ระหว่างมองดูคนสวมหน้ากากที่นำทาง เย่เทียนก็แอบพยักหน้า ไอ้หมอนี่ใช้ได้เลยนี่!
พอเปลี่ยนความคิด เย่เทียนก็เดินตามคนสวมหน้ากากไป ก้าวออกไปข้างนอกอย่างมั่นหน้ามั่นโหนก
“ปลายสุดของเส้นทางนี้มีลิฟต์อยู่ หลังจากที่นายเข้าไปจะมีคนกดใช้งาน หัวหน้าจะรอนายอยู่ชั้นล่างสุด!”
หลังกลับมาที่ตรงกลางของทางแยกมากมาย คนสวมหน้ากากก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ชี้ไปยังอุโมงค์เส้นหนึ่ง
“ชั้นล่างสุด?”
เย่เทียนยักคิ้ว ตอนแรกเขายังคิดว่าในนี้มีแค่ชั้นเดียวซะอีก ไม่นึกเลยว่าข้างล่างยังมีพื้นที่ว่างอีก
อุโมงค์มากมายขนาดนี้ พื้นที่ๆกว้างขวางขนาดนี้ ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสร้างเสร็จ
พอนึกถึงกิลด์แห่งความลับที่มีมานับร้อยๆ ปี เย่เทียนก็แอบดีใจ ที่ตัวเองไม่ได้ไปมีเรื่องกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ดูท่ามันก็จะเป็นการเลือกที่ฉลาดเหมือนกัน!
“จริงด้วย เด็กสาวที่เข้ามาพร้อมกับผมล่ะ? คุณรู้รึเปล่าว่าเธอไปไหนแล้ว?”
ทันใดนั้น เย่เทียนก็นึกถึงเรื่องที่พนันกับฮาชิโมโตะ คันนะเอาไว้
คนสวมหน้ากากพูดไปตามจริง “นายหมายถึงคุณคันนะใช่มั้ย? เธอได้ลงไปก่อนแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอน่าจะอยู่กับหัวหน้า”
“อยู่กับหัวหน้าอย่างนั้นเหรอ?”
จู่ๆ สายตาของเย่เทียนก็เป็นประกาย เย่เทียนนั้นรู้จักจุดเดือดของฮาชิโมโตะ คันนะดี ยังไงที่นี่ก็เป็นแค่สาขาย่อย แต่ฮาชิโมโตะ คันนะกลับสามารถเข้าใกล้ผู้นำของที่นี่ได้ ดูท่าผู้นำของที่นี่น่าจะเป็นพวกเดียวกับฮาชิโมโตะแน่นอน
บางที อาจะเป็นคนที่คุ้นเคยก็ได้!
พอคิดได้แบบนั้น เย่เทียนก็ไม่รีรอ เดินตามทางที่คนสวมหน้ากากชี้จนถึงสุดทาง แล้วก็ได้พบกับลิฟต์ที่ว่า
หน้าลิฟต์ไม่มีปุ่มอะไรให้กดเลย แต่การปรากฏตัวของเย่เทียนมันก็ทำให้ประตูลิฟต์เปิดออกโดยอัตโนมัติ เห็นได้ชัดว่ามีคนควบคุมอยู่
เข้าไปในลิฟต์ก็ไม่มีอะไรให้กดเหมือนเดิม พอประตูลิฟต์ปิดสนิทแล้ว เย่เทียนก็รับรู้ได้ว่าลิฟต์กำลังเลื่อนลงอย่างชัดเจน
ผ่านไปประมาณสิบวิ ลิฟต์ถึงได้หยุดลง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง เย่เทียนก็รับรู้ถึงแสงสว่างที่อยู่ตรงหน้า!
