยู่เป็นเพื่อนฉันในโรงแรม ไม่สามารถทิ้งฉันไว้ที่นั่นตามลำพัง ต้องรีบกลับมาอยู่กับฉันให้เร็วที่สุด แถมยังต้องค่อยไปสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆในเฮทเคกับฉัน ตรงกันข้ามมันการทำให้เรื่องที่ควรจะทำมันเดินช้าลง เมื่อฉันกลับไปแล้วเชื่อว่าประสิทธิภาพการทำงานของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเลยค่ะ ” เขายิ้มแล้ว เสียงทุ้มต่ำ พูด “คำพูดนี้ทำไมฟัง เหมือนฉันเป็นทรราชล่ะ”

“ดังนั้น ฉันกำลังพาคุณไปในทางที่ถูกต้องค่ะ” เธอจูบริมฝีปากของเขา ด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย “จองตั๋วให้ฉันด้วยนะคะ”

เธอที่เป็นเช่นนี้ เขาจะยอมปล่อยเธอไปยังไงกัน ต้องการเพียงอยากให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ฉันทัชลูบเส้นผมที่อยู่ข้างหูเธอ จากนั้นก็โทรออก

เครื่องบินจะบินหลังจากนั้นในอีกหนึ่งชั่วโมง จากตรงนี้ไปถึงสนามบินใช้เวลาใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จึงเป็นเวลาที่ต้องเร่งรีบ

ทั้งสองไม่มีเวลาที่จะอยู่สถานที่อบอุ่นนี่อีกได้แล้ว ฉันทัชจึงรีบ ขับรถไปส่งยู่ยี่ที่สนามบิน

เวลาคับขันมาก ตั๋วเครื่องบินมีคนรับออกมาแล้ว โดยค่อยรออยู่ เมื่อตรวจเช็คความปลอดภัยเสร็จ จากนั้นก็หายลับตาไปเลย

แม้ในใจเขาจะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใด แต่ในขณะนี้ฉันทัชไม่สามารถรั้งไว้ได้แล้ว ทำได้เพียงปล่อยมือ ให้เธอจากไป

เมื่อนั่งเรียบร้อย ก็คาดเข็มขัดนิรภัย ยู่ยี่นั่งข้างหน้าต่าง สักพัก เครื่องบินก็ออกเดินทาง

หลังจากนั่งอยู่บนเครื่องนานสามชั่วโมงกว่า กลับมาถึงเมืองSก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว โก๋นั่งรออยู่ในรถ เมื่อเห็นเธอ ก็รีบเดินเข้าไปหา

“รบกวนการพักผ่อนของคุณไหมคะ” ยู่ยี่รู้สึกผิด

“ผมนั้นเป็นนกฮูกกลางคืนนะครับ แถมตอนนี้เพิ่งจะห้าทุ่มเองครับ ยังไม่ดึกมากนัด คุณฉันทัชไม่ได้กลับมาด้วยใช่ไหมครับ” โก๋มองไปรอบๆ

ยู่ยี่แกล้งแซวเขา “คิดถึงเขาเหรอคะ”

โก๋เขินเล็กน้อย เกาหัวแล้ว ตอบ “ก็คิดถึงมากอยู่นะครับ”

หลังจากขึ้นรถ ยู่ยี่ก็โทรไปหาฉันทัช บอกเขาว่ามาถึงเมืองSอย่างปลอดภัย และได้ขึ้นรถแล้ว

ฉันทัชยังคงไม่วางใจ จึงพูดอย่างอ่อนโยน โดยกำชับเธออยู่ข้างโทรศัพท์ ว่าให้ระวังความปลอดภัย

จนในที่สุด เธอก็หัวเราะพลางพูด “โก๋บอกว่าคิดถึงคุณ อยากจะพูดอะไรหน่อยไหม”

โก๋นั่งอยู่ข้างหน้า กระซิบเรียก “คุณยู่ยี่ครับ”

“อายทำไมคะ คุณฉันทัชต้องการคุยกับคุณค่ะ” ยู่ยี่ยื่นโทรศัพท์ให้ และหัวเราะออกมาไม่หยุด

ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน แต่ท่าทีของโก๋ดูเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก และเขาตอบรับอย่างต่อเนื่อง แต่ท่าทางกลับมีความดีใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น.

