ตอนที่ 929 แผนสมรู้ร่วมคิดอย่างสมบูรณ์แบบ

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ยิ่งในกรณีของเฮลิคอปเตอร์มันมีเรื่องที่ทุกค่ายเข้าใจกันดีว่าจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน…นั่นก็คือทุกค่ายจะต้องมีตราของค่ายติดไว้ที่ลำตัวของเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์และระบุตัวตนของเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำ
  แน่นอนว่าเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือจากค่ายจินหยางทั้งห้าลำนั้นกลับกลายเป็นเฮลิคอปเตอร์ผี ทำให้เขาไม่สามารถหาคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้นได้
  ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือกูเหลียงเฉินแถมพวกนี้ยังเป็นเฮลิคอปเตอร์เหนือชั้น อีกทั้งไม่มีตราค่ายประทับอยู่อีก ซุนอี๋เจียก็คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดขึ้นมาทันที
  หรือว่า…
  ตระกูลลึกลับ!   มีเพียงแค่ตระกูลลึกลับที่สามารถมีของพิเศษเช่นนี้ไว้ในครอบครองแต่โดยปกติตระกูลลึกลับจะไม่มาแทรกแซงเรื่องของคนทั่วไป โดยเฉพาะประเด็นที่เชื่อมโยงกับค่ายอื่นๆมากมายอย่างนี้
  เพราะฉะนั้นถ้ากูเหลียงเฉินเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง แสดงว่ามันต้องมีตระกูลลึกลับคอยอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่หลูอี๋ที่เป็นผู้นำค่ายเจี๋ยนอี๋จะยินยอมเลื่อนตำแหน่งให้กูเหลียงเฉินอย่างง่ายดายแล้ว แต่การทำเช่นนี้มันยังเป็นการกดซุนอี่เจียเอาไว้ทุกด้านอีกด้วย
  หากที่เหนือเกินความคาดหมายของซุนอี๋เจียก็คือตระกูลลึกลับยื่นมือเข้ามาช่วยเมืองอันลูจริงๆงั้นเหรอ?
  แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นตระกูลไหนกันแน่และไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไรแต่ยังไงมันก็ไม่สามารถห้ามความอิจฉาและความกลัวในใจของซุนอี๋เจียได้เลย
  โชคยังดีที่เขารู้ตัวซะก่อนไม่อย่างนั้นเขาคงตกอยู่ในหายนะเป็นแน่!
  ”ให้ผมตรวจสอบอย่างละเอียดมั้ยครับ?”คนสนิทของซุนอี๋เจียเอ่ยถามโดยที่ไม่รับรู้ถึงความซับซ้อนของเรื่องนี้เลยสักนิด เขาเพียงแต่พยายามเสนอทางเลือกให้กับนายตัวเอง “ที่จริงครับ เราจะได้ความคืบหน้าในอีกไม่ช้า ผมได้รับรายงานเมื่อคืนบอกว่ากูเหลียงเฉินหายตัวไปอีกครั้งแล้วครับ เราคาดว่าเขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ผมคิดว่านั้นน่าจะเป็นสาเหตุที่เราตามหาตัวกูเหลียงเฉินไม่เจอ”
  ”ไสหัวไปซะ!!!”จู่ๆซุนอี๋เจียก็ตะคอกเสียงดังลั่น แววตาน่ากลัวจ้องเขม็งไปที่คนสนิทราวกับกำลังมองคนโง่เง่าน่ารำคาญ
  เบื้องหลังคือตระกูลลึกลับมันยังกล้าจะไปสืบต่ออีก?!
