ตอนที่ 928 การเปลี่ยนสถานะ

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ค่ายเจี๋ยนอี๋ที่อยู่ในเขตเมืองอันลูค่อยๆเติบโตพัฒนาขึ้นเรื่อยๆทั้งในแง่ของจำนวนประชากรและความมั่นคงของค่ายตอนนี้ค่ายเจี๋ยนอี๋ได้กลายเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดในขอบเขตเมืองอันลูแล้ว ยิ่งถ้าเทียบกับค่ายเขี้ยวหมาป่าที่เหมือนเป็นค่ายสำหรับกองทัพ ค่ายเจี๋ยนอี๋นั้นก็เหมือนที่สำหรับผู้รอดชีวิต
  และเพราะความระมัดระวังที่มากเกินไปหลูอี๋ที่ตั้งใจเลือกสถานที่ตั้งที่รายล้อมไปด้วยภูเขาเปรียบเสมือนเกราะกำลังของค่าย แม้ว่ามันอาจจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของเหล่าผู้รอดชีวิต แต่ก็เป็นเพราะภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยมที่มีภูเขาสูงใหญ่รายล้อม มันจึงช่วยกั้นการโจมตีของซอมบี้และสัตว์ป่าทั้งหลาย
  จะบอกว่าภายในเขตเมืองอันลูค่ายเจี๋ยนอี๋เป็นค่ายที่ปลอดภัยที่สุดก็ว่าได้ จำนวนของการโจมตีจากฝูงซอมบี้เป็นศูนย์ และนานๆครั้งมันก็มีฝูงซอมบี้เล็กๆผ่านมาแต่ก็ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
  อย่างไรก็ตามเป็นเพราะการพัฒนาที่ไม่ทำตัวให้เด่นและมุ่งหวังเพื่อความมั่นคงของค่าย หลูอี๋ได้เมินเฉยต่อปัจจัยที่สำคัญไป ซึ่งนั้นก็คือ มันไม่มีเสาหินประเมิณอยู่บริเวณใกล้เคียงตัวค่ายเจี๋ยนอี๋เลย
  ไม่ต้องพูดถึงเสาหินประเมิณพิเศษอย่างที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามีเลยแม้แต่เสาหินประเมิณทั่วไปก็ยังอยู่ไกลจากค่ายเจี๋ยนอี๋มาก และเพราะว่าภูเขาสูงที่รายล้อมจนแน่น ทำให้คนที่อยู่ภายในค่ายเจียนอี๋ไม่สามารถมองออกไปด้านนอกและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเสาหินได้
  ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเสาหินค่ายของหลูอี๋มักจะเป็นค่ายสุดท้ายที่รับรู้เรื่องราวอยู่เสมอ อย่างเช่นสถานการณ์ของชูฮันในขณะนี้ที่เหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์ถล่มไปทั่วทั้งจีนจนผู้คนแตกตื่นกะนหมด
  อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครสักคนในค่ายเจี๋ยนอี๋รู้ข้อมูลนี่เลย ไม่มีใครรู้ว่าชูฮันได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อขึ้นแล้วอีกครั้ง
  ภายในค่ายขนาดกลางที่ซึ่งมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่ท่ามกลางความมั่นคงที่เพิ่มขึ้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี้และทำงานอย่างสงบสุขมีความต้องการมากขึ้น คนที่มีอำนาจก็ต้องการอำนาจเพิ่มขึ้น