ยู่ยี่ไปทำงาน และโครงการที่เธอรับช่วงต่อได้ดำเนินการแล้ว เธอรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรืออะไรก็ตาม ก็ต้องจัดการให้อยู่หมัด

หลังจากทำงานได้ไม่นาน หัสดินก็เข้ามา เอาวัสดุจากที่นี้

ตอนจะกลับ ก็มายืนอยู่ที่โต๊ะของเธอ แล้วพูดว่า อยากคุยกับเธอหน่อย

ยู่ยี่กำลังยุ่งอยู่ จึงปฏิเสธไปทันที โดยบอกว่าไม่มีเวลา แต่หัสดินยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมจากไป คนรอบๆต่างจ้องดู

เมื่อทำอะไรไม่ได้ เธอเลยตอบตกลง ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อน หัสดินเดินตามอยู่ด้านหลัง

หัสดินอยากไปร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้าม แต่ยู่ยี่ไม่ยอม ที่ชั้นหนึ่งมีที่สามารถดื่มกาแฟชาได้ จึงไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงขนาดนั้น

เมื่อทำอะไรไม่ได้ หัสดินจึงตอบตกลง

ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน หัสดินจ้องมองเธอไม่ละสายตา ผิวหน้าอมชมพู เปล่งประกายแสงอ่อนๆ แม้จะไม่แต่งหน้า แต่กลับสวยงามอย่างยากที่อธิบายไม่ได้

หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็พูดว่า “ขอโทษ”

ยู่ยี่ไม่เข้าใจ จึงถาม “ประธานหัสดินนี่มันหมายความว่าอย่างไรคะ”

“สำหรับความเข้าใจผิดที่ผมมีต่อคุณนะ ผมรู้แล้วว่าตอนนี้คุณไม่ได้ตั้งใจจะออกลูกออก แต่เพราะความไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ” ความรู้สึกผิดในใจหัสดินมันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

“ทำไมจู่ๆประธานหัสดินถึงเปลี่ยนไปค่ะ ฉันรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย……” ยู่ยี่ยักไหล่ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้

หัสดินไม่ชอบน้ำเสียงที่ไม่แยแสของเธอเช่นนี้ ส่ายหัว “ยู่ยี่ ช่วยจริงจังกับฉันหน่อยนะ ผมรู้แล้วจริงๆว่าคุณไม่ได้ไปเอาเด็กออก ทำไมตอนนั้นคุณไม่อธิบายให้ผมฟังล่ะ”

“อธิบายเหรอคะ ประธานหัสดินผู้สูงส่งลืมเรื่องในอดีตแล้วแน่เลยค่ะ ว่าตอนนี้ฉันอธิบายให้คุณฟัง แต่คุณกลับไม่ยอมรับฟัง สถานการณ์ในตอนนั้น คุณลองย้อนนึกดูดีๆนะคะ ฉันสามารถอธิบายได้รอบเดียวค่ะ แต่รอบที่สองฉันไม่อย่าจะอธิบายอีกแล้วค่ะ”

เมื่อพูดถึงตอนนี้ หัสดินก็ย้อนนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ตบเธอไปทีหนึ่ง และด่าเธอว่านังผู้หญิงใจหยาบ

ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย เรื่องมาถึงตอนนี้ ก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นเป็นเพราะเขาไม่เชื่อเธอ และคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็เป็นเขาเอง

เธอรักเขามาตลอดเจ็ดปี ตั้งท้องลูกให้เขา แต่สุดท้ายก็รอให้เธอกลับเป็นจุดจบแบบนั้น จะไม่ให้ใจสลายได้อย่างไร

“ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เชื่อใจคุณแบบนั้นได้ แม้แต่สักคำพูดของคุณก็ไม่ยอมเชื่อ” หัสดินทุบโต๊ะ

“เพราะไม่รัก”ยู่ยี่พูด

“ไม่ เป็นเพราะเสียใจมันเกินไป และเศร้าเกินไป การสูญเสียลูกมันทำให้ผมปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก จนเสียสติไป จนทำให้ผมโยนความผิดทั้งหมดไปที่คุณ ไม่ใช่เพราะฉันไม่ได้รักเธอไม่ใช่เลย”

หัสดินรีบร้อน ทั้งท่าทีและคำพูด ด้วยความรู้สึกรุ่มร้อน เขาจึงใช้มือข้างหนึ่งคว้ามือยู่ยี่ มากุมไว้ในฝ่ามือ

“ปล่อยค่ะ”

“คุณฟังผมนะ เป็นเพราะผมโมโหมากเกินไปจริงๆนะ” เขายังอธิบายต่อ

จากระยะไกล เรนนี่มองเห็นอย่างชัดเจน หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้

ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน หัสดินจับมือเธอไว้ แต่ยู่ยี่กลับหัวเราะเยาะเย้ย ในแววตาที่เปลี่ยนไปของเรนนี่ดูเหมือนจะมีความได้ใจซ่อนอยู่ในนั้น