TQF:บทที่ 645 ลางสังหรณ์เท่านั้น (4)

 

“ลงโทษยังไงก็ได้”

 

“คุณหนู แล้วเราจะเจอท่านเขยเมื่อไหร่”

 

จู่ๆหยูเฮงน้อยก็กุมใบหน้าเล็กๆของนางด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ทำไมท่านเขยถึงคำนวณดวงชะตาของคนที่พวกเขาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้กันนะ ด้วยวิชาวิหารสวรรค์ของท่านเขยต้องหาพวกเราเจอสิถึงจะถูก ตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่นี่เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ท่านเขยก็ยังไม่มาพบพวกเราอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ”

 

“นั่นน่ะสิ….”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรับคำเบาๆ มีความเศร้าปรากฏอยู่ในแววตา พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ถ้าเป็นเขาต้องเดาออกได้แน่ว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเรามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์งหยวน ของแต่ละอย่างที่จำหน่ายและชื่อตึกจงหยวนล้วนเป็นการส่งสัญญาณให้แก่เขาทั้งนั้น ขอแค่เขาไปที่ตึกจงหยวนเผ่าอสูรก็จะรู้ทันที ทำไมถึงยังไม่มีข่าวคราวของเขาเลยล่ะ”

 

และด้วยเหตุผลแบบนี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงได้ขยายสาขาของกลุ่มทหารรับจ้างอย่างรวดเร็ว โดยเมินเฉยต่อการจับตาดูของแต่ละอิทธิพล แต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่นางต้องการ

 

“คุณหนู ท่านว่านังผู้หญิงชุดแดงนั่นจะขังท่านเขยไว้รึเปล่า”

 

หยูเฮงน้อยได้ความคิดใหม่ คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็นไปได้สูง จึงพูดด้วยท่าทางจริงจัง “คุณหนู ข้าคิดว่าเป็นไปได้ เพราะวิทยายุทธของนังผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าท่านเขยตั้งเยอะ เว้นแต่ว่าท่านเขยจะฝึกฝนจนวิทยายุทธสูงกว่าผู้หญิงคนนั้นในปี 2 ปีนี้ ไม่อย่างนั้นท่านเขยหนีออกมาไม่ได้แน่”

 

“…..”

 

เมื่อพูดถึงผู้หญิงชุดแดงคนนั้น แววตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปล่งประกายเยือกเย็น ความแค้นที่มีต่อนางมากขึ้นเรื่อยๆ นางสาบานเลยว่าครั้งหน้าที่เจอกันจะเหยียบย่ำนางไว้อยู่แทบเท้าให้ได้ ให้นางได้ลิ้มรสการถูกบดขยี้ซะบ้าง

 

หยูเฮงน้อยสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในลมปราณของนางได้ทันที จึงเหลือบมองพลางเผยฟันขาว “ไม่เป็นไรหรอกคุณหนู ถึงเวลาก็เล่นให้นางตายเลยก็จบ ไม่สิ ต้องทำให้นางขอร้องใครก็ไม่เป็นผล และพวกเราจะทำอย่างไรกับนางก็ได้”

 

“…..”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเบาๆพลางเม้มปากแน่น ตาเป็นประกายด้วยความปรารถนาเลือด “หวังว่านางจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

 

“เฮ่ะๆๆๆ”

 

หยูเฮงน้อยยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาคู่สวยกรอกไปมาไม่รู้ว่าคิดแผนอะไรอยู่

 

ครู่หนึ่งเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็กลับมามีท่าทีปกติ มุมปากของเธอโค้งเป็นรอยยิ้มเมื่อมองไปที่เจ้าตัวเล็กตรงหน้า “เลื่อนขั้นครั้งนี้ให้เริ่มตอนกลางคืน และหวังว่าครั้งนี้ก็มีเรื่องให้เราประหลาดใจอีกครั้ง”

 

“อิอิ คุณหนู เมื่อกี้ไอ้ตาแก่พวกนั้นเพิ่งเอาของมาให้เยอะแยะเลย เดี๋ยวพวกเราไปแลกเปลี่ยนกับฮูหยินฟาง แล้วพวกเราก็เอาทรัพยากรไปแลกกับท่านปู่ทวดอีกที อาจจะเลื่อนได้อีกหลายขั้นเลยนะ ไม่ได้ล่ะ ข้าต้องรีบไปหาฮูหยินฟางแล้วพูดเรื่องนี้กับนาง”

 

พูดปุ๊บก็ทำปั๊บ ไม่ทันที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะตกลง หยูเฮงน้อยก็พุ่งออกนอกประตูไปแล้ว