  อย่างพลโทซุนอี๋เจียที่ถูกส่งมาจากซางจิงซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิอำนาจภายในค่ายเจี๋ยนอี๋หากก็ยังต้องรับฟังคำสั่งของหลูอี๋ ซึ่งซุนอี๋เจียไม่พอใจสุดๆกับสถานการณ์และการถูกปฏิบัติที่เขาได้รับในตอนนี้
  ”ได้ตรวจสอบเบื้องหลังของกูเหลียงเฉินรึยัง?”ภายในบ้านพักส่วนตัวของซุนอี๋เจีย เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับคนสนิทของตัวเองและเอ่ยถามด้วยสีหน้าถมึง
  ”การเข้าถึงข้อมูลถูกจำกัดครับ”คนสนิทที่เป็นวิวัฒนาการซึ่งอยู่ข้างซุนอี๋เจียก้มหน้าและตอบอย่างกระอักกระอ่วน “ผมไม่ยังทันได้…”
  ”ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่?”ซุนอี๋เจีนหันกลับมาทันทีพร้อมกับแววตาวาววับ
  ”เรามีความคืบหน้าครับ”คนสนิทรีบตอบทันทีด้วยกลัวว่าจะถูกห้ามกลางคัน
  ”พูดต่อสิ”ซุนอี๋เจียที่ไม่เหลือความอดทนเอ่ยสั่ง
  การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของกูเหลียงเฉินทำให้เขาประหลาดใจซึ่งมันได้กระตุ้นความกระตือรือร้นและทะเยอทะยานในตัวเขาขึ้นมาและอยากครอบครองทั้งเขตเมืองอันลูทั้งหมด
  มีอำนาจมากกว่ามีประสบการณ์ในการทำงานและมีกลยุทธ์ที่ดีกว่า นั้นคือสาเหตุที่กูเหลียงเฉินสามารถสยบซุนอี๋เจียได้ ซึ่งตัวซุนอี๋เจียรู้คำตอบแล้ว แต่ที่ยากที่สุดสำหรับซุนอี๋เจียคือข้อมูลที่ยังไม่แน่ชัดเกี่ยวกับกูเหลียงเฉิน
  ไอ้นี้มันมาจากไหน?   ”ครับ”คนสนิทกัดฟันตอบและตัดสินใจรายงานความคืบหน้าอีกครึ่งที่เหลือต่อ แม้ว่าจะรู้ดีว่าความคืบหน้าเพียงครึ่งเดียวจะทำให้ซุนอี๋เจียเดือดก็ตาม “กูเหลียงเฉินมักจะจู่ๆก็หายตัวไปเป็นช่วงเวลาครับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหนมา หลังจากค้นพบจุดนี้ ผมก็ได้ส่งคนไปคอบแอบติดตามเขาอย่างลับๆครับ”
  ”ทว่ากลุ่มคนที่ผมส่งไปติดตามกูเหลียงเฉินมักจะหาร่องรอยหรือเบาะแสไม่เจอเลยเสมอเพราะงั้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมจึงตัดสินใจไปตามเขาเอง” คนสนิทเอ่ยขณะทวนความทรงจำในหัวตัวเอง “ครั้งนี้ต่างจากวิธีการติดตามทุกครั้ง ผมพบว่าเขามักมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ครับ”
  ”แกเห็นอะไร?”ซุนอี๋เจียจาเป็นประกายและห้ามใจอยากรู้ไม่อยู่
  คนสนิทรีบก้มหัว”ผมเห็นเขาบนเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่เขาจะบินไป ผมรออยู่ที่นั่นอยู่นานเขาก็ไม่กลับมา จากนั้นผมก็พบว่ากูเหลียงเฉินได้หายไปตัวจากค่ายแล้วครับ”  ”น่าสนใจนี่แน่นอน” ซุนอี๋เจียแหกปากอย่างชอบใจ “แกเห็นอะไรอีก?! มันใช้เฮลิคอปเตอร์ของค่ายไหน? มันมุ่งหน้าไปทางไหน? ใครนั่งอยู่ในห้องโดยสารบ้าง?”
