องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 706 แม่ทัพฉีไม่มีความสุข
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ออกไป” ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มกังวลเมื่อเห็นหวาชิง
“ท่านไม่ไป ข้าจะไปได้อย่างไร” หวาชิงประคองฉีเฟยอวิ๋นให้ลุกขึ้น
ทั้งสองมองหน้ากัน หวาชิงหันไปมองจงชินอ๋อง “นางแพ้แล้ว ปล่อยเราไปเถอะ”
“หวาชิง?” จงชินอ๋องเดินตรงมา
“ท่านคือหนานกงเซวียนเหอหรือ” หวาชิงจำหนานกงเซวียนเหอได้
เมื่อก่อนหนานกงเย่กับนางเคยไปมาหาสู่กัน ซึ่งนั่นเป็นตอนที่หวาชิงยังเด็ก
หนานกงเซวียนเหอกล่าวว่า “หวาชิง เจ้าโตแล้วช่างงดงามเสียจริง!”
“ปล่อยเรานะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าท่าน”
หวาชิงชี้ดาบไปที่หนานกงเซวียนเหอ คนของหนานกงเซวียนเหอมารายล้อมตัวเอาไว้ หวาชิงเหลือบมองคนเหล่านั้นก่อนจะหันไปมองหนานกงเซวียนเหอ
“หวาชิง พวกท่านไปจากที่นี่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ท่าน ก็นาง ท่านเลือกเอง”
“ข้าจะอยู่” หวาชิงมั่นคงแน่วแน่
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาลูกกลอนจำนวนหนึ่งใส่ลงไปปากเพื่อหยุดเลือด จากนั้นจึงยืนอย่างมั่นคงมองหนานกงเซวียนเหอ “ความแค้นระหว่างข้ากับท่านไม่เกี่ยวอะไรกับหวาชิง ปล่อยนางไปเสีย”
“ฉีเฟยอวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านใช้ยาพิษได้ แต่ในที่แห่งนี้ใช้ยาพิษไปก็ไร้ประโยชน์” เมื่อหนานกงเซวียนเหอก้าวเข้ามาหาพวกนาง หวาชิงจึงคิดจะเข้าไปหาหนานกงเซวียนเหอ แต่ฉีเฟยอวิ๋นดึงหวาชิงมาไว้ที่ด้านหลังและผลักหวาชิงออกไป
“ท่านไปก่อน บนตัวของท่านมีพิษ ไม่ว่าใครก็เข้าใกล้ไม่ได้”
หวาชิงไม่ได้ไปไหน ทว่ามีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้นางและล้มลงทันทีที่สัมผัสตัวนางเข้า
หนานกงเซวียนเหอกล่าวว่า “หยิบคันธนูกับลูก”
อาอวี้รีบไปนำคันธนูและลูกธนูมาทันที ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างโมโหว่า “หนานกงเซวียนเหอ ถ้าท่านกล้าทำร้ายหวาชิง ข้าจะบอกให้ฉวนเอ๋อร์เกลียดท่านไปตลอดชีวิต”
หนานกงเซวียนเหอหยุดชะงัก เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยว่า “แล้วยังไง เกลียดกันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย”
อาอวี้ง้างสายธนู ฉีเฟยอวิ๋นรีบหันไปหาหวาชิงทันที หวาชิงมองลูกธนูที่ยิงออกมาแล้วตะโกนว่า “อย่าเข้ามา รีบหลบไป!”
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะไม่ทันจึงกระโดดเข้าไป โถมตัวเข้าหาหวาชิงจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
หลังจากยิงมาหนึ่งดอก อาอวี้ก็เตรียมจะยิงดอกที่สอง
“กา!”
ยังไม่ทันจะยิงธนูดอกที่สอง ใครบางคนก็เข้ามาหยุดไว้
ใครคนหนึ่งกระโจนเข้ามาจากอีกทางและหมุนตัวลงไปอยู่บนพื้น
หนานกงเย่หันกลับไปมองฉีเฟยอวิ๋นและหวาชิง ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง”
“ท่านยังจะมีหน้ามาเรียกท่านอ๋องอีก!” หนานกงเย่กัดฟันกรอด ยิ่งรู้สึกเกลียดและเจ็บปวดใจยิ่งกว่าเดิม!
