ความขัดแข้งทางความคิด (2) โดย Ink Stone_Fantasy
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เคแกน เฟสยังคงเป็นคนๆ นั้นที่เมย์คุ้นเคย อย่างน้อยในเรื่องการแสดงละครเวที เขาก็มีความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ และก็เป็นเพราะความเชื่อมั่นอันนี้ถึงได้ทำให้เขาไม่ปิดบังความผิดหวังที่มีต่อเธอ แล้วก็ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนแปลงคำพูดเพราะต้องการความช่วยเหลือจากเธอด้วย
สำหรับคนที่มีใจรักต่อละครเวทีแล้ว การที่เขาพยายามจะหาเวทีให้คณะละครของเขาได้แสดงละครที่สมบูรณ์แบบออกมาเช่นนี้จึงเหมือนจะเรื่องที่ปกติ
แต่เธอกลับพบว่าตัวเองไม่สามารถตอบตกลงอีกฝ่ายไปได้
มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาปิดปากเธอเอาไว้อยู่
เมย์หลับตาลง หูของเธอเหมือนได้ยินเสียงเรียกของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมา
‘คุณนายแลนนิส ได้โปรดรอข้าเดี๋ยวเจ้าค่ะ…’
‘นี่คือของขวัญขอบคุณของข้า ขอท่านได้โปรดรับมันเอาไว้ด้วยเจ้าค่ะ….’
จากนั้นก็มีคนยื่นปลาเค็มตัวหนึ่งมาใส่มือของเธอ
พริบตานั้นเองเมย์พลันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าสิ่งที่หยุดเธอเอาไว้มันคืออะไรกันแน่
เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตาของปรมาจารย์ด้านการแสดง
ครั้งนี้เธอไม่หลบสายตาอีกแล้ว
การจะพูดคำตอบออกมานั้นมีหลายวิธี อย่างแรกเลยคือเธอต้องยอมรับว่าเห็นด้วยกับเขา แล้วค่อยใช้คำว่า ‘แต่ว่า’ มาเป็นจุดเปลี่ยน จากนั้นเธออาจจะอธิบายว่าหนังเวทมนตร์มันคืออะไรหรือบอกว่าการแสดงครั้งนี้เป็นคำสั่งของฝ่าบาทก็ล้วนแต่เป็นคำตอบเพื่อที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำใจ
เคแกน เฟสรู้เรื่องเมืองเนเวอร์วินเทอร์น้อยมาก เขาไม่รู้ว่าจุดเด่นของคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์คืออะไร แล้วก็ไม่เข้าใจว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับละครเวทีขนาดไหน เรียกได้ว่าเขาเดินผิดทางตั้งแต่เริ่มแล้ว ถ้าเธออธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด ไม่เพียงแต่จะแก้ไขความเข้าใจผิดของคนเหล่านี้ได้ บางทีมันอาจจะแก้ไขความผิดหวังที่อาจารย์เคแกนมีต่อเธอได้ด้วย
แต่ในใจเมย์รู้ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นเพียงแค่การหลบหนีอย่างหนึ่งเท่านั้น
“ท่านเคแกน การแสดงของท่านเตรียมมาเพื่อฝ่าบาทพระองค์เดียวเท่านั้นเหรอ?”
“ยังมีพวกขุนนาง เหล่าเสนาบดีและเจ้าเมืองที่มาแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้ย” เคแกนพยักหน้า “ถ้าไม่มีผู้ชมที่คู่ควร ต่อให้แสดงออกมาดีแค่ไหนมันก็ไร้ความหมาย”
เหมือนกับทองคำที่อยู่กับอัญมณี เหมือนเหล้าชั้นดีที่คู่กับแก้วหยก ทุกๆ การเคลื่อนไหวของนักแสดงล้วนแต่มีความหมายของมันอยู่ มีแต่ผู้ชมที่ตั้งใจดูมันเท่านั้นถึงจะสามารถลิ้มรสชาติของคำว่ายอดเยี่ยมได้
ตามหลักแล้วมันควรจะเป็นเช่นนี้
“อย่างนั้นขออภัยที่ข้าไม่อาจรับปากท่านได้” เมย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะละครที่ท่านแสดง ยังไม่ใช่ละครที่สมบูรณ์แบบ”
“อะไร…นะ?” ชายแก่ขมวดคิ้ว “เจ้ายังไม่เคยแม้กระทั่งดูมัน แล้วเจ้ามาตัดสินแบบนี้ได้ยังไง?”
“เพราะถึงมันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน คนเหล่านั้นก็ดูมันแค่เพื่อความสนุกเท่านั้น” เธอรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “พวกเขาปรบมือ ชื่นชม แล้วก็พูดถึงมันในเวลาว่าง แต่มันก็แค่นั้น ละครนี้ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในความสำราญของพวกเขาหลายๆ คนเท่านั้น ถ้าหากไม่มีมัน ชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นแค่ของที่มีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ แบบนั้นมันจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ยังไง?”
สีหน้าเคแกน เฟสคร่ำเคร่งไปทันที สำหรับผู้สร้างละครแล้ว ละครที่สร้างออกมาก็เหมือนกับลูกของตัวเอง ไม่มีใครที่จะทนการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ได้ “ตอนแรกข้านึกว่าเจ้าเดินทางผิดเพราะต้องการไล่ตามชื่อเสียง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเสียสติไปขนาดนี้ ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ หรือเจ้าเคยเห็นละครที่สมบูรณ์แบบว่ามันเป็นแบบไหน?”
“ข้าไม่เคยเห็น” เมย์ตอบออกมาตรงๆ “แต่ข้ารู้ว่ามันควรจะเป็นอย่างไร”
เคแกนจ้องมองเธอ สายตาเขาเป็นเหมือนคมมีด บารมีที่สั่งสมมาหลายปีทำให้มีแรงกดดันอันหนักอึ้งเหมือนดั่งขุนเขาแผ่ออกมาจากตัวเขา แรงกดดันอันนี้เพียงพอที่จะทำให้นักแสดงรุ่นหลังต้องพากันรู้สึกหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรอคำอธิบายจากเธออยู่ ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ทำให้เสียน้ำใจได้ง่ายด้วย พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าเธอจะตอบอะไรออกมาก็ล้วนแต่ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจได้
แต่เมย์ก็ไม่ได้ถอยแม้แต่น้อย
เธอเองก็รู้ว่าหลังจากพูดออกไปแล้ว เธอจะเดินไปบนเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งทันที นั่นเป็นเส้นทางที่พวกเขาไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่มีวันจะเข้าใจมัน หมายความว่าเธอจะต้องแยกทางกับคนจำนวนมากในวงการละครเวที ต่อไปอย่าว่าแต่ผิดหวังเลย เกรงว่ามิตรภาพในอดีตก็คงต้องจบลงด้วย เธอไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อีก
ค่าตอบแทนมันสูงมากเลยนะ?
เธอถามตัวเอง
แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวเธอ
‘แต่มันก็คุ้มที่พวกเราจะทำไม่ใช่เหรอ’
เมย์ตอบออกไปว่า “ละครที่ยอดเยี่ยมนั้นไม่ควรจะเป็นแค่สิ่งที่เอาไว้ให้พวกขุนนางดูเพื่อความสนุกเฉพาะเวลาที่พวกเขาว่าง ละครที่ยอดเยี่ยมมันมีอะไรมากกว่านั้น มากจนกระทั่งสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนอื่นๆ ได้…”
“ ‘บันทึกของแม่มด’ ทำให้ชาวเมืองเข้าในใจตัวแม่มดมากขึ้น และช่วยลบคำครหาที่ไม่ควรเป็นของพวกเธอทิ้งไป ; ‘แดดยามเช้า’ ช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะทำงานและบอกลาความยากจนกับความหิวโดย ทำให้หลายๆ คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ; ‘เมืองใหม่’ นั้นทำให้ชาวบ้านที่ย้ายเข้ามาให้ยอมรับกฎเกณฑ์ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แล้วก็ทำให้โจรใต้ดินที่หนีมาที่เมืองนี้ได้มีที่ยืนในสังคม ส่วน ‘ชีวิตหนึ่งของวีรบุรุษ’….”
เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า “ทำให้เด็กสาวที่ต้องพบกับความเจ็บปวดสามารถลุกขึ้นมายืนได้ใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธออีกครั้ง ข้าคิดว่าคนที่ต้องสูญเสียคนรักไปในสงครามแบบเธอต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่นอน ไม่ว่าจะมีกี่คนที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้ด้วยการดูละครเรื่องนี้ ข้าก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยพวกเขาผ่านการแสดงละคร”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่…” เคแกนถามเสียงคร่ำเคร่ง
“ท่านเคยบอกข้าว่าละครที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นต้องทำให้ผู้ชมจมดิ่งลงไปอยู่ในตัวละครได้ แต่ตอนนี้ข้ากลับอยากจะทำให้พวกเรามองเห็นอนาคตของตัวเองผ่านทางการแสดงละครมากกว่า” เมย์พูดตรงๆ “ถ้าไม่มีอัญมณีกับแก้วหยก พวกขุนนางก็ยังสามารถหาสิ่งอื่นมาแทนพวกมันได้ แต่ละครที่ข้าแสดงกลับเป็นอาหารที่ช่วยให้คนจำนวนมากอิ่มท้องได้”
เมื่อเจอคำตอบแบบนี้ เคเกนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ข้าเชื่อว่าละครที่ท่านใช้เวลาเตรียมตัวมาสองปีจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ ที่คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์แสดงก็เป็นละครที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะใช้เวลาในการเตรียมตัวจนถึงขึ้นแสดงเพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้น นักแสดงบางคนก็เพิ่งจะได้แสดงเป็นครั้งแรก แต่มันก็ยังเป็นละครที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ดูมา” เธอย่อตัวลงเล็กน้อย “หลังจากได้ดูมันแล้ว หากความคิดของท่านยังไม่เปลี่ยนไป ข้าก็ทูลแนะนำละครเรื่องใหม่ของท่านให้กับฝ่าบาทเอง”
หลังออกมาจากโรงแรมวิสเซิล เมย์รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เบาสบายๆ แม้แต่ฝีเท้าของเธอก็รู้สึกเบาขึ้นกว่าในตอนแรก
ในขณะที่เพิ่งเดินออกมาจากซอย เธอพลันเห็นคาร์เตอร์ แลนนิสยืนรอเธออยู่ตรงข้างถนน
“ท่านมาได้ยังไง?” เมย์ถามอย่างแปลกใจ
“เอรินบอกข้าว่าเจ้าถูกผู้จัดการของท่านเคแกนพามาที่นี่ ข้ารู้สึกเป็นห่วง ก็เลยตามมา” คาร์เตอร์ยักไหล่ “ยังไงซะอีกเดี๋ยวก็ต้องไปซื้อกับข้าวที่ตลาดมาทำอาหารเย็นอยู่แล้ว ก็เลยแวะมาดูหน่อย”
“เหรอ?” เมย์กรอกตาใส่เขา “ท่านรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“วันนั้นเจ้ากินข้าวไปนิดเเดียว ดูไม่ออกก็แปลกแล้ว” หัวหน้าอัศวินพูดอย่างได้ใจ
“เดี๋ยว…” เธอหยุดฝีเท้าทันที “อย่าบอกนะว่าท่านไปพูดกับทางสำนักงานเมืองให้พวกเขาปฏิเสธการแสดงของคณะละครเคแกน”
“หืม?” คาร์เตอร์เลิกคิ้ว “เจ้าพูดอะไรของเจ้า? ข้าปฏิเสธการแสดงอะไร?”
เมย์จ้องเขาอยู่ครู่ ก่อนจะพูดออกมาว่า “เปล่า ไม่มีอะไร…”
“เห้ ไม่บอกข้าจริงเหรอ?”
“ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว..” เธอพูดยิ้มๆ “เออใช่ ท่านจะไปซื้อกับข้าวไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไม เจ้ามีของที่อยากกินเหรอ?”
“อืม คืนนี้ข้าอยากกินปลาเค็ม
“ปลาเค็ม? เจ้าไม่ชอบพวกของหมักดองไม่ใช่เหรอ…ครั้งที่แล้วปลาเค็มที่เด็กคนนั้นเอามาให้ เจ้าก็กินอยู่ตั้งหลายวันแหนะ”
“ก็ตอนนี้ข้าชอบกินแล้วไม่ได้เหรอไง!” เมย์พูดตัดบทเขา จากนั้นจึงยื่นมือขวาไปหาเขา “ข้าแค่ถามท่านว่าจะไปไม่ไป?”
“ไปสิ” อัศวินจับมือเธออย่างไม่ลังเล “ขอเพียงเจ้าต้องการ จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น”