  แม้ว่าในใจจะคิดอย่างนั้นหากซุนอี๋เจียก็ไม่กล้าจะพูดความจริงออกมาให้คนสนิทรับรู้
  ”แล้วห้ามมาถามฉันเรื่องนี้อีกไป! เดี๋ยวฉันจะไปพบหลูอี๋เอง” ตาของซุนอี๋เจียล่อกแล่กไปมา เขาไม่เคยได้เข้าพบกับหลูอี๋เป็นการส่วนตัวมาก่อนเลยและมันก็เห็นได้ชัดว่าข่าวที่เขาพึ่งได้รับรู้นี่ทำให้เขาค่อนข้างกลัวไม่น้อย
  ”ครับ”คนสนิทรีบโค้งคำนับทำความเคารพและจากไปทันที ปล่อยให้ซุนอี๋เจียอยู่ภายในบ้านพักเพียงลำพัง
  เป็นเพราะว่าเดิมทีซุนอี๋เจียไม่ชอบใจหลูอี๋และกูเหลียงเฉินอยู่แล้วแต่ตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องทำดีกับพวกนั้น เขาจึงไม่อยากจะให้คนสนิทของตัวเองได้เห็นท่าทางที่แปลกไป เลยเลือกที่จะสั่งให้คนสนิทออกไปก่อน
  คนสนิทของซุนอี๋เจียซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะสูงค่อยๆปิดประตูลงเบาๆเขาที่ที่ผ่านมาทำเป็นคนที่ให้ความเคารพต่อซุนอี๋เจียอย่างมากยามอยู่ต่อหน้า ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย หลังที่เคยก้มโค้งมาตลอดยืดขึ้นตรงทันทีและออกตัวเดินหน้ามุ่งตรงไปยังทิศทางที่ซุนอี๋เจียไม่มีทางคาดคิดมาก่อน
  ในขณะนั้นเองภายในบ้านพักของหลูอี๋ ณ ค่ายเจียนอี๋ กูเหลียงเฉินค่อยๆถอดเสื้อคลุมที่ตัวลง เขามองถ้วยน้ำชาในห้องที่กลายเป็นเย็นเฉียบเพราะถูกทิ้งไว้ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว
  ”นายทำงานหนักเลยสินะที่โน่นเป็นยังไงบ้าง?” หลูอี๋เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารที่สูงจนท่วมหัว เขาคุ้นเคยและสนิทกับกูเหลียงเฉินดี
  ”ก็เหมือนเดิม”กูเหลียงเฉินยิ้มและส่ายหัว “สงครามยังดำเนินต่อไป ซอมบี้ก็เพิ่มจำนวนและโผล่มาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จำนวนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ค่อยๆลดลง ดูจากจำนวนศพที่เจอในภูเขาคาดว่าจะน่าหลายร้อยคนอยู่เหมือนกัน ไหนจะปริมาณของซอมบี้ที่ตอนแรกมีถึง 300,000 ตัวไม่รู้ตอนนี้มันเพิ่มไปมากขนาดไหน และก็มีข่าวที่เลวร้ายกว่านี้อีก พวกลูกผสมยังไม่ปรากฏตัวเลย!”
  แววตาของหลูอี๋คมกริบและวาววับคิ้วขมวดเข้าหากัน “นอกจากเหมิงชีเหว่ย ยังไม่มีความช่วยเหลืออื่นส่งมาอีกเหรอ?”   ”ไม่มี”กูเหลียงเฉินส่ายหน้าและยิ้มจางๆ “ทรัพยากรเริ่มขาดแคลน อีกทั้งในตอนแรกกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็พกอาหารและอาวุธไปสำหรับเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ไหนจะต้องต่อสู้อยู่ตลอด ดูจากปริมาณอาวุธและอาหารที่ทหารทุกคนพกไปในตอนแรก คิดว่าพวกเขามีเวลาเหลือเพียงแค่สามวันเท่านั้น”
  ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิทและทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ตามมาด้วยสัมผัสของอันตราย
  หลูอี๋ตวัดสายตาไปที่ประตูทันทีหากเขายังคงนิ่งอยู่ กูเหลียงเฉินเองก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างเช่นกัน เขาจ้องไปที่ประตูอย่างเงียบๆ
  ไม่มีใครส่งเสียงใดๆแต่หลังจากเสียงเคาะประตูเงียบลงไป ผ่านไปอีกสามวินาทีต่อมา ประตูก็ค่อยๆถูกผลักเปิดออกช้าๆและร่างของคนคนหนึ่งเดินเยื้องกายเข้ามา มันมีเสียงพูดกระซิบขณะคนคนนั้นเดินเข้ามา “ซุนอี๋เจียสั่งให้หยุดการสืบสวน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเรา และเขาจะมาที่นี้ภายในอีกสิบห้านาที”
  คนที่เข้ามาใหม่ก็คือนายทหารคนสนิทของซุนอี๋เจียนั่นเองซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นสายลับที่ถูกส่งไปแฝงตัว เป็นคนที่ซุนอี๋เจียไม่มีทางคาดถึง!
  ทุกอย่างคือแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ถูกปิดบังอยู่ในความมืดแม้ว่ากูเหลียงเฉินจะมีการติดต่ออย่างห่างๆกับเหย่จือโปอยู่ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะติดต่อกับตระกูลลึกลับได้โดยตรง นอกเหนือจากชูฮัน ซางจิ่วตี้และเหอซาง ก็ไม่มีใครในที่นี้รู้ข้อมูลของตระกูลลึกลับเลย แต่เป็นเพราะข้อมูลที่ไม่ชัดเจนที่พวกเขาจงใจป้อนให้กับซุนอี๋เจียเพื่อลวงให้อีกฝ่ายคาดเดาไปว่ากูเหลียงเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลึกลับเพื่อให้ซุนอี๋เจียติดกับ
  ทั้งสามคนภายในห้องกูเหลียงเฉิน วิวัฒนาการระยะสูงซึ่งเป็นคนสนิทของซุนอี๋เจียที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตระกูลลึกลับ และหลูอี๋ที่รู้เพียงหนึ่งหรือสองอย่างมาตั้งแต่เด็กๆนาที”
  คนที่เข้ามาใหม่ก็คือนายทหารคนสนิทของซุนอี๋เจียนั่นเองซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นสายลับที่ถูกส่งไปแฝงตัว เป็นคนที่ซุนอี๋เจียไม่มีทางคาดถึง!