หนานกงเย่หันกลับไปมองหนานกงเซวียนเหอ “ไม่คิดว่าท่านจะกล้ามา”
หนานกงเซวียนเหอยิ้ม “เป็นอย่างไร มาแล้วจะทำอะไรข้าได้”
“เจ้าจะทำอะไรข้าก็ได้ จะทำอะไรกับเมืองต้าเหลียงก็ได้ แต่สิ่งเดียวที่เจ้าไม่ควรยุ่งคือการแตะต้องผู้หญิงของข้า” หนานกงเย่ลดเสียงต่ำ ผู้คนที่อยู่รอบๆ เริ่มล้มตาย หนานกงเซวียนเหอเหลือบมองนิดหนึ่งและพบว่าทุกคนต่างถูกยิงตายด้วยลูกธนู
คนกลุ่มหนึ่งเข้ามารุมล้อมอย่างรวดเร็ว ปลายดาบทั้งหมดหันหน้าเข้าไปหาเขาและอาอวี้
อาอวี้ยืนบังหนานกงเซวียนเหอไว้ “หนีไปก่อน นายท่าน”
หนานกงเซวียนเหอมองไปรอบๆ “เจ้าขึ้นไป”
อาอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางเตรียมจะขึ้นม้าแต่กลับหัวคะมำลงมา
หนานกงเซวียนเหอกระโดดขึ้นหลังม้า เขากระทุ้งเท้าที่ท้องม้าและหักหัวม้าควบหนีไป
หนานกงเย่ฉวยลูกธนูที่อยู่ใกล้มือขึ้นมา และตอนนี้ลูกธนูที่จะใช้ฆ่าฉีเฟยอวิ๋นเมื่อครู่นี้ก็อยู่ในมือของหนานกงเย่ ซึ่งเข้าจะใช้ธนูลูกนี้ฆ่าหนานกงเซวียนเหอ
หนานกงเซวียนเหอตกลงมาจากหลังมาและมีคนถลันขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ตรงหน้าแล้วจึงถอดหน้ากากออก
อาอวี่มองหนานกงเย่ หนานกงเย่ส่งเสียงฮึในลำคออย่างเยือกเย็น “ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องจับเขาให้ได้”
บนภูเขา ชายสวมหน้ากากหันมาพาเขาออกไป
“นายท่าน เราจะทำอย่างไรกับอาอวี้”
“ถ้านางมีชีวิตรอดมาได้ นางจะกลับมาหาเราเอง”
หนานกงเย่จับใครไม่ได้เลย เขาหันไปมองฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจับมือหนานกงเย่เอาไว้และเอนกายเข้าไปหา นั่นเองหนานกงเย่จึงโน้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมาและเหลือบมองหวาชิงนิดหนึ่งอย่างไม่สนใจ จากนั้นจึงขึ้นไปบนม้าและออกไปจากที่นี่
ตอนที่กลับไปถึงจวนอ๋องเย่หมอเทวดารอพร้อมอยู่แล้ว หมอประจำจวนโจวเองก็ตกใจมิใช่น้อย ฉีเฟยอวิ๋นถูกพากลับไปที่สวนดอกกล้วยไม้ หมอเทวดาหยิบทุกอย่างที่มีออกมา หมอโจวทำได้เพียงแค่จับชีพจร จะฉีดยาก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้อะไร
หมอเทวดาตรวจดูอาการของฉีเฟยอวิ๋นและตกตะลึงอยู่เป็นนาน
“ร่างกายของท่านอาจารย์เต็มไปด้วยยาพิษ เวลานี้นางได้รับบาดเจ็บ ที่บาดแผลไม่หายเป็นเพราะพิษบนร่างกายของนาง”
หนานกงเย่เงยหน้ามองหมอเทวดา “เพราะพิษ บาดแผลจึงไม่หายงั้นหรือ”
“อื้ม” หมอเทวดารอบรู้และมีประสบการณ์ เขารู้เรื่องเหล่านี้ดี
ฉีเฟยอวิ๋นมองหมอเทวดา “เช่นนั้นไม่มีทางแก้งั้นหรือ”
“ไม่มี”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ข้าจะไม่เป็นไร ขอเพียงแค่หาต้นเหตุได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว วางใจเถิดเพคะ”
“มีอะไรที่ข้าไม่ต้องกังวลบ้าง ไว้รออวิ๋นอวิ๋นไม่อยู่แล้ว ข้าจะได้ฆ่า…”
“ข้าเหนื่อยแล้วท่านอ๋อง ข้าอยากจะพัก” ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่เอาไว้ หนานกงเย่จึงหยุดพูดทันทีและลุกขึ้นอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไปที่สระกำมะถัน
“ท่านอาจารย์จะลงน้ำไม่ได้”
เมื่อหมอเทวดาเห็นว่าหนานกงเย่จะอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไปอาบน้ำ เขาก็รีบห้ามทันที
หนานกงเย่ทำราวกับว่าไม่ได้ยินและยังคงตรงไปที่สระกำมะถัน