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือห้องโถงที่กว้างประมาณสองสนามบาสได้ คนเดินตรวจตราเต็มไปหมด คนยืนเฝ้ายามก็มีอย่างหนาแน่น บอกได้เลยว่าระบบรักษาความปลอดภัยนั้นสุดยอด
ทันทีที่เย่เทียนก้าวออกจากลิฟต์ ฮาชิโมโตะ คันนะก็ได้พุ่งออกจากอุโมงค์เส้นหนึ่งที่เชื่อมต่อกับห้องโถง แล้วโบกไม้โบกมือให้เขาทั้งที่ยังอยู่ห่างกันอีกไกล เพื่อส่งสัญญาณให้เขาไป
สีหน้าของเด็กสาวดูไม่ได้เลย ตอนแรกคิดว่าให้เงาทมิฬออกโรงจะสามารถสั่งสอนคนบ้ากามอย่างเย่เทียนได้ แต่ไม่นึกเลยว่าเงาทมิฬจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ แค่กระบวนท่าเดียวของเย่เทียนยังรับไม่ได้เลย
เย่เทียนค่อยๆ เดินเข้าไป แล้วแสร้งพูดอย่างตกใจว่า “นี่แม่หนู ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เมื่อรับรู้ถึงความตกใจบนสีหน้าของเย่เทียน ฮาชิโมโตะ คันนะก็แอบได้ใจอยู่ลึกๆ เบ้ปากแล้วพูดไปว่า “การที่ฉันมาอยู่ที่นี่มันแปลกมากเลยเหรอ? ฉันไม่ได้ไปขวางทางนายสักหน่อย!”
“ใครว่าเธอไม่ได้ขวางทางฉันกัน?”
เย่เทียนยักไหล่ แล้วพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อพบกับหัวหน้าสาขา เมื่อกี้ฉันฟังจากเสียงพูดของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องเป็นหญิงงามที่หาชมได้ยากมากแน่ๆ!”
“การที่เด็กไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเธอมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อต้องการมาขวางการพลอดรักของเราสองคนไม่ใช่รึไง?”
ฮาชิโมโตะ คันนะที่ได้ยินอย่างนั้น ก็โกรธจนหน้าแดงทันที และได้พูดสวนอย่างโมโหว่า “นายบอกว่าจะไปพลอดรักกับใครห๊ะ!”
“ฉันขอเตือนไว้เลยนะ นายห้ามทำอะไรกับน้าเล็กเด็ดขาด และเลิกคิดเรื่องที่จะจีบน้าเล็กไปได้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พ่อของฉันมาจัดการนายเลยคอยดู!”
“โอ้ว ที่แท้หัวหน้าสาขาที่นี่ยังเป็นน้าเล็กของเธอด้วยเหรอเนี่ย!”
เย่เทียนแอบดีใจ เด็กสาวก็คือเด็กสาว การจะดึงความลับจากปากสักหน่อยมันช่างเป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่ายเลย!
“ไม่ใช่!”
พอฮาชิโมโตะ คันนะได้ยินอย่างนั้น ก็ตั้งสติขึ้นมาได้ทันที จึงอยากที่จะตอบกลับ แต่ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว
“ทำไม? นี่เธอกำลังจะหลอกฉันรึไง? เมื่อกี้ฉันได้ยินอย่างชัดเจนเเล้ว เธอยอมรับกับปากว่าหัวหน้าของที่นี่เป็นน้าเล็กของเธอ!”
เย่เทียนหัวเราะคิคิ แต่ในใจกลับไม่ได้สนใจหัวหน้าที่ลึกลับคนนั้นเลยแม้แต่น้อย
ถึงเขาจะรู้ว่าน้าเล็กของฮาชิโมโตะ คันนะจะเป็นสาวงามที่ไร้ที่ติ แต่เขาก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์แค่ไหน ไม่แน่ถ้าเผลอแปบเดียวก็อาจจะตกไปอยู่ในแผนของเธอแล้วก็ได้!
เธอก็เหมือนกับกุหลาบที่มีหนาม ไอ้สวยมันก็สวย แต่ก็จะทิ่มมือเอาง่ายๆ นะสิ!
ฮาชิโมโตะ คันนะไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ ได้แต่ทำปากจู๋อย่างน่าสงสาร ในใจก็รู้สึกจนปัญญาอย่างถึงที่สุด
ไม่ว่าในใจเธอจะสาปส่งเย่เทียนกี่รอบก็ตาม แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำอะไรเย่เทียนไม่ได้เลยสักนิด!