  ทุกอย่างคือแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ถูกปิดบังอยู่ในความมืดแม้ว่ากูเหลียงเฉินจะมีการติดต่ออย่างห่างๆกับเหย่จือโปอยู่ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะติดต่อกับตระกูลลึกลับได้โดยตรง นอกเหนือจากชูฮัน ซางจิ่วตี้และเหอซาง ก็ไม่มีใครในที่นี้รู้ข้อมูลของตระกูลลึกลับเลย แต่เป็นเพราะข้อมูลที่ไม่ชัดเจนที่พวกเขาจงใจป้อนให้กับซุนอี๋เจียเพื่อลวงให้อีกฝ่ายคาดเดาไปว่ากูเหลียงเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลึกลับเพื่อให้ซุนอี๋เจียติดกับ
  ทั้งสามคนภายในห้องกูเหลียงเฉิน วิวัฒนาการระยะสูงซึ่งเป็นคนสนิทของซุนอี๋เจียที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตระกูลลึกลับ และหลูอี๋ที่รู้เพียงหนึ่งหรือสองอย่างมาตั้งแต่เด็กๆแต่มันก็แค่ผิวเผิน เทียบไม่ได้เลยกับเหล่าผู้นำค่ายใหญ่ๆทั้งหลาย ทว่ารู้หรือไม่รู้มันก็ไม่มีความแตกต่าง
  รวมถึงความลับของการจากไปของกูเหลียงเฉินที่จริงแล้วเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลลึกลับอย่างซุนอี๋เจียเข้าใจ ความจริงมันคือเฮลิคอปเตอร์ของค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ใช้ประโยชน์มุมจากความสูงและความไกล ซึ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ทุกอย่างดำเนินการไปตามแผนที่ถูกวางเอาไว้โดยชูฮันก่อนที่เขาจะจากไปต่างหาก
  เฮลิคอปเตอร์ถูกปรับแต่งและตราของซางจิงถูกลบออก และทาสีเดียวกับตัวเครื่องทับไปเพื่อตบตา
  ไม่ใช่แค่กูเหลียงเฉินหลูอี๋หรือคนทั้งค่ายเขี้ยวหมาป่า ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงแล้วชูฮันทำอะไรไว้มากมายเพื่อทุกคนแค่ไหน มีเพียงแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ชูฮันเชื่อใจและบอกถึงแผนการเพื่อให้ทุกคนดำเนินการตามขั้นตอนทีละขั้น  เพราะฉะนั้นทุกคนจึงถูกซ่อนไว้ในความมืด ซุนอี๋เจียที่กำลังหวาดกลัวกับเรื่องของตระกูลลึกลับก็สติแตกจนขาดสติที่จะไตร่ตรองด้วยเหตุและผล
  ทุกอย่างคือภาพลวงตาที่ก่อตัวขึ้นตามแผนการที่คาดการณ์เอาไว้ของชูฮันหลังจากที่หลูอี๋เต็มใจร่วมมือด้วยในมือเขายอมรับชูฮันเป็นค่ายหลัก มันก็จะต้องไม่มีอันตรายที่ซ่อนเร้นจากภายในสู่ภายนอก
  มันคือแผนการสมรู้ร่วมคิดที่สมบูรณ์แบบ!
  ”ความคืบของเรื่องซุนอี๋เจียราบรื่นดีคงเป็นเพราะขั้นตอนที่หัวหน้าชูฮันทิ้งไว้” กูเหลียงเฉินแสยะยิ้ม “แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว หัวหน้าชูฮันหายไป และทั้งเมืองอันลูก็วุ่นวายเละเทะไปหมด”
  ขณะที่ภายในห้องกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ทันใดนั้น—-
  ”ปัง!”   ร่างที่คุ้นเคยก็วิ่งเข้ามาจากทางหน้าต่างอย่างไม่น่าเชื่อพุ่งตรงเข้ามาที่โต๊ะของหลูอี๋ “พระเจ้า! ให้ตายสิ! ค่ายของแกนี้มันหลบอยู่หลังเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ ฉันละหมดคำพูด!”
  ”ราชานักล่า?”หลูอี๋งุนงง ก่อนจะที่หัวใจจะเริ่มเร่งความเร็วเป็นเต้นรัว “มีอะไรเกิดขึ้น?!!!”