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวกับร่างเล็กๆหายออกไปในพริบตาเดียว เรื่องเล็กแค่นี้ปล่อยให้นางวุ่นวายไปเถอะ

 

แน่นอนว่าฟางซูหยุนตกลงกับคำขอของหยูเฮงน้อยอย่างเต็มปาก ตั้งแต่กลับมาที่บ้านตระกูลฟางและได้เห็นน้องชายตัวเองฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงอีกครั้งนางก็มีความสุขอยู่ตลอด

 

หยูเฮงน้อยทำการแลกเปลี่ยนแรกในบ้านตระกูลฟางสำเร็จในเวลาอันสั้น วิ่งถือแหวนมิติกลับมาอย่างมีความสุข

 

ตกกลางคืน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยร่วมมือกันสร้างเขตแดนภายในห้องนอน จากนั้นทั้ง 2 ก็หายเข้ามิติไป การเลื่อนขั้นมิติครั้งอาจเป็นโอกาสวาสนาที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะได้บรรลุจากจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทพเทวาเป็นปรากฏเทพเทวา

 

ทุกครั้งที่มิติเลื่อนขั้น ผลประโยชน์ที่เจ้าของอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้รับไม่น้อยไปกว่าหยูเฮงน้อยเลย แต่ความต้องการในแต่ละด้านของพวกนางแตกต่างกัน สิ่งที่ได้ก็ย่อมไม่เหมือนกัน

 

ภายในมิติมีภูเขาเลากาที่กองขึ้นมาจากสมบัติมากมายปรากฏอยู่ 1 คน 1 ภูติมองของที่เป็นประกายวิบวับเหล่านี้ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

 

ภายใต้การชี้นำของหยูเฮงน้อยกฎแห่งฟ้าดินปรากฏขึ้นอีกครั้ง สมบัติต่างๆเริ่มมลายไป แสงหลากสีพุ่งออกมากลายเป็นสายรุ้งที่ท่วมท้นท้องฟ้า และยังมีแสงแห่งเทพ 5 สีแล่นผ่านสร้างความงดงามยิ่งขึ้น

 

ท้องฟ้าทั้งผืนประดับด้วยแสงสีแดงจางๆ เมฆและแสงพลุ่งพล่านเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์

 

การเลื่อนขั้นมิติในครั้งนี้จะนำพาเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดคิดอะไรมาให้นางอีก และมิติจะสมบูรณ์แบบได้ถึงเพียงใด

 

คราวนี้หยูเฮงน้อยไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ แต่ยืนอยู่ข้างกายเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ภายใต้การส่องประกายจากแสงหลากสี ทั้ง 2 คนยิ่งดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

 

“คุณหนู ข้ามีลางสังหรณ์ การเลื่อนขั้นครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่สำหรับมิติ”

 

“พวกเราก็รอวันนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ ของในมิติที่พวกเราขาดน่ะเยอะเกินไป บัดนี้มีเผ่าอสูรมากมายอาศัยอยู่ที่นี่

ข้าหวังว่าจะทำให้มันสมบูรณ์ได้โดยเร็วและกลายเป็นโลกอีกโลกนึงจริงๆ”

 

“ได้สิ คุณหนูวางใจเถอะ”

 

ในขณะที่พูดคุยและมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงหลากสีมากมาย เจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า แม้พื้นดินก็เปล่งแสงสีทอง ประกายแสงไอเย็น การผันผัวนของลมปราณทั้ง 5 ที่พุ่งขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆ กลิ่นหอมตลบอบอวล เมฆคล้อยครอบคลุมไปทั่ว

 

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของมิติกองภูเขาสมบัติได้ค่อยๆมลายหายไป ไอสีม่วงรวมกันบนท้องฟ้า สดใสและแพรวพราว ก้อนเมฆที่ล้อมอยู่ก็ค่อยๆแปรสภาพไปเป็นรูปลักษณ์อื่น ควันหมอกขาวปกคลุมไปทั่ว ทุกอย่างเสมือนความฝันดินแดนมหัศจรรย์ เป็นการยากที่จะแยกแยะว่านี่คือความจริงหรือภาพลวงตา

 

“ตู้มมมม”

 

ในขณะนั้นสวรรค์ชั้น 9 ผสมผสานกันและปกคลุมไปหลายร้อยลี้ มีสายฟ้าราวรัศมีแห่งเซียนฟาดลงมา จากนั้นก็มีภาพเงาปรากฏขึ้นบนสวรรค์ชั้น 9 เลือนลางและน่าสยองขวัญ พลังลมปราณเป็นที่ตกตะลึง

 

มีอะไรจะปรากฏออกมาแล้วหรือ

———————————