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ยังไงฮาชิโมโตะ คันนะก็ยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่รู้จักโต ต่อให้ชาติตระกูลจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ความโหดร้ายที่เคยพบเจอก็ยังมีไม่มาก แล้วจะไปสู้ม้าแก่อย่างเย่เทียนได้ยังไง?
ส่วนด้านฝีมือ เธอยิ่งห่างชั้นกับเย่เทียนไม่รู้เท่าไหร่แล้ว พูดได้เลยว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน เธอก็ถูกกำหนดว่าไม่มีทางที่จะทำอะไรเย่เทียนได้อยู่แล้ว!
“คันนะเอ๋ย เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นเป็นม้าแก่ แล้วเธอจะไปสู้เขาได้ยังไง?”
หญิงสาวที่หลบอยู่ในห้องได้มองดูเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านทางกล้องวงจรปิดแล้ว เธอได้ส่ายหน้าอย่างจนใจพร้อมถอนหายใจออกมา และไม่ได้อยู่ในห้องต่อ ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง
ผ่านไปไม่นาน เธอก็ได้มาถึงด้านหลังที่อยู่ไม่ไกลจากทั้งสองคนแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “คุณชายเย่ก็คือคุณชายเย่ ช่างเป็นคนที่อยู่เหนือผู้อื่นจริงๆ!”
เย่เทียนรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที จึงรีบละสายตาออกจากฮาชิโมโตะ คันนะ แล้วมองไปยังหญิงสาวด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่พอได้มาเห็นกับตา เย่เทียนก็ยังต้องช็อกอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ดี ดวงตาสีดำคู่นั้นถึงกับช็อก ราวกับตกอยู่ในความอึ้ง
เธอมาในชุดกี่เพ้าโบราณลายเซรามิกจีน พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีฟ้า ผมสีดำสลวยได้พาดลงมาที่บ่า และมีออร่าของหญิงสาวที่ภูมิฐานปลดปล่อยออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดก็คือดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นของเธอ ราวกับจะสามารถสะกดจิต ทำให้ไม่อยากละสายตาออกจากมันเลย
ถ้าฮาชิโมโตะ คันนะเป็นแอปเปิ้ลเขียวที่ยังไม่สุก งั้นผู้หญิงคนนี้ก็คือลูกท้อที่สุกพร้อมกินแล้ว เห็นแล้วก็อยากจะวิ่งเข้าไปกัดมันสักคำ
หญิงสาวสังเกตเห็นสายตาที่หื่นกามของเย่เทียน เธอก็ได้ยิ้มอย่างขบขันออกมาที่มุมปาก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่ได้เจอเธอครั้งแรก ต่างก็มีสภาพแบบนี้กันทั้งนั้น เธอเองก็ด้ชินไปตั้งนานแล้ว
พอความคิดแบบนั้นของหญิงสาวผุดขึ้นมา เธอกลับพบว่าสายตาที่หื่นกามของเย่เทียนได้หายไปแล้ว และแทนที่ด้วยแววตาที่สดใส!
“น่าสนใจ!”
เห็นได้ชัดว่าฮาชิโมโตะ มินาโตะคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะดึงสติกลับมาได้เร็วขนาดนี้ ดวงตาที่น่าหลงใหลคู่นั้นได้แสดงแววตาที่ผิดปกติออกมา เดินดุ่มๆ เข้ามา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฮาชิโมโตะ มินาโตะ เป็นผู้นำสูงสุดของที่นี่!”
เย่เทียนยักไหล่ “ที่นี่มันไม่เลวเลยนะครับ ตอนก่อสร้างที่นี่คงไม่ง่ายเลยสินะครับ?”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะคิ้วกระตุก ไม่นึกเลยว่าตนจะไม่ส่งผลอะไรกับเย่เทียนเลย
แต่ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนธรรมดา มุมปากยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้
การที่เธอจะสามารถขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ ถ้าไม่มีดีสักหน่อย แล้วจะไปเอาพวกบ้าเหล่านั้นอยู่ได้ยังไง?!