  คำถามที่ถูกถามรัวติดต่อกันทำให้คนสนิทหน้าซีดเผือด”ผมไม่สามารถสังเกตการณ์ในระยะใกล้ได้ แต่ผมจะไปรีบหาคำตอบมาให้ครับ ตำแหน่งของกูเหลียงเฉิงไม่ใช่ธรรมดา และเฮลิคอปเตอร์ที่เขาขึ้นไปก็ไม่มีสัญลักษณ์ของค่ายไหนเลยครับ แต่ภาพรวมที่เห็นมันดูดีมากน่าจะเป็นหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ที่มีประสิทธิภาพก้าวหน้าที่สุดในจีนครับ”
  ซุนอี๋เจียอึ้งก่อนจะแหกปากลั่น
  ”ไม่มีสัญลักษณ์ค่ายไหนเลยและเป็นหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ที่ก้าวหน้าที่สุดในจีน?!”
  ”มั่นใจได้ครับท่านผมจะติดตามรายงานทุกอย่างมาให้ทั้งหมด และก็จะตามหาอำนาจที่คอยสนับสนุนกูเหลียงเฉินครับ!” คนสนิทที่ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่พยายามปิดบังของซุนอี๋เจียโค้งตัวอีกครั้งด้วยความกลัว
  ”ไม่!”จู๋ๆซุนอี๋เจียก็ตะคอกขึ้นมา แววตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยความน่ากลัว “ไม่ต้องติดตามมันอีก! เรียกตัวทุกคนที่คอยตามมันกลับมาให้หมด ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับกูเหลียงเฉินอีก!”
  ”อะอะไรนะครับ?” คนสนิทเอ่ยถามปากสั่น ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆซุนอี๋เจียถึงได้เปลี่ยนไปกระทันหันเช่นนี้
  ซุนอี๋เจียมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาทั้งตัวเกร็งขมวดไปหมด คนอื่นเป็นยังไงเขาไม่รู้ แต่เขาไม่สามารถยอมรับข้อมูลน้อยนิดแบบนี้ได้ ตัวเขามาจากซางจิงซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมหาศาลที่ถูกรวบรวมไว้
  ในบริบทปัจจุบันของโลกาวินาศค่ายทั่วทั้งจีนนั้นพัฒนาไปอย่างช้าๆเมื่อเทียบกับในยุคศิวิไลซ์ ทุกอย่างเริ่มเสื่อมโทรมลงโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นจากทั้งในและนอกส่งผลให้ทรัยพากรของแต่ละค่ายมีจำนวนจำกัดและอาจถึงทางตัน  ยิ่งอะไรที่เกี่ยวกับเครื่องจักรโดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ที่หรูหราอย่างนี้ แม้แต่ในตอนที่ค่ายหนานตู้เกิดสงคราม ทุกค่ายต่างพยายามส่งความช่วยเหลือไป เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้ากองทัพซอมบี้ทลายกำแพงเข้ามาได้จริงๆ มันจะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของจีน ทรัพยากรมากมายที่ต้องสูญสลายไป
  เพราะฉะนั้นในชีวิตจริง เฮลิคอปเตอร์นั้นเป็นของที่หรูหราสำหรับทุกค่าย ไม่ใช่ของที่ใครจะมีในครอบครองได้ง่ายๆ เพราะในโลกาวินาศมันต้องใช้เวลา กำลังคนและทรัพยากรมาหมาายในการซ่อมแซมและของเราเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถตามหาได้ง่ายๆในโลกาวินาศ
  ดังนั้นถ้าไม่ได้มีเหตุการณ์ใหญ่โตเกิดขึ้นค่ายต่างๆจะไม่ปล่อยเฮลิคอปเตอร์ออกขึ้นบินเด็ดขาด และที่สำคัญก็คือมันมีค่ายทั้งหมดสี่ค่ายในเขตเมืองอันลู ซึ่งมีแต่ค่ายขนาดเล็กและขนาดกลาง
  สำหรับค่ายเขี้ยวหมาป่าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจีนนั้นมีพัฒนาการที่แตกต่างไปจากค่ายอื่นๆค่ายเขี้ยวหมาป่ามีเฮลิคอปเตอร์เพียงแค่ลำเดียวเท่านั้น และมันก็เป็นของซางจิ่วตี้!
  ��