เมื่อปิดประตูลงหนานกงเย่จึงอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไปอาบน้ำ เมื่อเข้าไปแล้วทั้งสองจึงนั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มเงินขึ้นมาและสกัดเส้นเลือดบางจุดเอาไว้ จากนั้นจึงอาบน้ำพร้อมกับหนานกงเย่
หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน เขาอาบน้ำให้ฉีเฟยอวิ๋นพลางคิดอย่างใจลอย ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยจนฟุบหลับลงบนอ้อมอกของเขา หลังจากออกมาฉีเฟยอวิ๋นก็หลับลึกไปแล้ว
หนานกงเย่ช่วยนางเช็ดตัวทำความสะอาด จากนั้นจึงเปลี่ยนผ้าคลุมนอนและนั่งมองฉีเฟยอวิ๋น
อวิ๋นจิ่นและแม่ทัพฉีเข้ามาเยี่ยมฉีเฟยอวิ๋น เมื่อทั้งสองคนเข้ามาหนานกงเย่จึงออกไป
ที่ด้านนอก ทันทีที่หมอเทวดาเห็นหนานกงเย่ เขาก็รีบเข้ามาหาทันที “ท่านอ๋องเย่ ท่านอาจารย์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
แม้ว่าหมอเทวดาจะอายุมากแล้วแต่เขาก็ให้ความเคารพกับผู้เป็นอาจารย์ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับฉีเฟยอวิ๋นเขาจึงกังวลยิ่งกว่าใครๆ
หนานกงเย่เหลือบมองหมอเทวดา “ท่านแน่ใจหรือ ว่าการที่ตัวของพระชายาเต็มไปด้วยพิษนั้นไม่เอื้อต่อการฟื้นฟูสภาพร่างกาย”
“อื้ม”
หนานกงเย่เหลือบมองหวาชิงที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ท่านแม่ทัพน้อยกลับไปที่จู๋อวิ๋นไจเสียก่อนดีกว่า ก่อนที่ข้าจะเห็นท่านอยู่ที่นี่แล้วไม่สบายใจขึ้นมาจนตบท่านตาย พระยาชาไม่เป็นอะไรแล้ว กำลังหลับอยู่ข้างใน”
หวาชิงมีสีหน้าไม่พอใจ “หนานกงเย่ ข้าจะทูลฝ่าบาทว่าอยากแต่งงานกับท่าน”
หนานกงเย่สีหน้ามึนตึง “ท่านไสหัวไปได้แล้ว”
หวาชิงหันหลังและเดินจากไป
แม่ทัพฉีสังเกตข้อมือของฉีเฟยอวิ๋นอย่างเอาใจใส่ เวลานี้ที่แผลเริ่มเป็นหนองแล้ว
“ท่านแม่ทัพฉี ท่านคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเจ้าคะ” อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ข้างๆ และประสานมือไว้ด้วยกันอย่างนอบน้อม
แม่ทัพฉีเหลือบมองอวิ๋นจิ่นและคิดนิดหนึ่ง “เจ้าเองก็รู้หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เวลานี้นายท่านคงจะพบเจอกับปัญหาเข้าแล้ว ข้ารู้จักนิสัยของท่านแม่ทัพฉี แต่มีเรื่องใดบ้างที่ไม่ได้เป็นโชคชะตา
บุตรสาวของท่านแม่ทัพฉีคือคนที่ท่านแม่ทัพฉีห่วงใย เป็นไปได้หรือที่นายท่านและท่านแม่ทัพฉีจะไม่ใส่ใจกันเลยแม้แต่น้อย
นึกถึงเวลาที่นายกับท่านแม่ทัพฉีมีร่วมกันในระยะเวลานี้ ท่านแม่ทัพฉีไม่มีความสุขหรอกหรือ
ถ้า… นายท่านไม่มา ท่านแม่ทัพฉี… เวลานี้บุตรสาวของท่านก็อาจจะไม่อยู่แล้วเช่นกัน
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ นายท่านเก็บศพที่ตายไปแล้วขึ้นมา เช่นนั้น… เวลานี้ที่ยังเหลืออยู่ก็คือการอาศัยร่างผู้อื่น”
“เช่นนั้นหนานกงเย่ก็ยิ่งสมควรตายที่ฆ่าบุตรสาวของข้า เขายังคิดจะมีชีวิตอยู่งั้นรึ”
แม่ทัพฉีเหลือบมองอวิ๋นจิ่นและไม่พูดอะไรกับนางอีก
อวิ๋นจิ่นห่มผ้าห่มให้ฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า “ที่ท่านแม่ทัพฉีพูดมาก็ถูก แต่ถ้านายท่านจากไปแล้ว ดูจากร่างตรงหน้าตอนนี้ เกรงว่านางคงจะไม่มีชีวิตรอด
เมื่อยังอยู่เรายังมองเห็นได้เสมอ เมื่อไม่มีแล้วก็ไม่เหลืออะไรอีก
เชิญท่านแม่ทัพฉีตามสบาย อวิ๋นจิ่นขอตัวลา”
อวิ๋นจิ่นพูดจบก็ออกไปข้างนอก แม่ทัพฉีมองตามไปและจมอยู่ในความคิด ในท้ายที่สุดก็หันไปมองข้อมือที่เป็นหนองของฉีเฟยอวิ๋น